สื่อต่างประเทศรายงาน ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่เต็มไปด้วยความแตกแยกของไทย คาดหมายว่าจะเดินทางกลับจากลี้ภัยในต่างแดน ถึงแผ่นดินเกิดในวันอังคาร (22 ส.ค.) เสี่ยงก่อความไร้เสถียรภาพรอบใหม่ในวันเดียวกับที่รัฐสภามีกำหนดโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี หลังเผชิญทางตันทางการเมืองมานานกว่า 3 เดือน พร้อมอ้างนักวิเคราะห์ชี้การกลับมาครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่พวกผู้มีอำนาจในไทยกำลังเจอภัยคุกคามใหม่จากการผงาดขึ้นมาของพรรคก้าวไกล
เว็บไซต์ข่าวอาหรับนิวส์ รายงานว่า ทักษิณ คือนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลสุดและเป็นที่ถกเถียงมากที่สุดในประวัติศาสตร์เร็วๆ นี้ของไทย เขาไม่เป็นที่พออกพอใจของพวกฝักใฝ่ทหารและชนชั้นสูงที่ภักดีต่อสถาบัน แต่ได้รับความนิยมอย่างสูงในบรรดาชาวบ้านในพื้นที่ชนบท ซึ่งวิถีชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไป สืบเนื่องจากนโยบายต่างๆ ของทักษิณในช่วงต้นทศวรรษ 2000
ทั้งนี้ การเดินทางกลับจากลี้ภัยตัวเองในต่างแดนเป็นเวลา 15 ปี ตอนเวลา 9.00 น.ของวันอังคาร (22 ส.ค.) ตามที่ลูกสาวของเขาแถลง เกิดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญทางการเมืองในประเทศพอดิบพอดี ตามรายงานของอาหรับนิวส์
รายงานข่าวของอาหรับนิวส์ ระบุว่าประเทศไทยไม่มีนายกรัฐมนตรีมานานกว่า 3 เดือน หลังพรรคก้าวไกล ที่คว้าชัยชนะอย่างสุดช็อกในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม ถูดขัดขวางไม่ให้เข้าสู่อำนาจจากสถาบันอนุรักษนิยม ที่ต่อต้านคำสัญญาเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของพวกเขา
จากนั้น พรรคเพื่อไทยที่นำโดย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของทักษิณ ซึ่งกวาดเก้าอี้ตามมาเป็นอันดับ 2 ก็ประกาศแตกหักกับพรรคก้าวไกล หันไปจัดตั้งรัฐบาลผสมร่วมกับบรรดาพรรคการเมืองที่ได้รับการสนับสนุนจากทหาร แม้ให้คำสัญญาระหว่างหาเสียงเลือกตั้งว่าจะไม่ทำเช่นนั้น
ในวันเสาร์ (19 ส.ค.) ไม่กี่วันหลังจากแถลงบรรลุข้อตกลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับอดีตพรรคการเมืองของ พลใอ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีที่กำลังพ้นจากตำแหน่ง ซึ่งก้าวเข้าสู่อำนาจจากการทำรัฐประหารในปี 2014 น.ส.แพทองธาร เปิดเผยว่าพ่อของเธอจะเดินทางกลับบ้าน ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่รัฐสภาจะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ทักษิณ ออกไปลี้ภัยตนเองในต่างแดนในปี 2008 หลบหนีข้อกล่าวหาทางอาญาต่างๆ ที่มีมาอย่างนาวนานหลายทศรรษ ซึ่งเขากล่าวอ้างว่ามีแรงจูงใจทางการเมือง และในการกลับสู่มาตุภูมิครั้งนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่เขาจะต้องเผชิญกับโทษจำคุก
"เขาจำเป็นต้องได้รับคำรับประกันความปลอดภัยบางอย่างจากคนของเขาที่กำลังเป็นรัฐบาล" อาหรับนิวส์อ้างความเห็นของ ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก นักวิเคราะห์การเมือง
ในขณะที่เหล่าคนชั้นสูงยังคงมีความเกลียดชังในตัวทักษิณ แต่ความสำเร็จผิดคาดของพรรคก้าวไกล และนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค อาจเป็นสิ่งกระตุ้นให้พวกเขาพิจารณาทบทวนใหม่ "หากพวกเขาต้องเลือกระหว่างปีศาจ 2 ตนนี้ พวกเขาจะเลือกตนที่มีพิษสงน้อยกว่า"
นอกเหนือจากแวดวงคนชั้นสูง ข้อตกลงระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคพลังประชารัฐที่ได้รับการสนับสนุนจากทหาร ได้สร้างความผิดหวังแก่บรรดาผู้สนับสนุนและพวกหัวก้าวหน้าจำนวนมาก ที่ลงคะแนนโหวตอย่างท่วมท้นต่อต้านพรรคการเมืองต่างๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ ในศึกเลือกตั้งเมื่อเดือนพฤษภาคม
ทักษิณ ยังคงได้รับความนิยมในหลายพื้นที่ชนบท แต่ในศึกเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย พรรคการเมืองของเขาไม่อาจคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2001 "มันเป็นการต่อสู้ระหว่างเก่าและใหม่" นางธิดา ถาวรเศรษฐ นักเคลื่อนไหวทางการเมืองให้สัมภาษณ์กับอาหรับนิวส์ "คนไทยเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขารักทักษิณ แต่พวกเขารักประชาธิปไตยมากกว่า"
ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า ทักษิณจะต้องรับโทษจำคุกนานแค่ไหน ในขณะที่คนใกล้ชิดของเขาหวังว่าเขาอาจได้รับการย้ายเข้าสู่การกักบริเวณ หลังโดนคุมขังช่วงสั้นๆ แม้ยังไม่มีคำรับประกันใดๆ "ทักษิณควบคุมพรรคเพื่อไทย แต่อำนาจอื่นๆ สามารถควบคุมทักษิณ" นางธิดา กล่าว "คนเสื้อแดงรักทักษิณ เพราะภายใต้เขา ทุกๆ อย่างดีขึ้น แต่ตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาต้องการเปลี่ยนประเทศ" ตามรายงานของอาหรับนิวส์
อาหรับนิวส์ รายงานว่าพวกคนหนุ่มสาวหัวก้าวหน้าส่งเสียงเรียกร้องอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในปี 2020 ขอให้แก้ไขร่างกฎหมายหมิ่นสถาบัน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากพรรคเพื่อไทย และในเรื่องนี้เอง ประเด็นเกี่ยวกับสถาบันยังคงเป็นแก่นกลางในคำถามที่มีต่อทักษิณ
"ด้วยที่เขาเดินทางกลับประเทศ ทักษิณอาจจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากทั้งทหารและสถาบัน" กรกช แสงเย็นพันธ์ นักกิจกรรมจากกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) กล่าวกับอาหรับนิวส์ พร้อมบอกว่าการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยในการทำงานร่วมกับกลุ่มก้อนอนุรักษนิยม ทำให้ทักษิณ เป็นที่น่าพอใจมากกว่าสำหรับกลุ่มคนชั้นสูง "สำหรับคนรุ่นใหม่แล้ว ทักษิณ เป็นเรื่องราวเก่าๆ แต่สำหรับพวกอนุรักษนิยม เขาคือความหวังใหม่สำหรับพวกเขา"
(ที่มา : อาหรับนิวส์)