ยูเครนเดินหน้าสู่หายนะ

ณ เวลานี้ยังไม่มีสัญญาณว่าสงครามยูเครน-รัสเซียจะใกล้จุดจบ หรือมีความเต็มใจของทั้งสองฝ่ายที่พร้อมเดินเข้าสู่โต๊ะเจรจาเพื่อการหยุดยิง ด้วยเหตุเงื่อนไขต่างกัน

ชาวยูเครนมีเหลือไม่ถึง 20 ล้านคนอยู่ในสภาวะบ้านแตกสาแหรกขาดในประเทศขณะนี้ จากเดิมเคยมี 34 ล้านคน แม้ต้องการให้สงครามสงบ ก็ทำไม่ได้

แม้ผู้นำยูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ อดีตนักแสดงตัวตลกบนจอทีวี อยากจะเลิกสงครามก็ทำไม่ได้ เพราะรู้ว่าชะตากรรมจะจบแบบไม่สวย ตกจากอำนาจ

ที่สำคัญกว่านั้น คนตัดสินใจว่ายูเครนจะหยุดสงครามหรือไม่ คือสหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดี โจ ไบเดน จะไม่ยอมเสียหน้า แพ้สงครามก่อนศึกเลือกตั้งปีหน้า

โจ ไบเดนยังเลียแผลจากความพ่ายแพ้ในศึกอัฟกานิสถาน ทหารสหรัฐฯ หนีตาย อพยพจากกรุงคาบูลวันที่ 30 สิงหาคม ปี 2021 หลังจากสู้รบกับกองกำลังตอลิบานนาน 20 ปี แพ้หมดรูป ชาติมหาอำนาจอันดับ 1 แพ้ประเทศยากจนเกือบที่สุดในโลก

โจ ไบเดน อยากให้ประเทศรับรู้ว่าตัวเองเป็นผู้นำยามสงครามหรือ wartime president ดังนั้นจึงทุ่มทุกอย่างหวังเอาชนะ ลูกชายของไบเดนมีธุรกิจ ผลประโยชน์ในยูเครน ตั้งแต่ยุคที่ไบเดนเป็นรองประธานาธิบดีภายใต้บารัค โอบามา

ไบเดนจึงให้สหรัฐฯ ยอมเสียค่าใช้จ่ายให้ยูเครนรบกับรัสเซีย โดยมีสมาชิกนาโตและยุโรปร่วมลงขันด้วย ผลที่ตามมาคือความเสียหายด้านเศรษฐกิจจนยากที่จะแก้ไข

ผิดความคาดหมายว่ารัสเซียจะล่มด้านเศรษฐกิจและแสนยานุภาพ การคว่ำบาตรเศรษฐกิจรัสเซียไม่เป็นไปตามแผนสวยหรู ผลที่ตามมาคือการสูญเสียอำนาจของเงินดอลลาร์ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยุโรปถดถอยขาดพลังงานยังมองไม่เห็นทางฟื้น

ยูเครนจึงต้องเผชิญกับความพินาศย่อยยับของบ้านเมืองต่อไป คนหนุ่มทหารยูเครนตายเป็นแสนๆ คนอย่างไร้ประโยชน์ เพราะความหลงในอำนาจของเซเลนสกี้

ยูเครนไม่มีทางเลือกอื่น ต้องเป็นเบี้ยของสหรัฐฯ ต่อไป ไม่สามารถผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์ด้วยตัวเองระบบสาธารณูปโภคพินาศในสงครามขาดรายได้จากการค้า

ล่าสุด เซเลนสกี้ประกาศว่าต้องเริ่มต้นบุกตีโต้รัสเซีย หลังจากยืดเยื้อมานานตั้งแต่เริ่มฤดูใบไม้ผลิ ไม่ได้กำหนดวัน ไม่รับประกันผลชัยชนะ รูปแบบการสู้รบ แต่บอกว่าพร้อมจะยอมรับการสูญเสียกำลังทหารอย่างหนัก

“จำเป็นต้องบุก จะรอต่อไปอีกไม่ได้ แม้จะไม่รู้ว่าผลจะเป็นอย่างไร” เป็นคำพูดของผู้นำตัวตลกที่นำพาบ้านเมืองสู่ความพินาศย่อยยับ เกือบสิ้นสภาพความเป็นชาติ

เซเลนสกี้ขอให้สหรัฐฯ ช่วยเหลืออีก 5.5 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยให้สหรัฐฯ ส่งจรวด Patriot ระบบต่อต้านทางอากาศ ซึ่งมีราคาชุดละ 1.1 พันล้านดอลลาร์

เท่ากับว่าจะได้ 50 ชุด เพื่อสู้กับขีปนาวุธและการโจมตีทางอากาศโดยรัสเซีย โดยเฉพาะขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง Kinshal ที่รัสเซียมั่นใจว่าไม่มีระบบใดต้านได้

ผู้ช่วยของเซเลนสกี้ นายIgor Zhovkva ให้สัมภาษณ์สื่อ The Times วันเสาร์ที่ผ่านมา เมื่อตอบคำถาม “ยูเครนจะบุกตีโต้รัสเซียเมื่อไหร่ เพื่อชิงพื้นที่คืนจากรัสเซีย”

“ถ้าจะปฏิบัติการให้ประสบความสำเร็จ กองทัพยูเครนต้องมีทุกอย่างที่ต้องการ เอามาใช้การได้ทุกเวลา เช่น ปืนใหญ่สนาม ยานรบหุ้มเกราะ รถถังเรายังมีไม่พอ”

“อาวุธเป็นประเด็นอันดับหนึ่งในการเดินสายเจรจาขอความช่วยเหลือจากประเทศต่างๆ เพื่อปกป้องประเทศ หยุดการโจมตีโดยจรวด ทุกประเทศก็รู้ดี”

ถ้าจะประเมินจากคำตอบของนายZhovkva ยูเครนอยู่ในสภาพที่สิ้นหวัง พันธมิตรในนาโต ไม่ได้ส่งมอบสิ่งที่ยูเครนต้องการ เช่นรถถัง รวมทั้งเครื่องบิน เอฟ-16 ที่ต้องใช้เวลาฝึกนักบินยูเครน และยังไม่รู้ว่าประเทศใดจะให้ แต่สหรัฐฯ ไม่ให้แน่

สหรัฐฯ รู้ว่ายูเครนไม่มีวันชนะรัสเซีย แต่ต้องหนุนต่อไป คนตายไม่ใช่ชาวอเมริกัน

สหรัฐฯ ไม่ต้องการพ่ายแพ้ จะทำให้สูญเสียความเป็นผู้นำนาโต ยุโรปขาดความเชื่อมั่น อังกฤษซึ่งทำตัวเป็นลูกไล่สหรัฐฯ เป็นตัวต้านไม่ให้ยูเครนเจรจาสงบศึก

เดือนมีนาคมมีก่อนนี้ ตุรเคียเป็นเจ้าภาพให้ตัวแทนยูเครนและรัสเซียเจรจาหาทางยุติสงคราม แต่นายกรัฐมนตรีอังกฤษขณะนั้น Boris Johnson บินไปหาเซเลนสกี้ถึงกรุงเคียฟ ไม่ให้สงบศึกกับรัสเซีย ให้สู้ต่อไป ยูเครนได้เสียพื้นที่ 20 เปอร์เซ็นต์

ก่อนหน้านี้จีนเสนอแผน 12 ข้อให้ยุติสงคราม ผู้ปฏิเสธทันควันคือ โจ ไบเดน โดยที่ผู้นำยูเครนไม่มีสิทธิหรือโอกาสได้พิจารณา ชะตากรรมถูกกำหนดโดยสหรัฐฯ

ล่าสุด มีข้อเสนอของอินโดนีเซีย 10 ข้อในการประชุม Shangrila Dialogue ในสิงคโปร์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มี 2 ประเด็นสำคัญให้ 2 ฝ่ายหยุดยิง ถอนกำลังออกจากจุดปัจจุบัน 10 กม. ให้เป็นพื้นที่ปลอดทหาร กองกำลังสหประชาชาติรักษาพื้นที่

สหรัฐฯ ไม่ยอม ยูเครนไม่ยอม เพราะยังเสียพื้นที่ซึ่งรัสเซียผนวกไปแล้วเส้นทางไปสู่สันติภาพมีแต่ทางตัน ด้วยเงื่อนไขไม่ลงตัว และไม่เกิดการเจรจาหยุดยิง

สหรัฐฯ ไม่ต้องการหยุดสงคราม แม้ประชาชนในยุโรปเริ่มต่อต้านหนัก

ยูเครนต้องยื้อสู้ต่อในสนามรบ และเป็นฝ่ายต้องตั้งรับ รอความพินาศ ความพยายามที่จะส่งยานไร้คนขับ หรือโดรน รวมทั้งหน่วยจรยุทธ์เข้าไปในพื้นที่รัสเซีย ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ถูกสอยเรียบ และนำไปสู่การตอบโต้อย่างรุนแรงต่อเนื่อง

ผู้นำทหารยูเครนยอมรับว่าบางวันถูกโจมตีโดยรัสเซียนาน 7 ชั่วโมงโดยอาวุธสารพัด ทั้งจรวด โดรนพิฆาต ปืนใหญ่ ขีปนาวุธหลากประเภทยากที่จะต้านได้ เมื่อเป็นสมรภูมิ ยูเครนต้องกลายเป็นซากปรักหักพัง สหรัฐฯ สั่งให้สู้จนไม่เหลือคนยูเครน