เมืองไทย 360 องศา
แม้ว่าจะเคยเลื่อนมาหลายครั้ง แต่คราวนี้เชื่อว่า “พี่โทนี่” หรือ “ตาโทนี่” นายทักษิณ ชินวัตร มาแน่ เพราะทั้งเจ้าตัวก็ยืนยันกับสื่อต่างประเทศที่ไปสัมภาษณ์ว่า กลับตามกำหนด ไม่เลื่อนอีกแล้ว และลูกสาวคนเล็ก คือ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคเพื่อไทย ก็โพสยืนยันว่าจะไปรอรับพ่อที่สนามบินดอนเมือง ตั้งแต่เวลา 9.00 น. วันที่ 22 สิงหาคมนี้ พร้อมกับโพสรูปภาพที่พ่อของตัวเองถ่ายรูปกับคนในครอบครัวมาแบบรัวๆ
เอาเป็นว่างานนี้ “มาแน่” วันที่ 22 สิงหาคม ใครที่ยังรักกันอยู่ ก็ไปรอรับกันได้ ส่วนใครที่เปลี่ยนจากรัก กลายเป็นเกลียดกันแล้ว จะไปหรือไม่ไปก็ได้ อย่างไรก็ดี เส้นทางหลังจากออกจากสนามบินดอนเมืองแล้ว แน่นอนว่าด้วยสถานะของ “นักโทษหนีคดี” ก็ต้องไปต่อที่เรือนจำ ยังไม่อาจกลับไปบ้านได้ ทุกอย่างก็ว่ากันไปตามกระบวนการยุติธรรม
สำนักข่าวบีบีซีไทย ได้อ้างอิงคำให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ก่อนบินออกจากนครดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไปประเทศสิงคโปร์ ถึงกำหนดการเดินทางกลับประเทศไทยว่า ไม่เลื่อนแน่นอน และจะไม่เลื่อนเดินทางอีกแล้ว
ถามว่า มั่นใจหรือว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย จะได้เสียงสนับสนุนมากพอจาก ส.ส. และ สว. ให้เป็นนายกฯคนที่ 30 ของไทย นายทักษิณ กล่าวว่า “แน่สิ”
นายทักษิณ กล่าวอีกว่า ส่วนกำหนดการเดินทางกลับประเทศไม่เกี่ยวกับการโหวตเลือกนายกฯ และมีแผนที่จะเดินทางกลับไว้แล้ว ก่อนที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จะกำหนดวันยกมือโหวตเลือกนายกฯ ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้
“เดิมผมกำหนดกลับวันที่ 31 กรกฎาคม แต่รัฐบาลกำหนดให้เป็นวันหยุด ผมจึงเลื่อนมาเป็นวันที่ 10 สิงหาคม แต่มีคนไปดูฤกษ์ดูยาม ให้เป็นวันที่ 22 สิงหาคม เขาบอกว่าเป็นวันดี ซึ่งผมไม่เชื่อ แต่ไม่อยากขัดใจ อยากให้ทุกคนรักกัน อยากให้บ้านเมืองสงบ" นายทักษิณ กล่าว
นายทักษิณ ระบุด้วยว่า เหตุผลของการไม่เลือกกลับวันที่ 21 สิงหาคม เพราะเป็นวันเกิดของลูกสาว น.ส.แพทองธาร ซึ่งคงไม่ได้ฉลองในวันนั้น เพราะต้องไปนอนในคุก โดยเมื่อเดินทางถึงไทย ในวันที่ 22 สิงหาคม คงต้องเป็นไปตามกระบวนการ รายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ และพิมพ์ลายนิ้วมือ
“ผมอายุเยอะแล้ว คิดถึงหลาน อยากอยู่กับครอบครัว” บีบีซีไทย อ้างคำให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ
ก่อนหน้านั้น นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาการ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย (พท.) ได้โพสต์ข้อความระบุว่า จะเดินทางไปรับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่สนามบินดอนเมือง ในวันที่ 22 สิงหาคม ว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากกระทรวง ยังไม่ได้รับแจ้งอะไรอย่างเป็นทางการเลย หากถามจากตำรวจ อาจจะรู้ แต่ตนยังไม่ทราบ
ถามว่า หากเดินทางกลับไทยในฐานะผู้ต้องหา จะต้องประสานกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่ เมื่อถามต่อว่าถ้าไม่ประสาน มีโอกาสที่ข่าวนี้จะไม่เป็นจริงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ”ผมไม่รู้ เราไม่ทราบ แต่ถ้าเขาจะกลับจริงๆ เขาต้องบอกให้รู้อย่างเป็นทางการ เขาอาจจะเตรียมบอก หรืออย่างไร แต่อาจติดวันหยุด อาจจะบอกไม่ได้”
นายวิษณุ ยังกล่าวว่า ทันทีที่นายทักษิณ เดินทางกลับถึงประเทศไทย ลงเครื่องที่ดอนเมือง จะเป็นการดำเนินคดีตามปกติเหมือนผู้ต้องหาทั่วไป โดยนายทักษิณ จะต้องไปรับหมายขัง ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จากนั้นเจ้าหน้าที่จะคุมตัวไปที่กรมราชทัณฑ์ เพื่อเข้าเรือนจำคลองเปรม
เมื่อถามว่า ในวันที่เดินทางถึง ญาติ หรือครอบครัว สามารถไปพบในเรือนจำได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เป็นขั้นตอนรายละเอียดที่ตนยังไม่แน่ใจ ความจำเป็นอาจไม่มากเท่าไหร่
นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ในส่วนที่ตนเคยบอกว่า การดูแลนายทักษิณ จะต้องเป็นมาตรการพิเศษ แต่จะทันทีทันใดหรือไม่นั้น อาจไม่สะดวกกับกรมราชทัณฑ์ ซึ่งก่อนเข้าเรือนจำ ก็ต้องมีการตรวจสุขภาพเหมือนผู้ต้องหาปกติทุกอย่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การขอพระราชทานอภัยโทษ นายทักษิณ จะได้รับสิทธิพิเศษหรือไม่ เพราะเข้ากลุ่มนักโทษอายุเกิน 70 ปี นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่มีเงื่อนไขอะไร เพราะเป็นการขอเฉพาะตัว ซึ่งการเขียนขอพระราชทานอภัยโทษ เจ้าตัวจะเขียนเอง หรือคนอื่นขอให้ก็ได้ เช่น คู่สมรส หรือลูก นายวิษณุ กล่าวอีกว่า ขั้นตอนการขอพระราชทานอภัยโทษ ถ้าขอแล้วไม่ได้ ต้องรออีก 2 ปี ถึงจะขอพระราชทานอภัยโทษใหม่ได้ และในช่วง 2 ปีก็ต้องถูกจำคุกตามกฎหมาย
นั่นเป็นสองกรณีหลักๆ ที่จะต้องเกิดขึ้นในวันที่ 22 สิงหาคม เรื่องแรกก็คือมีความมั่นใจมากกว่าเดิมว่า นายทักษิณ จะกลับมา และสองก็คือ เขาจะต้องเดินทางเข้าเรือนจำ ตามกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากเขามีคดีที่ถึงที่สุดถูกศาลตัดสินจำคุกแล้ว รวมไปถึงบางคดีที่ถูกออกหมายจับ ขณะเดียวกันยังมีเรื่องที่ต้องพิจารณากันอีกว่า เขาจะสามารถขอพระราชทานอภัยโทษได้หรือไม่ จากการที่มีอายุเกิน 70 ปี แต่สำหรับเขามีความน่าสนใจก็คือ บางคดีเป็นคดีที่เกี่ยวกับการทุจริตซึ่งสามารถดำเนินการได้หรือไม่
อย่างไรก็ดี หากย้อนกลับไปพิจารณาถึงสาเหตุที่ นายทักษิณ ชินวัตร ยืนยันว่าจะกลับไทยวันที่ 22 สิงหาคม ซึ่งเขายืนยันว่า กลับแน่ ไม่เลื่อนอีกแล้ว มันมาจากอะไรกันแน่ เป็นเพราะเขาอายุมาก และต้องการกลับมาเลี้ยงหลาน อยู่กับครอบครัวจริงหรือเปล่า เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นความจริงอยู่แล้ว แต่ขณะเดียวกันมีหลายคนประเมินว่า สาเหตุที่เขากลับมาเที่ยวนี้เป็นเพราะ “ทุกอย่างเปิดทางโล่ง” และที่สำคัญพรรคเพื่อไทย ได้เป็นแกนนำรัฐบาล หลังจากว่างเว้นไปนานนับสิบปีแล้ว
อีกทั้งในบรรยากาศทางการเมืองในเวลานี้ ถือว่าได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว กลายเป็นว่า “ระบอบทักษิณ” ในอดีต มาวันนี้อาจไม่ถือว่าเป็น “ภัยคุกคาม” ที่น่ากลัวอีกแล้ว เมื่อเทียบอีกฝั่งที่กำลังรุกคืบเข้ามา และหากพิจารณาองค์ประกอบอย่างตรงไปตรงมาแล้ว ถือว่าพวกเขาก็คือ “ขั้วอนุรักษ์นิยม” อีกรูปแบบหนึ่ง ก็อาจไม่ผิดนัก ทำให้เป็นที่จับตาว่าในอนาคตข้างหน้า พรรคเพื่อไทยก็จะกลายเป็นแกนนำเพื่อขับเคี่ยวกับอีกขั้วหนึ่ง
ที่ผ่านมาแกนนำพรรคเพื่อไทยก็ได้ประกาศ “สลายขั้ว” สลายสีเสื้อไปเรียบร้อยแล้ว และกำลังร่วมรัฐบาลกับ “พรรคสองลุง” นั่นคือ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้หลายคนคงนึกภาพไม่ออกว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ แต่ก็เป็นไปแล้ว
แม้ว่าการกลับมาของ นายทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 22 สิงหาคม ตรงกับวันที่กำหนดโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ โดยพรรคเพื่อไทย ยืนยันเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ ซึ่งก็ไม่มีความมั่นใจว่าจะผ่าน เนื่องจากยังมี ส.ว.อีกบางคน ที่ยังตั้งเงื่อนไขเกี่ยวกับคุณสมบัติบางอย่าง แต่เมื่อจับสัญญาณทั้งจากฝั่ง “พรรคสองลุง” โดยเฉพาะพลังประชารัฐของ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แม้จะยังดูยึกยักในเรื่องโควตากระทรวงสำคัญ แต่เมื่อพิจารณาจากกำหนดการกลับไทยที่ยืนยันไม่เลื่อน มันก็น่าจะชัดเจนว่าทุกอย่างลงตัวแล้วหรือเปล่า !!