xs
xsm
sm
md
lg

แคนดิเดตรีพับลิกันรวมใจขายนโยบายถล่มจีน โหนกระแสคนอเมริกันชี้ปักกิ่งภัยคุกคามเบอร์ 1

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



‘จีน’ กลายเป็นประเด็นหลักในศึกไพรมารีเพื่อลุ้นตั๋วเป็นตัวแทนรีพับลิกันลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024 ขณะที่คณะบริหารของไบเดนแห่งเดโมแครตดูเลือกที่จะมีความพยายามฟื้นเสถียรภาพความสัมพันธ์กับปักกิ่ง ทั้งนี้ในทุกเวทีหาเสียงของพวกผู้สมัครรีพับลิกัน มีการพูดถึงจีนทุกวัน รวมถึงในโฆษณาออนไลน์

ในการปราศรัยเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจเมื่อวันจันทร์ (31 ก.ค.) ที่ผ่านมา รอน ดีแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา และแคนดิเดตชิงทำเนียบขาวคนหนึ่งของรีพับลิกัน กล่าวโทษว่า จีนทำลายความแข็งแกร่งทางการเงินของอเมริกา และพาดพิงถึงประเทศเศรษฐกิจอันดับ 2 ของโลกแห่งนี้ไม่น้อยกว่า 11 ครั้งภายในเวลา 20 นาที ซึ่งรวมถึงการกล่าวหาว่าจีนขโมยความลับทางอุตสาหกรรมและตำแหน่งงานในภาคอุตสาหกรรมการผลิตของอเมริกา โดยวิธีแก้คือการเพิกถอนความสัมพันธ์ทางการค้าระดับปกติ ตลอดทั้งจำกัดการส่งออกบางประเภทให้จีน

ไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้น แคนดิเดตอีกคนหนึ่ง คือ นิกกี้ เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำสหประชาชาติ ผู้ประกาศว่า การเผชิญหน้ากับจีนถือเป็นประเด็นหลักในการรณรงค์หาเสียงของเธอ ได้เปิดแผนเผชิญหน้ากับปักกิ่งที่เธอถือเป็น “ภัยคุกคามอันตรายที่สุดที่อเมริกาเผชิญหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา”

นอกจากนั้น ในหน้าบทความพิเศษของนิตยสารนิวส์วีก วันเดียวกัน อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวเก็งที่จะชนะได้เป็นผู้สมัครของพรรครีพับลิกันอีกรอบหนึ่ง กล่าวหากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ว่าเที่ยวไล่เช็กบิลตน ก็เพราะว่าตนกำลังพยายามขัดขวางการขายประเทศให้จีนคอมมิวนิสต์

ประเด็นที่เหล่าแคนดิเดตรีพับลิกันรุมโจมตีจีนคือ ไม่ได้แค่เป็นภัยคุกคามความมั่นคงเหมือนรัสเซียหรืออิหร่านเท่านั้น แต่จีนยังเป็นภัยคุกคามสำคัญทางเศรษฐกิจ และการหย่าร้างแยกขาดจากเศรษฐกิจจีนคือกุญแจสำคัญสำหรับการทำให้เศรษฐกิจของอเมริกาอยู่ในภาวะที่ดี

ทิม สก็อตต์ ผู้สมัครอีกคนของพรรครีพับลิกัน กล่าวอ้างในโฆษณาที่ออกมาเมื่อเดือนที่แล้วว่า จีนกำลังกว้านซื้อที่ดินและขโมยงานในอเมริกา รวมทั้งสอดแนมเด็กอเมริกัน

จีนนั้นถูกพาดพิงถึงว่า เป็นศัตรูของอเมริกา ในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งหลายครั้งแล้วก่อนหน้านี้ โดยที่ชัดเจนที่สุดก็คือจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ที่กดดันปักกิ่งอย่างหนักตอนที่รับตำแหน่งประธานาธิบดี เปิดสงครามปากชวนเผชิญหน้า และตั้งข้อจำกัดทางการค้า

พวกคนทำงานการเมืองชี้ว่า ในการเลือกตั้งรอบไพรมารีหนนี้ของรีพับลิกัน มีการโจมตีจีนบ่อยขึ้นและข้อเสนอที่จะกระทำก็ห้าวหาญขึ้น สืบเนื่องจากความคิดเห็นของคนอเมริกันเวลานี้มีการเปลี่ยนเปลี่ยนไป

เทอร์รี่ ซัลลิแวน นักยุทธศาสตร์การเมือง ซึ่งเป็นผู้จัดการแคมเปญเลือกตั้งประธานาธิบดีปี 2016 ให้วุฒิสมาชิกมาร์โก รูบิโอ ของรีพับลิกัน บอกว่า ไม่ว่าจะเป็นกรณีติ๊กต็อก หรือบอลลูนสอดแนม ล้วนบ่งชี้ว่า ขณะนี้จีนเป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจและการทหารมากขึ้นในสายตาคนอเมริกัน

นอกจากฟาดฟันกันเองแล้ว ผู้สมัครของรีพับลิกันยังพยายามพิสูจน์ให้ประชาชนเห็นว่า พวกเขาแข็งกร้าวกว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ออกกฎและคำสั่งใหม่ๆ มากมายเพื่อจำกัดการเข้าถึงตลาดอเมริกาของจีน

ทั้งนี้ จากผลสำรวจความคิดเห็นที่พิว รีเสิร์ช เผยแพร่เมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา พบว่า คนอเมริกัน 50% ระบุว่า จีนเป็นภัยคุกคามใหญ่ที่สุดต่อสหรัฐฯ ตามด้วยรัสเซีย (17%) ซึ่งถือว่า เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากโพลครั้งล่าสุดของพิวเมื่อปี 2019 ที่ตั้งคำถามเดียวกันและพบว่า คนอเมริกันมองจีนและรัสเซียเป็นภัยคุกคามพอๆ กัน

ในบรรดานโยบายเกี่ยวกับจีนที่เป็นที่กล่าวถึงมากที่สุดในแคมเปญเลือกตั้งของรีพับลิกันคือ แนวคิดในการเพิกถอนความสัมพันธ์ทางการค้าระดับปกติระหว่างประเทศทั้งสองให้เป็นการถาวรไปเลย ซึ่งมีความหมายเท่ากับว่าโยนทิ้งข้อจำกัดในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าของอีกฝ่ายหนึ่ง

แม้นักวิเคราะห์บางคนระบุว่า แนวคิดนี้จะส่งผลด้านกลับกลายเป็นหายนะต่อความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจอเมริกาเอง แต่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่า เอาเข้าจริงแล้ว ยังจะสามารถดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปได้อีกมากมายขนาดไหนกัน เมื่อพิจารณาถึงมาตรการแซงก์ชันและการควบคุมต่างๆ ที่คณะบริหารของประธานาธิบดีใน 2-3 สมัยหลังๆ มานี้ได้กระทำกันไปแล้ว

เจมิสัน เกรียร์ นักกฎหมายการค้าของคิง แอนด์ สปาลดิง ในกรุงวอชิงตัน ที่เคยรับหน้าที่หัวหน้าคณะทำงานของคณะผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (ยูเอสทีอาร์) ในยุคทรัมป์ ชี้ว่า ปัจจุบันจีนไม่ได้ประโยชน์ทางภาษีจากสถานะประเทศที่ได้รับความอนุเคราะห์ยิ่งของสหรัฐฯ อีกต่อไป

ขณะที่ เวนดี้ คัตเลอร์ อดีตเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเอสทีอาร์ เตือนว่า ปักกิ่งอาจตอบโต้อย่างรุนแรง ด้วยการขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าเกษตรสหรัฐฯ และปิดกั้นบริษัทอเมริกันไม่ให้เข้าไปทำธุรกิจในจีน ซึ่งอาจทำให้อเมริกาสูญเสียตลาดจีน ที่ถึงอย่างไรก็เป็นตลาดส่งออกใหญ่อันดับ 3

แม้ผู้สมัครของรีพับลิกันเห็นตรงกันว่า ต้องเผชิญหน้ากับจีน แต่มีความเห็นแตกแยกกันเรื่องที่ว่า อเมริกาสามารถเผชิญหน้ากับรัสเซียไปพร้อมกันไหวหรือไม่

ดีแซนทิส และทรัมป์มองว่า การสนับสนุนยูเครนต่อไปเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรอันมีค่าที่อเมริกาต้องใช้ในการเผชิญหน้ากับจีนในอินโด-แปซิฟิก

แต่สำหรับเฮลีย์ และอดีตรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ผู้สมัครอีกคนบอกว่า อเมริกาต้องเคียงข้างยูเครน เพราะชัยชนะของรัสเซียก็คือชัยชนะสำหรับจีนเช่นเดียวกัน

(ที่มา : รอยเตอร์)
กำลังโหลดความคิดเห็น