xs
xsm
sm
md
lg

‘ปรีโกจิน’ ถูกลอบสังหารแน่นอน แต่ไม่น่าจะเป็น ‘ปูติน’ ที่เป็นคนสั่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สตีเฟน ไบรเอน ***


สถานที่รำลึกไว้อาลัยที่ผู้คนจัดทำขึ้นมาอย่างง่ายๆ ในกรุงมอสโก ภายหลังมีรายงานการเสียชีวิตเนื่องจากเครื่องบินตกของ เยฟเกนี ปรีโกจิน
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)

The Prigozhin whodunnit
By STEPHEN BRYEN
25/08/2023

ผมเชื่อว่ามันไม่ใช่ปูตินหรอกที่เป็นคนสั่ง ขณะที่หน่วย GRU มีทั้งเครื่องมือวิธีการและแรงจูงใจพรักพร้อม

ผมเชื่อว่า เยฟเกนี ปรีโกจิน ผู้นำกองทัพทหารรับจ้างกลุ่มวากเนอร์ของรัสเซีย เสียชีวิตอยู่ในกองปรักหักพังของเครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งในจำนวนหลายๆ ลำของเขา ซึ่งตกลงมาโหม่งโลกเมื่อวันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา (รายงานข่าวช่วงต้นๆ บางกระแสระบุว่า มีข่าวลือว่า ปรีโกจิน อาจจะไม่ได้อยู่บนเครื่องบินลำดังกล่าว)

ผมยังมีความสงสัยอย่างแรงด้วยว่า เครื่องบินลำนี้ถูกยิงตก ไม่ใช่ร่วงลงมาเพราะลูกระเบิดที่ถูกลักลอบขึ้นไปวางไว้บนเครื่อง หรือเพราะอุบัติเหตุจากความขัดข้องทางกลไก แต่ว่ามันจะโหม่งโลกเพราะลูกระเบิดหรือขีปนาวุธก็ตามที ผมไม่มีข้อสงสัยเลยว่ามันเป็นการลอบสังหารอย่างจงใจ และไม่ใช่ความล้มเหลวขัดข้องทางกลไกอะไรสักอย่างหนึ่งหรอก ซึ่งทำให้เครื่องบินเอมบรีเออร์ (Embraer) ลำนี้ตกลงมาจากท้องฟ้า

ผมเชื่อว่า สำนักงานข่าวกรองทหารของรัสเซีย ที่เรียกกันว่าหน่วย GRU มีทั้งเครื่องมือวิธีการและแรงจูงใจที่จะลงมือปฏิบัติการเช่นนี้ โดยที่จะได้รับหรือไม่ได้รับการอนุมัติเห็นชอบก่อนจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก็ตามที

อันที่จริง ผมสงสัยข้องใจว่า จริงหรือที่ปูตินจะเป็นผู้ออกคำสั่งให้ลอบสังหารอย่างน่าตื่นตาตื่นใจต่อพันธมิตรที่เปลี่ยนไปเป็นผู้ท้าทายของเขาคนนี้ เหตุผลข้อสำคัญที่สุดก็คือว่า ปูตินได้ทำข้อตกลงเอาไว้แล้วกับปรีโกจิน และกับสหายของเขาในเบลารุส ซึ่งก็คือ ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ข้อตกลงดังกล่าวคือสิ่งที่คุ้มครองปรีโกจิน ขณะที่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าปรีโกจินได้ละเมิดเงื่อนไขต่างๆ ที่ระบุเอาไว้ในข้อตกลง แต่ผมก็ไม่คิดว่าปูตินจะตัดสินใจสั่งใช้มาตรการน่าตื่นใจเช่นนี้ โดยที่สำคัญที่สุดก็คือเพราะเขามีมิตรภาพที่ยาวนานกับปรีโกจิน และเพราะเขาได้ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้แล้ว

อย่างที่ผมได้พูดเอาไว้ขณะกล่าวในงานเสวนาผ่านเว็บ (webinar) ของศูนย์นโยบายชาวยิว (Jewish Policy Center) เมื่อวันที่ 24 สิงหาคมนั่นแหละ ภาพหลายๆ ภาพของซากเครื่องบินไอพ่นส่วนตัวลำนี้ดูเหมือนแสดงให้เห็นรูหลายรูตรงซากส่วนปีกเครื่องบินข้างหนึ่ง ซึ่งน่าเกิดขึ้นจากสะเก็ดขีปนาวุธ ถ้าเป็นกรณีเกิดการระเบิดบนเครื่องบินแล้ว มันจะไม่มีสะเก็ดแบบนี้ คุณจะได้สะเก็ดเช่นนี้ก็คือจากพวกขีปนาวุธต่อสู้อากาศยาน

ตั้งแต่ที่ผมไปนำเสนอสิ่งที่ผมกล่าวมานี้ สำนักงานข่าวกรองกลางของสหรัฐฯ (ซีไอเอ) ได้ออกมาแถลงว่า เครื่องบินของปรีโกจินตกเพราะฤทธิ์เดชของระเบิด ไม่ใช่ขีปนาวุธหรอก บางทีพวกเขาอาจะมีข้อสรุปเช่นนี้โดยอิงอาศัยภาพที่ได้มาจากดาวเทียม แต่การที่ดาวเทียมจะจับภาพของขีปนาวุธต่อสู้อากาศยานนั้น ไม่ใช่ของที่ทำกันได้ง่ายๆ หรอกครับ

ภาพที่ช่องของปรีโกจินบนแพลตฟอร์ม “เทเลแกรม” โพสต์เอาไว้  โดยระบุว่าเป็นเศษซากปีกข้างหนึ่งของเครื่องบินที่ตกลงมา  รวมทั้งใช้สีแดงวงกลมให้เห็นรูหลายรูบนซากปีกชิ้นนี้
เครื่องบินลำนี้กำลังบินอยู่ที่ระดับความสูง 28,000 ฟุต รวมทั้งยังกำลังบินไต่สูงขึ้นไปอีก มีแต่พวกขีปนาวุธยิงจากพื้นดินสู่อากาศบางรุ่นบางแบบ อย่างเช่น พวกระบบบุค (BUK) เท่านั้นแหละ –ไม่ต้องไปเอ่ยถึงเครื่องบินขับไล่ – ซึ่งสามารถที่จะระเบิดมันให้ร่วงลงจากท้องฟ้าลงมาตกในบริเวณห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือราว 100 ไมล์ กองทหารประจำการตามปกติของรัสเซียในแคว้นที่เครื่องบินลำนี้ตกต้องมีระบบป้องกันภัยทางอากาศในครอบครองอยู่แล้ว หน่วย GRU ก็มีเช่นเดียวกัน

สิ่งที่ผมคาดเดาก็คือว่า หน่วย GRU –ซึ่งมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า กรมใหญ่แห่งคณะเสนาธิการของกองทัพสหพันธรัฐรัสเซีย (Main Directorate of the General Staff of the Armed Forces of the Russian Federation) –ต้องการที่จะดึงอำนาจควบคุมกลับคืนมาจากกลุ่มวากเนอร์ กลุ่มทหารรับจ้างกลุ่มนี้ ซึ่งแสดงบทบาทอย่างเข้มแข็งในนามของทำเนียบเครมลินทั้งที่แอฟริกาและซีเรีย สามารถช่วงชิงการนำจากกองทัพประจำการตามปกติได้สำเร็จในศึกชิงเมืองบัคมุต ทางภาคตะวันออกของยูเครน ที่ดำเนินอยู่เป็นเวลา 9 เดือน ขณะที่กลุ่มวากเนอร์ต้องสูญเสียกำลังพลไปเป็นจำนวนมาก จากที่เคยมีอยู่ในระดับสูงสุดที่ 50,000 คนตามรายงานซึ่งปรากฏออกมา ทว่าในที่สุดพวกเขาก็สามารถขับไล่กองกำลังฝ่ายยูเครนที่มีขนาดใหญ่กว่าให้ถอยร่นกลับไปได้สำเร็จ

ปรีโกจิน และกองกำลังวากเนอร์ยังสร้างความอับอายขายหน้า และกระทำการที่เป็นการบ่อนทำลายทั้งกองทัพปกติและตัวปูตินเอง ด้วยการก่อกบฏเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แถมยังพยายามเดินทัพเข้ากรุงมอสโกในเดือนมิถุนายนถึงแม้จะไม่ประสบความสำเร็จ ในการต่อรองกันหลังจากเหตุการณ์คราวนั้น เพื่อแลกเปลี่ยนกับการให้ ปรีโกจิน และวากเนอร์สามารถเลือกได้ว่าจะผนวกรวมเข้าไปอยู่ในกองทัพตามแบบแผนปกติ หรือไม่ก็เดินทางไปประจำการที่เบลารุส ปูตินก็ได้ให้สัญญาที่จะคุ้มครองปรีโกจิน

อย่าลืมว่าทั้งสองคนนี้ต่างเติบโตขึ้นมาในย่านพำนักอาศัยแห่งเดียวกันของเมืองเลนินกราด (ซึ่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อกลับมาเป็นเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก อีกครั้งหนึ่ง) ทั้งคู่เคยร่วมมือกันมาก่อน และ ปรีโกจิน ที่ครั้งหนึ่งต้องติดคุกอยู่หลายปีด้วยข้อหาเป็นโจรลักทรัพย์ ก็ได้ใช้อาณาจักรธุรกิจจัดเลี้ยงมาเป็นแพลตฟอร์มสำหรับการจัดตั้งกองกำลังทหารภาคเอกชนซึ่งทำประโยชน์อย่างมากมายให้แก่ปูติน

อดีตประธานาธิบดีบิลล์ คลินตัน ของสหรัฐฯ เคยตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า ปูตินเป็นคนที่รักษาคำมั่นสัญญาของตัวเอง ถ้าเขาให้สัญญาที่จะคุ้มครองปรีโกจิน เขาก็น่าที่จะพยายามกระทำเช่นนั้น

ในเวลาที่เกิดเหตุเครื่องบินตก ปูตินกำลังอยู่ในแคว้นเคิร์สก์ (Kursk) เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 80 ปีของชัยชนะที่สหภาพโซเวียตมีเหนือนาซีเยอรมนี ในสงครามซึ่งสู้รบกันอย่างดุเดือดที่นั่น มีรายงานว่าเขารีบเร่งกลับมายังมอสโก และนอกจากนั้นแล้วในวันต่อมาเขาได้แถลงแสดงความไว้อาลัยต่อบรรดาเหยื่อผู้ประสบเคราะห์จากเครื่องบินตกคราวนี้ ทำเนียบเครมลินยังปฏิเสธอย่างแข็งแรงว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในเหตุเครื่องบินตกนี้

หน่วย GRU นั้นมีอำนาจมากมายยิ่งกว่านักหนา เมื่อเปรียบเทียบกับหน่วย FSB ซึ่งก็คือหน่วยงานความมั่นคงสหพันธรัฐ (Federal Security Service) ที่เป็นทายาทสืบทอดของหน่วยข่าวกรอง/ตำรวจลับ KGB ในยุคก่อน หน่วย GRU ยังไม่เหมือนกับสำนักงานข่าวกรองกลาโหม (Defense Intelligence Agency) ของสหรัฐฯ ซึ่งภารกิจหลักคือการทำงานด้านการวิเคราะห์ แต่ GRU มีหน้าที่ทั้งด้านการวิเคราะห์และด้านการปฏิบัติการ กองกำลังปฏิบัติการพิเศษของ GRU นั้นเป็นกองกำลังขนาดใหญ่

การกำจัด ปรีโกจิน พร้อมๆ กับดมิตริ อุตกิน (Dmitry Utkin) ผู้เป็นหมายเลข 2 ของเขา ซึ่งเป็นอดีตนายทหารในกองทัพรัสเซีย และเป็นผู้นำตัวจริงในการก่อตั้งกลุ่มวากเนอร์ขึ้นมา ถือเป็นเรื่องที่ช่วยฟื้นฟูภาพลักษณ์ของปูติน ซึ่งต้องแปดเปื้อนเสียหายไปมากจากการก่อกบฏของทหารรับจ้างกลุ่มนี้ แต่ถ้าหากเป็นความจริงที่ว่ามันไม่ใช่ตัวปูตินหรอกที่เป็นผู้ออกคำสั่งนี้ เขาก็คงต้องระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้นว่าอาจถูกแทงข้างหลังเข้าให้สักวันหนึ่งข้างหน้า

เพิ่มเติมรายงานล่าสุด

ต่อไปนี้เป็นข่าวล่าสุดเกี่ยวกับปูตินจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ ซึ่งกล่าวถึงความนัยบางอย่างด้วยการพาดหัวข่าวว่า “ปูตินกล่าวยกย่องปรีโกจิน”
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.washingtonpost.com/world/2023/08/25/russia-ukraine-war-news-prigozhin-wagner/?utm_campaign=wp_todays_headlines&utm_medium=email&utm_source=newsletter&wpisrc=nl_headlines)

วอชิงตันโพสต์รายงานเอาไว้อย่างนี้:

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย กล่าวยกย่อง เยฟเกนี ปรีโกจิน หัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างวากเนอร์ ในการแสดงความคิดเห็นครั้งแรกสุดของเขานับตั้งแต่เกิดเหตุเครื่องบินตก ซึ่งในรายนามผู้โดยสารมีชื่อของปรีโกจินรวมอยู่ด้วย
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.washingtonpost.com/world/2023/08/24/prigozhin-plane-crash-wagner-russia-live-updates/#link-LFXTA6IKZJGDPOV2XJWRHINQ6A?itid=lk_inline_manual_1)

ปูตินกล่าวแสดงความคิดเห็นซึ่งมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ด้วย โดยระบุว่าปรีโกจินเป็น “คนที่มีความรู้ความสามารถ” ทว่า “ได้กระทำความผิดพลาดอย่างร้ายแรง” อย่างไรก็ดี เขาหยุดยั้งไม่ได้กล่าวยืนยันอย่างชัดเจนว่าปรีโกจินเสียชีวิตแล้ว โดยพูดเพียงว่า “การสอบสวนเบื้องต้น” เกี่ยวกับเหตุเครื่องบินตกครั้งนี้ รวมไปถึงการเอาศพของพวกผู้เสียชีวิตมาวิเคราะห์ในทางนิติเวชวิทยา กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ

(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.washingtonpost.com/world/2023/08/24/wagner-group-future-prigozhin-death/?itid=lk_inline_manual_1)

สรุป: ผมยังคงคิดว่ามันเป็นขีปนาวุธ ทุกๆ คนต่างเห็นพ้องกันว่านี่คือการลอบสังหาร ผมยังขอยืนกรานตามข้อโต้แย้งของผมที่ว่า มันไม่ ใช่ฝีมือของปูติน

เวลาเดียวกัน ...

เวลาเดียวกันนั้น สงครามสู้รบกับยูเครนอาจจะกำลังเอนเอียงไปในทางที่รัสเซียกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ กองทัพรัสเซียเพิ่งฝีกอบรมกองกำลังสำรองจำนวนระหว่าง 250,000 ถึง 350,000 คน เวลานี้พวกเขามีทหารประมาณ 100,000 คนรอคอยอยู่ในยูเครนแล้ว และเมื่อการรุกช่วงฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อนของเคียฟประสบความล้มเหลวลงตามที่คาดหมายกัน ผมก็ไม่คิดว่ามอสโกยังมีความจำเป็นต้องมีพวกทหารรับจ้างวากเนอร์อยู่ที่นั่น

การสู้รบที่ผ่านมาทำให้ยูเครนสูญเสียกำลังทหารและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปเป็นจำนวนมหึมา ซึ่งก็รวมถึงอาวุธยุทโธปกรณ์จากฝ่ายตะวันตกด้วย ผมคิดว่าสงครามคราวนี้กำลังเป็นสิ่งที่ยากลำบากมากขึ้นทุกทีสำหรับยูเครน ยิ่งใช้เวลานานขึ้นเท่าใดก่อนที่พวกเขาจะยอมเจรจาเพื่อทำข้อตกลงรอมชอม ก็หมายถึงว่ารัสเซียจะสามารถเข้ายึดดินแดนเพิ่มมากขึ้นไปอีกเท่านั้น ผมเชื่อว่าการพูดจากันจะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้

ความตึงเครียดระหว่างโปแลนด์กับเบลารุสอาจจะลดน้อยลงไป จากการที่กองทหารวากเนอร์ดูเหมือนจะถอนออกไปจากเบลารุส กองกำลังของโปแลนด์นั้นมีคุณภาพเหนือกว่ากองทหารของเบลารุสเป็นอย่างมาก ยิ่งกว่านั้น ชาวโปแลนด์ก็มีความทะเยอทะยานของพวกเขาเองนะครับ ขอให้เรามาพูดกันอย่างซื่อสัตย์ตรงไปตรงมากันเถอะ ถ้าหากจะด้วยเหตุผลอะไรบางอย่างบางประการก็ตามที รัฐบาลของยูเครนมีอันต้องพังครืนลงไปแล้ว ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าจะเห็นโปแลนด์เคลื่อนพลเข้ายึดแคว้นลวิฟ (Lviv) จากยูเครน –โดยที่ฝ่ายรัสเซียก็จะไม่ได้ทำอะไรมากมายนักหนาเกี่ยวกับเรื่องนี้

สตีเฟน ไบรเอน เป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ Center for Security Policy และ Yorktown Institute ข้อเขียนนี้หนแรกสุดเผยแพร่อยู่ใน Weapons and Strategy ที่เป็นบล็อกบนแพลตฟอร์ม Substack ของผู้เขียน
กำลังโหลดความคิดเห็น