นายกฯ หารือ ออท. โปแลนด์ ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ พร้อมยืนยันสานต่อความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิด และกระชับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การศึกษา และกรอบพหุภาคี
วันนี้ (26 พ.ค.) เวลา 10.00 น. ณ ห้องสีงาช้าง ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายวัลแดมาร์ ดูบายอฟสกี (H.E. Mr. Waldemar Dubaniowski) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปแลนด์ประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรี ชื่นชมเอกอัครราชทูตโปแลนด์ ที่มีบทบาทส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทย-โปแลนด์ ตลอดระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง ตลอดจนเพิ่มพูนความร่วมมือด้านการเมือง การค้าและการลงทุน การศึกษา และวัฒนธรรม รวมถึงกลไกความร่วมมือระหว่างรัฐสภา ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาพลวัตความสัมพันธ์ระหว่างไทย-โปแลนด์ ทั้งนี้ ไทยยืนยันที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์กับโปแลนด์ในมิติต่างๆ ให้ใกล้ชิดทุกด้านต่อไป
เอกอัครราชทูตโปแลนด์ กล่าวแสดงความรู้สึกยินดีและเป็นเกียรติที่ได้มาดำรงตำแหน่งในประเทศไทย ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งรัฐบาล กระทรวงการต่างประเทศ หน่วยงานต่างๆ และชาวไทย ได้ให้การต้อนรับและช่วยเหลืออย่างดี จนทำให้การทำงานในไทยเป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งนี้ ไทยและโปแลนด์มีความสัมพันธ์ยาวนาน และตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติหน้าทีในไทย ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือครอบคลุมหลากหลาย นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังได้เฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน เมื่อปี 2565 อีกด้วย
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายยังยืนยันสานต่อความร่วมมือด้านต่างๆ ดังนี้
ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายยินดีที่การค้าระหว่างไทยและโปแลนด์มีมูลค่ารวมกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2022 รวมถึงการลงทุนระหว่างกันมีมูลค่าสูง และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยนายกรัฐมนตรียินดีที่หน่วยงาน Polish Investment and Trade Agency (PAIH) ได้จัดตั้งสำนักงานในไทย และในโอกาสครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตฯ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน เพื่อเป็นกรอบความร่วมมือด้านการส่งเสริมการค้าและการลงทุน
ด้านเอกอัครราชทูตโปแลนด์ ยินดีที่การค้าและการลงทุนระหว่างกันมูลค่ามากขึ้นแม้มีการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 โดยนักลงทุนจากไทยและโปแลนด์ต่างสนใจลงทุนซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ ในงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2023 เอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ ได้ร่วมเปิด Pavilion จัดแสดงสินค้าของโปแลนด์ และได้นำผู้ประกอบการหลายรายจากโปแลนด์เข้าร่วมจัดแสดงสินค้าด้วย พร้อมกล่าวยืนยัน ผลักดันการค้าและการลงทุนระหว่างกันต่อไป
ความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว และกีฬา นายกรัฐมนตรียินดีที่ไทยเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวของชาวโปแลนด์ รวมถึงกีฬามวยไทยยังได้รับความนิยมในโปแลนด์ และจะมีการแข่งขันมวยไทยใน European Games 2023 ซึ่งโปแลนด์จะเป็นเจ้าภาพด้วย ด้านเอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ แสดงความชื่นชมในกีฬามวยไทยเป็นการส่วนตัว โดยได้มีโอกาสรับชมการแข่งขันมวยไทยในหลายโอกาส พร้อมยินดีที่มวยไทยได้แข่งขันใน European Games 2023 ด้วย
ความร่วมมือด้านการศึกษา นายกรัฐมนตรีกล่าวชื่นชมความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของโปแลนด์ ซึ่งที่ผ่านมา นักศึกษาไทยนิยมเดินทางไปศึกษาต่อด้านแพทยศาสตร์ในโปแลนด์มากขึ้น ซึ่งเอกอัครราชทูตโปแลนด์ กล่าวว่า โปแลนด์มีความเชี่ยวชาญในด้านการแพทย์ และค่าใช้จ่ายเพื่อศึกษาการแพทย์ของโปแลนด์มีราคาที่เหมาะสม จึงได้รับความนิยมมากขึ้น ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตโปแลนด์ ยินดีส่งเสริมความร่วมมือระหว่างสถาบันการศึกษาของทั้งสองประเทศในสาขาดังกล่าวเพิ่มเติมในอนาคต
ความร่วมมือกรอบพหุภาคี นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไทยเสนอให้จังหวัดภูเก็ตเป็นเจ้าภาพจัดงาน Specialised Expo ในปี 2028 ซึ่งจะเป็นเวทีให้นานาประเทศได้นำเสนอทางออก และแลกเปลี่ยนความร่วมมือสู่ความยั่งยืน จึงขอรับการสนับสนุนจากโปแลนด์สำหรับการเลือกตั้งเพื่อจัดงานดังกล่าวในเดือนมิถุนายน 2023 ณ กรุงปารีส ซึ่งเอกอัครราชทูตโปแลนด์ ยินดีนำไปสานต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาข้อเสนอดังกล่าวของไทยต่อไป
ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ทั้งสองฝ่ายต่างยินดีต่อความร่วมมือระหว่างไทยกับโปแลนด์ในการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครน ซึ่งนายกรัฐมนตรีชื่นชมบทบาทด้านมนุษยธรรมของโปแลนด์ต่อผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์ความขัดแย้งนี้ โดยไทยได้มอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมผ่านช่องทางต่างๆ รวมแล้วกว่า 20 ล้านบาท ผ่านองค์กรด้านมนุษยธรรมและองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ รวมถึงสภากาชาดโปแลนด์ และได้ช่วยเหลือชาวยูเครนในประเทศไทย อาทิ การขยายอายุการอยู่ต่อในราชอาณาจักร เป็นต้น ด้านเอกอัครราชทูตโปแลนด์ฯ ชื่นชมรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญต่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่ยูเครน พร้อมหวังว่าเหตุการณ์ความขัดแย้งนี้จะเกิดสันติสุขโดยเร็ว
ในช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี หวังว่า เอกอัครราชทูตโปแลนด์ ได้รับประสบการณ์ที่ดีตลอดการพำนักและทำงานในไทย ซึ่งประเทศไทยเป็นเสมือนบ้านหลังที่สอง พร้อมยินดีต้อนรับเสมอหากกลับมาประเทศไทยอีกครั้ง ด้านเอกอัครราชทูตโปแลนด์ ยืนยันสานต่อมิตรภาพระหว่างไทยและโปแลนด์ต่อไปแม้จะหมดวาระ พร้อมกล่าวแสดงความขอบคุณรัฐบาลอีกครั้งสำหรับความช่วยเหลือที่มีมาอย่างต่อเนื่อง