เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ กำลังพิจารณาดัดแปลงยกระดับขีปนาวุธและจรวด ด้วยเชื้อเพลิงขับเคลื่อนที่ทรงพลังมากขึ้นและหัวรบที่มีน้ำหนักเบาลง ขยายขอบเขตพิสัยทำการของพวกมันขึ้นอีก 20% เพื่อชิงความได้เปรียบเหนือจีนในภูมิภาคแปซิฟิก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างโดยแหล่งข่าวผู้ช่วยสมาชิกสภาคองเกรส 2 ราย และเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 ราย ซึ่งไม่ประสงค์เอ่ยนาม เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดเผยเรื่องนี้กับสาธารณชน ระบุว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ (เพนตากอน) และสภาครองเกรส กำลังหาทางปรับปรุงดัดแปลงที่อาจขยายพิสัยทำการของอาวุธปัจจุบันบางส่วน สูงสุด 20% โดยใช้เชื้อเพลิงขับดันที่ทรงพลังมากกว่าเดิม และหัวรบที่มีขนาดเบาลง
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว วุฒิสาชิกเผยแพร่เนื้อหาร่างกฎหมายที่จัดสรรงบประมาณอย่างน้อย 13 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับวางแผนและยกระดับการผลิตส่วนประกอบทางเคมีดังกล่าวที่สามารถใช้ขับดันขีปนาวุธหรือแทนที่วัตถุระเบิดในหัวรบ
แม้มันจะเป็นส่วนเล็กน้อยของร่างกฎหมายกลาโหม 886,000 ล้านดอลลาร์ที่กำลังผ่านความเห็นชอบของสภาคองเกรส แต่งบประมาณส่วนนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของกระบวนการหนึ่ง ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะนำไปซึ่งการใช้จ่ายรอบใหม่ในด้านกระสุนอีกหลายพันล้านดอลลาร์
วุฒิสภาที่ควบคุมโดยเดโมแครต และสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ควบคุมโดยรีพับลิกัน ยังจำเป็นต้องเจรจาขั้นสุดท้ายเกี่ยวกับระดับงบประมาณของแนวคิดดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นพ้องต้องกันโดยทั่วไปในความพยายามป้องปรามจีน
"ด้วยระยะทางในอินโด-แปซิฟิก และขนาดใหญ่โตมากๆ ของกองทัพเรือจีน นั่นหมายความว่าสหรัฐฯ ต้องการขีปนาวุธพิฆาตเรือเพิ่มเติม ที่สามารถโจมตีเป้าหมายต่างๆ ในระยะไกล" ส.ส.ไมค์ กัลลาเกอร์ ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ ในขณะที่จีนมองสหรัฐฯ ในแปซิฟิก ในฐานะภัยคุกคาม และได้ยกระดับประจำการทางทหารของตนเองเป็นการตอบโต้
"เคราะห์ร้ายที่เพนตากอนมัวแต่อิ่มเอมใจกับพลังงานยุค 1940 และเพิกเฉยพลังงานล้ำสมัยอย่างสารเคมี CL-20 ที่มีความจำเป็นสำหรับเพิ่มพิสัยและพลังการทำลายล้างของเรา ทุกๆ ย่างก้าวที่ขีปนาวุธลูกหนึ่งเดินทางได้ไกลขึ้น คือหนึ่งย่างก้าวที่ช่วยกำลังพลของอเมริกาพ้นจากอันตราย" กัลลาเกอร์กล่าว
หากสภาคองเกรสอนุมัติร่างกฎหมายจากวุฒิสภาข้างต้น เพนตากอนจะเริ่มดำเนินโครงการในการดัดแปลงเชื้อเพลิงจรวดเพื่อเพิ่มระยะยิง นอกจากนั้น จะยังนำไปสู่การตั้งสำนักงานด้านวัสดุพลังงานที่สังกัดกับกระทรวงกลาโหม
รอยเตอร์ระบุว่า ตัวอย่างของเชื้อเพลิงที่ถูกพูดถึงบ่อยๆ ในโครงการ คือ สารเคมีที่เรียกว่า ไชน่า เลค คอมพาวด์ หมายเลข 20 (China Lake Compound #20) หรือที่เรียกว่า CL-20
CL-20 เป็นสารที่ถูกพัฒนาขึ้นมาในห้องทดลองของรัฐบาลในแคลิฟอร์เนียเมื่อทศวรรษ 1980 โดยมีผลการศึกษาในปี 2021 ที่ระบุว่า การดัดแปลงขีปนาวุธด้วย CL-20 พร้อมไปกับการเปลี่ยนแปลงส่วนต่างๆ ไม่เพียงแต่จะเพิ่มระยะยิงให้ไกลขึ้นได้ร้อยละ 20 แล้ว ยังจะเพิ่มศักยภาพการทำลายล้างขึ้นอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม เลน โอเวอร์ตัน ผู้อำนวยการบริหารองค์กรไม่แสวงผลกำไร แอคชัน ออน อาร์ม ไวโอเลนซ์ (Action on Armed Violence) มองว่าการแข่งขันกันดัดแปลงอาวุธไม่ได้เป็นความก้าวหน้าแต่อย่างใด
"ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเดิมอีกครั้งและในแง่ของการแข่งขันทางอาวุธมักจบลงอย่างแย่ๆเสมอ" เขากล่าว "อาวุธที่ใหญ่ขึ้น อันตรายขึ้น ทำให้พวกเราปลอดภัยขึ้นหรือไม่ คำตอบดังๆ ก็คือ ไม่ ในช่วงทศวรรษที่แล้ว เวลาที่อาวุธแบบระเบิดถูกใช้ในพื้นที่ชุมชน ร้อยละ 90 ของรายงานการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บทั่วโลกคือพลเรือน"
(ที่มา : รอยเตอร์)