รัสเซียแถลงในเช้าวันจันทร์ (5 มิ.ย.) ว่า ได้ขับไล่และสร้างความเสียหายหนักให้แก่การรุกโจมตีขนาดใหญ่ของกองทหารเคียฟในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครนซึ่งมอสโกยึดครองไว้ และอีกหลายชั่วโมงต่อมา บอกว่าในวันที่สองฝ่ายเคียฟพยายามโจมตีทางแคว้นซาโปริซเซีย ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ จนเกิดการสู้รบกันอย่างดุเดือด ขณะที่ฝ่ายยูเครนประกาศใช้ความเงียบไม่เอ่ยถึงแผนการตอบโต้เพื่อช่วงชิงดินแดนที่สูญเสียไปตามที่เกริ่นเอาไว้มานาน
กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงในเช้าวันจันทร์ว่า เมื่อคืนวันอาทิตย์ (4) ย่างเข้าวันจันทร์ (5) ยูเครนใช้กองพันยานยนต์ 6 กองพัน และกองพันรถถัง 2 กองพัน โจมตีพื้นที่ 5 จุดทางใต้ของแคว้นโดเนตสก์ โดยมีเป้าหมายเพื่อทำลายแนวต้านทานของรัสเซียในบริเวณที่พวกเขาคิดว่าอ่อนแอที่สุด
ทว่า “ศัตรูไม่สามารถบรรลุภารกิจของพวกเขา พวกเขาไม่ประสบความสำเร็จใดๆ” กระทรวงกลาโหมรัสเซียบอก พร้อมกับระบุว่าทหารยูเครนถูกสังหารไป 250 นาย ขณะที่รถถัง 16 คัน ยานสู้รบทหารราบ 3 คัน และยานรบหุ้มเกราะ 21 คันถูกทำลาย
นอกจากนั้น ทางกระทรวงยังโพสต์สิ่งที่บอกว่าเป็นวิดีโอบันทึกการสู้รบ ซึ่งแสดงให้เห็นยานเกราะยูเครนหลายคันกำลังถูกระดมยิงอย่างหนัก อีกทั้งบอกด้วยว่า พล.อ.วาเลรี เกราซิมอฟ ประธานเสนาธิการทหารร่วมของรัสเซีย ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดของรัสเซียในยูเครน “อยู่ที่หนึ่งในที่มั่นซึ่งอยู่ตรงส่วนหน้าที่สุด” อีกด้วย
ทางด้าน อเล็กซานเดอร์ ค็อตส์ ผู้สื่อข่าวสงครามชาวรัสเซียซึ่งมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดีในแดนหมีขาว รายงานว่า “การสู้รบกำลังดำเนินอย่างต่อเนื่อง” ในพื้นที่ของเมืองอุกเลดาร์ ทางใต้ของแคว้นโดเนตสก์ รวมทั้งยังมีการสู้รบในพื้นที่ตอนเหนือขึ้นไปทั้งที่เมืองโซเลดาร์ และเมืองบัคมุต ซึ่งถูกกองกำลังมอสโกเข้ายึดครองภายหลังการสู้รบเป็นแรมเดือน
ค็อตส์บอกว่า กองกำลังยูเครน “กำลังปฏิบัติการรุก” ทั้งในและรอบๆ เส้นแนวหน้าของเมืองบัคมุต นอกจากนั้นเขาตั้งข้อสังเกตว่า เคียฟน่าจะยังไม่ได้ “นำเอากองกำลังหลักเข้าสู่สมรภูมิ”
อีกหลายชั่วโมงต่อมาในวันจันทร์ (5) วลาดิมีร์ โรกอฟ เจ้าหน้าที่ในคณะบริหารแคว้นซาโปริซเซีย ที่ได้รับแต่งตั้งจากรัสเซีย แถลงว่า กองกำลังยูเครนกำลังพยายามที่จะเจาะผ่านแนวป้องกันของแดนหมีขาวในแคว้นทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนแห่งนี้ รวมทั้งบอกด้วยว่า มีการสู้รบขึ้นมาใหม่ในพื้นที่ของแคว้นซาโปริซเซียซึ่งอยู่ติดต่อกับแคว้นโดเนตสก์
“ข้าศึกทุ่มกำลังขนาดใหญ่มากขึ้นกว่าเมื่อวาน (คืนวันอาทิตย์) ในการเข้าโจมตี” โรกอฟ บอก และความพยายามครั้งใหม่ในการเจาะผ่านแนวหน้า “มีขนาดใหญ่โตยิ่งขึ้นและมีการจัดตั้งมากขึ้น” พร้อมกับเสริมว่า “การสู้รบยังคงดำเนินอยู่”
โรกอฟตีความความเคลื่อนไหวทางทหารของฝ่ายยูเครนว่า เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของเคียฟที่จะบุกไปให้ถึงชายฝั่งริมทะเลอาซอฟ และตัดขาดแนวแผ่นดินแคบๆ ที่ต่อเชื่อมกับคาบสมุทรไครเมียซึ่งมอสโกประกาศผนวกเป็นส่วนหนึ่งของตนมาตั้งแต่ปี 2014
สำนักข่าวเอพีบอกว่า พวกนักวิเคราะห์มีความเห็นกันมานานแล้วว่ายุทธศาสตร์เช่นนี้มีความเป็นไปได้ เนื่องจากมันจะสามารถตัดกองกำลังรัสเซียออกเป็น 2 ส่วน ขณะที่สร้างความลำบากอย่างรุนแรงให้แก่การส่งกำลังบำรุงไปยังไครเมีย โดยคาบสมุทรแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นศูนย์ทางทหารของรัสเซียในสงครามคราวนี้ตั้งแต่ที่เริ่มต้นขึ้นมาในเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว
สำหรับฝ่ายยูเครนนั้นใช้วิธีปิดปากเงียบ โดยที่เมื่อถูกสอบถามขอความเห็นจากสำนักข่าวรอยเตอร์เกี่ยวกับการแถลงของฝ่ายรัสเซีย โฆษกของฝ่ายทหารยูเครนผู้หนึ่งตอบว่า “เราไม่มีข้อมูลข่าวสารในเรื่องเช่นนี้ และเราไม่แสดงความเห็นใดๆ ต่อข่าวเท็จไม่ว่าชนิดไหน”
ขณะที่โอเลคซีย์ ดานิลอฟ เลขาธิการของสภาความมั่นคงและกลาโหมของยูเครน กล่าวว่า “สงครามยังดำเนินอยู่ จนกระทั่งได้ชัยชนะอย่างสมบูรณ์”
ส่วนศูนย์เพื่อการสื่อสารทางยุทธศาสตร์ของยูเครนไม่ได้กล่าวถึงคำแถลงของรัสเซียโดยตรง แต่ระบุโดยปราศจากการแสดงหลักฐานว่า รัสเซียพยายามปล่อยข้อมูลเท็จเพื่อให้ยูเครนเสียขวัญ และเกิดความเข้าใจผิดทั้งในหมู่ชาวยูเครนและรัสเซีย และสำทับว่า พวกนักโฆษณาชวนเชื่อของรัสเซียจะปล่อยข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการตอบโต้กลับ เป้าหมาย และความสูญเสียของกองทัพยูเครน
ด้าน โอเลคซานดร์ ซีร์สไกยี ผู้บัญชาการกองทัพบกยูเครน แถลงเมื่อวันจันทร์ว่า กองกำลังยูเครนยังคงรุกคืบใกล้เมืองบัคมุตที่อยู่ทางด้านเหนือของโดเนตสก์ และรายงานประจำวันของกองเสนาธิการใหญ่กองทัพยูเครนระบุเพียงว่า มีการปะทะ 29 ครั้งในแคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันสก์ ทางตะวันออกของประเทศ
อนึ่ง ในวันจันทร์ กองทัพรัสเซียอ้างว่า ได้ขับไล่กลุ่มก่อการร้ายยูเครนที่พยายามข้ามชายแดนเข้าไปก่อวินาศกรรมใกล้หมู่บ้านโนวายา ทาโวลซานกาในแคว้นเบลโกร็อดของรัสเซีย
ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอาทิตย์ วียาเชสลาฟ กลัดคอฟ ผู้ว่าการแคว้นเบลโกร็อด ยอมรับว่า กองกำลังโปรยูเครนได้จับทหารรัสเซียเป็นเชลยศึก
(ที่มา : เอเอฟพี, เอพี, รอยเตอร์)