(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.atimes.com)
Russian general dies as Ukraine steps up offensive
By STEPHEN BRYEN
14/06/2023
ยุทธศาสตร์ในเวลานี้ของฝ่ายรัสเซียคือ บดบี้ทำลายกำลังของข้าศึกที่กำลังรุกเข้ามาให้ได้มากที่สุด พยายามที่จะสร้างพื้นที่กับดักขึ้นมาเพื่อทำลายล้างกำลังยานเกราะของฝ่ายยูเครน
ยูเครนกำลังเพิ่มระดับการบุกโจมตีของตนในบริเวณหัวหาดทางยุทธวิธีวเรมิฟกา (Vremivka tactical bridgehead) โดยมุ่งโฟกัสที่ชุมชนมาราคริฟกา (Marakrivka)
ยูเครนมีการเพิ่มกำลังทางด้านอาวุธยิงไกล (artillery) ของตนขึ้นมาอย่างเป็นเนื้อเป็นหนัง โดยนำเข้ามาทั้งกองพลน้อยปืนใหญ่ที่ 4 (4th Artillery Brigade) กองพลน้อยเยเกอร์ (Jaeger brigade) กองพลน้อยโจมตีทางอากาศที่ 82 (82nd Air Assault Brigade) (เป็นการดึงเอามาจากกำลังสำรองทางยุทธศาสตร์) และกองพลน้อยรถถังที่ 3 (3rd Tank Brigade) ยูเครนได้โยกย้ายกำลังทหาร 1 กองพลน้อยจากเคียร์ซอน (Kherson) มาเข้าร่วมกับกำลังพลในพื้นที่หัวหาดตรงนี้ แล้วยังมีกองพลน้อยอื่นๆ อีกซึ่งเกี่ยวข้องเข้าร่วมในการปฏิบัติการนี้ด้วย ทำให้มันกลายเป็นพลังผลักดันที่หนักหน่วงที่สุดเท่าที่ได้เคยรวบรวมสั่งสมกันมาจนถึงเวลานี้โดยฝ่ายยูเครน
แผนที่ข้างล่างนี้ (ได้มาจากช่อง Military Channel) แสดงให้เห็นว่าการสู้รบใหญ่คราวนี้กำลังเกิดขึ้นตรงไหนในพื้นที่บริเวณนี้ ฝ่ายรัสเซียนำเอากองกำลังของตนเพียงแค่ส่วนเสี้ยวเข้ามาสู้รบ และทำให้ขณะนี้จำนวนทหารของพวกเขามีน้อยกว่าอย่างเทียบไม่ได้กับกำลังกองพลน้อยจำนวนมากดังกล่าวของฝ่ายยูเครนในการปฏิบัติการนี้
ฝ่ายรัสเซียพยายามที่จะเปิดการรุกตอบโต้ในบริเวณกรอบสีเทาบนแผนที่ ทว่าพวกเขาทำได้เพียงแค่ชะลอฝ่ายยูเครนเท่านั้น ไม่ได้ผลักดันให้พวกเขาถอยกลับไป
สภาพอากาศในพื้นที่แถบนี้กำลังสดใส ทำให้การปฏิบัติการทางอากาศ (ทั้งด้วยเฮลิคอปเตอร์ โดรน และเครื่องบิน) มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ระยะ 2-3 วันก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยฝนตกหนักและหมอกหนา
ขณะที่ยุทธการครั้งนี้ยังคงกำลังดำเนินอยู่ ฝ่ายรัสเซียก็ได้สูญเสียนายพลไปคนหนึ่ง คือ พล.ต.เซียร์เก กอร์ยาเชฟ (Major General Sergei Goryachev) วัย 52 ปี เสนาธิการ (chief of staff) ของกองทัพอาวุธผสมที่ 35 (35th Combined Arms Army) ผู้ซึ่งเสียชีวิตไปโดยเป็นผลจากการโจมตีของขีปนาวุธ มีความเป็นไปได้มากที่สุดว่าฐานบังคับการของเขาถูกโจมตีด้วยลูกจรวดจากระบบจรวดหลายลำกล้อง HIMARS เป็นไปได้ทีเดียวว่าเขาถูกเล็งเป็นเป้าหมายโดยพวกอากาศยานสายลับของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักรที่ปฏิบัติการจากพื้นที่นอกชายฝั่ง สหรัฐฯ นั้นกำลังใช้งานโดรนโกลบอล ฮอว์ก อาร์คิว-4 (Global Hawk RQ-4 drone) ซึ่งเป็นโดรนสอดแนมหาข่าวกรองที่มีศักยภาพสูง ส่วนสหราชอาณาจักรได้นำเอาอากาศยานที่มีขนาดใหญ่กว่านั้นและมีคนประจำอยู่บนเครื่อง นั่นคือ เครื่องบินสปาย ริเวต จอยต์ อาร์ซี-135 (Rivet Joint RC-135 spycraft) เข้ามา
(ดูเพิ่มเติมได้ที่ https://substack.com/redirect/1c0c7a99-e3f2-45e8-b62d-edc057cab3cd?j=eyJ1IjoiNTQ1NTUifQ.qYFYx5kfGiWo9cjGcAInbSEGFimskGW0kn2G2WyOBFw)
เวลานี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีฝ่ายใดกล่าวถึงระดับความเสียหายทั้งการบาดเจ็บล้มตายของกำลังพล หรืออาวุธยุทโธปกรณ์ที่ถูกทำลาย
ฝ่ายยูเครนยังอยู่อยู่ห่างไกลมากจากแนวเส้นป้องกันแนวแรกของรัสเซีย โดยแนวป้องกันเหล่านี้มีการจัดวางกำลังตั้งรับเอาไว้อย่างแน่นหนา ยุทธศาสตร์ของฝ่ายรัสเซียจวบจนถึงเวลานี้ดูเหมือนจะออกมาในรูปแบบที่พยายามสร้างความเสียหายหนักหน่วงให้แก่ฝ่ายยูเครน พยายามบดบี้กองกำลังของพวกเขาอย่างช้าๆ และพยายามสร้างพวกพื้นที่กับดัก (cauldron) ขึ้นมา ซึ่งฝ่ายรัสเซียจะสามารถเข้าทำลายล้างยานเกราะของฝ่ายยูเครนได้อย่างเป็นระบบ
ฝ่ายยูเครนระบุว่า เครื่องกระสุนของทางฝ่ายรัสเซียกำลังใกล้ที่จะหมดลงแล้ว แต่เรื่องนี้อาจจะสืบเนื่องจากสภาพอากาศเลวร้ายของช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มากกว่าปัจจัยอย่างอื่นๆ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม รัสเซียยังคงสามารถควบคุมเส้นทางถนนทั้งหมดถอยหลังกลับเข้าไปจนถึงอาณาเขตดั้งเดิมแท้ๆ ของรัสเซีย ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถที่จะเสริมกำลังได้หากเลือกที่จะทำเช่นนั้น
พัฒนาการด้านอื่นๆ
รัสเซียได้ดำเนินการโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงใส่พื้นที่ต่างๆ ในยูเครน รวมทั้งกรุงเคียฟ การโจมตีบางส่วนมุ่งโฟกัสไปที่พวกศูนย์บังคับบัญชา คลังเก็บเครื่องกระสุน และสถานที่จ่ายปิโตรเลียม น้ำมัน และน้ำมันหล่อลื่น
ฝ่ายยูเครนยังคงอ้างต่อไปว่ากำลังโจมตีใส่ด้านปีกของเมืองบัคมุต (Bakhmut) โดยมีความคืบหน้าอย่างสำคัญ ถึงแม้ว่ารายงานแทบจะทุกๆ ชิ้นที่ปรากฏออกมาต่างระบุว่า กองกำลังฝ่ายยูเครนได้ถูกขับไล่ถอยออกมาและประสบความสูญเสีย เรื่องนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่า เคียฟมีความรู้สึกถึงความจำเป็นที่จะต้องรายงานเฉพาะความสำเร็จต่างๆ ให้ที่บ้านรับทราบเท่านั้น ถึงแม้ในเวลาที่คำแถลงเหล่านั้นหย่าขาดเหินห่างจากความเป็นจริงก็ตามที การเพิ่มระดับของการโฆษณาชวนเชื่อในแนวรบที่บ้านของฝ่ายเคียฟ เป็นอะไรที่คุณๆ ควรต้องคาดหมายเอาไว้ภายในกรอบของการปฏิบัติการรุกครั้งใหญ่เช่นนี้
ฝ่ายรัสเซียเพิ่งยึดรถถัง “ลีโอพาร์ด” (Leopard tank) ได้คันหนึ่ง โดยดูเหมือนว่าอยู่ในสภาพที่ไม่มีความเสียหายใดๆ เมื่อฝ่ายยูเครนที่อยู่ในรถถังคันนี้หลบหนีไปโดยที่เครื่องยนต์ยังติดอยู่ด้วยซ้ำ ฝ่ายรัสเซียยังไม่ได้ประกาศว่ารถถังนี้เป็นรุ่นไหน (A4 หรือ A6) แต่นี่ต้องถือเป็นถ้วยรางวัลที่สำคัญชิ้นหนึ่ง และเป็นระบบอาวุธที่พวกผู้เชี่ยวชาญชาวรัสเซียจะสามารถเข้าไปฉวยใช้หาประโยชน์ นอกจากนั้น ฝ่ายรัสเซียยังยึดยานสู้รบ “แบรดลีย์” (Bradley fighting vehicle) ได้คันหนึ่งซึ่งอยู่ในสภาพไม่ได้เสียหายอะไรเช่นกัน มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอสั้นๆ ของทหารที่เข้ายึดยุทโธปกรณ์ชิ้นนี้ แต่คุณภาพของภาพแย่มาก และไม่มีการเปิดเผยเวลาจริงและสถานที่จริง
มีสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างหนึ่งเกิดขึ้นกับฝ่ายยูเครนซึ่งสมควรแก่การตำหนิประณาม กล่าวคือ ทหารยูเครน 4 คนได้เข้าไปกู้เอาร่างเพื่อนทหารที่ได้รับบาดเจ็บคนหนึ่งในสนามรบ พวกเขาไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ทำเช่นนี้ รวมทั้งดูเหมือนว่าจากการพยายามช่วยชีวิตเพื่อนของพวกเขาคนนี้ พวกเขาก็ได้ผละออกจากตำแหน่งของพวกเขา ฝ่ายยูเครนได้ส่งยานแบรดลีย์คันหนึ่งออกมา และสังหารเรียบทหารทั้ง 4 คนตลอดจนเพื่อนมิตรผู้ได้รับบาดเจ็บของพวกเขาด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดเหล่านี้ถูกบันทึกอยู่ในวิดีโอโดยโดรนรัสเซียลำหนึ่ง
เรื่องของอาวุธ
เฮลิคอปเตอร์โจมตีและตรวจการณ์แบบ Ka-52 ของรัสเซีย ดูเหมือนทำงานได้อย่างประสบความสำเร็จในการปฏิบัติการต่างๆ ของมันระหว่างการรุกโจมตีครั้งนี้ เฮลิคอปเตอร์แบบนี้ติดตั้งขีปนาวุธ 9m127-1 Vikhr-1 ที่ทำงานคล้ายกับเฮลล์ไฟร์ (Hellfire) ของสหรัฐฯ และสไปค์ (Spike) ของอิสราเอล แต่คุณสมบัติหลักของมันก็คือว่ามันว่องไวกว่าพวกขีปนาวุธของฝ่ายตะวันตกมาก ทำให้ยากที่จะสอยมันให้ร่วงลงมาได้
กล่าวกันว่าเฮลิคอปเตอร์ Ka-52 ติดตั้งพวกระบบ directional infrared countermeasures หรือ DIRCM (ระบบต่อต้านขีปนาวุธนำวิถีด้วยความร้อนแบบยิงในทิศทางตรงๆ อย่างเช่นพวกใช้ประทับบ่ายิง) เพื่อการป้องกันตัวเองจากขีปนาวุธ สหรัฐฯ ก็มีระบบ DIRCM สำหรับอากาศยานบางแบบ เป็นต้นว่า เฮลิคอปเตอร์แบบ เอเอช-64อี อาปาเช (AH-64E Apache) และแบบ UH-60 ระบบของรัสเซียนั้นมีชื่อ วิเต็บสก์ แอล-370 (Vitebsk L-370) รายงานจากภาคสนามหลายชิ้นระบุว่า มันใช้งานได้อย่างประสบความสำเร็จมากในการต่อต้านการโจมตีของฝ่ายยูเครน
สหรัฐฯ เพิ่งประกาศว่าจะเริ่มจัดส่งพวกเครื่องกระสุนทำจากยูเรเนียมด้อยสมรรถนะ (กระสุนหัวยูเรเนียม depleted uranium ammunition หรือ DU) ไปให้ยูเครน สหรัฐฯนั้นมีการผลิตพวกกระสุนรถถังประเภท DU ขนาด 120 มม. ที่ใช้สำหรับการยิงเจาะทะลุทะลวงเกราะ ฝ่ายยูเครนสามารถยิงกระสุนประเภทนี้จากพวกรถถังลีโอพาร์ดที่พวกเขาได้รับมาแล้ว ตลอดจนใช้กับรถถังอะบรามส์ จากสหรัฐฯ ในอนาคต ถึงแม้เวลานี้ยังไม่ได้มีการจัดส่งไปให้ยูเครน กระสุนของอเมริกันนี้ไม่สามารถใช้กับรถถัง “ชาเลนเจอร์” (Challenger) ของสหราชอาณาจักรได้ เพราะชาเลนเจอร์ใช้ลำกล้องปืนมีเกลียวร่องแบบปืนไรเฟิล
มีข่าวกระซิบกันดังหึ่งในองค์การนาโตว่า โปแลนด์ต้องการที่จะส่งกองกำลังภาคพื้นดินและกองกำลังทางอากาศเข้าไปในยูเครน ปรากฏว่าโปแลนด์ได้รับความสนับสนุนอยู่บ้างจากนาโต ทว่าเสียงเตือนที่ว่าสงครามมีหวังขยายเข้าสู่ยุโรปยังทำหน้าที่เป็นตัวป้องปรามเรื่องนี้
ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน นาโตเริ่มต้นการซ้อมรบทางอากาศขนาดใหญ่โตมหึมาที่ใช้ชื่อว่า “แอร์ ดีเฟนเดอร์” (Air Defender) การฝึกคราวนี้จะดำเนินไปจนกระทั่งถึงวันที่ 23 มิถุนายน การซ้อมรบทางอากาศครั้งนี้ถือเป็นครั้งใหญ่ที่สุดที่เคยจัดกันมาในประวันติศาสตร์ของนาโต
เรื่องทางการเมือง
ในวิดีโอที่ถ่ายจากกรุงมอสโกจะมองเห็น ปูติน ยืนอยู่ข้างๆ รัฐมนตรีกลาโหมชอยกู ในเวลาที่มีการถ่ายภาพ แต่พวกเขาดูมีท่าทีเหินห่างจากกันและกัน เป็นต้นว่าในเฟรมหนึ่งจะมองเห็น ปูติน หันไปอีกทางหนึ่งจาก ชอยกู เรื่องนี้มีความหมายอย่างไรหรือไม่ยังไม่เป็นที่แน่นอน
รัสเซียยังเพิ่งกวาดจับกลุ่มนักก่อเหตุบ่อนทำลายกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถูกตั้งข้อหาว่ากำลังเตรียมการเข้าโจมตีแบบก่อวินาศกรรมเพื่อมุ่งสร้างความเสียหายให้แก่ทางรถไฟในแคว้นเคิร์สก์ (Kursk) และแคว้นเบลโกร็อด (Belgorod) ของรัสเซีย ที่มีพรมแดนติดต่อกับยูเครน
สตีเฟน ไบรเอน เป็นนักวิจัยอาวุโสอยู่ที่ Center for Security Policy และ Yorktown Institute ข้อเขียนนี้หนแรกสุดเผยแพร่อยู่ในบล็อก Substack, Weapons and Strategy ของผู้เขียน