กลุ่มนักวิจัยด้านคอมพิวเตอร์ชื่อดังและผู้นำอุตสาหกรรมเทคโนโลยีที่รวมถึง “อีลอน มัสก์” และ “สตีฟ วอซเนียก” เรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องหยุดพักการพัฒนา “เอไอ” เอาไว้ก่อน 6 เดือน เพื่อพิจารณาความเสี่ยงของเทคโนโลยีสุดล้ำนี้
ข้อเรียกร้องนี้ที่เผยแพร่ออกมาเมื่อวันพุธ (29 มี.ค มีขึ้นหลังจาก โอเพนเอไอ บริษัทสตาร์ทอัปในซานฟรานซิสโก ปล่อย GPT-4 ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงกว่าแชตบอตเอไอ “ChatGPT” ซึ่งกำลังใช้กันอย่างกว้างขวางอยู่ในขณะนี้ และกระตุ้นให้พวกบิ๊กเทคอย่างไมโครซอฟท์และกูเกิล แข่งขันเปิดตัวแอปพลิเคชันแบบเดียวกัน
คำร้องของคนกลุ่มนี้เตือนว่า ระบบปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) ที่เฉลียวฉลาดสามารถแข่งขันกับมนุษย์ได้ อาจสร้างความเสี่ยงอย่างลึกซึ้งต่อสังคมและมนุษยชาติ ตั้งแต่ด้วยการปล่อยข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแต่แนบเนียนเข้าท่วมท้นบนอินเทอร์เน็ต ไปจนถึงการแย่งงาน ตลอดจนความเสี่ยงขั้นหายนะมากขึ้นอีกในอนาคตชนิดที่หลุดออกมาจากนิยายวิทยาศาสตร์
ในคำร้องนี้สำทับว่า ช่วงหลายเดือนมานี้ พวกห้องปฏิบัติการเอไอถูกล็อกอยู่ในการแข่งขันที่อยู่นอกเหนือการควบคุม เพื่อการพัฒนาและปรับใช้สติปัญญาดิจิทัลที่ทรงพลังมากขึ้น ถึงแม้เป็นสติปัญญาซึ่งกระทั่งผู้สร้างก็ยังไม่สามารถเข้าใจ คาดการณ์ หรือควบคุมได้อย่างน่าเชื่อถือ
ดังนั้น กลุ่มนี้จึงเรียกร้องให้ห้องปฏิบัติการเอไอทั้งหมดระงับการฝึกระบบไอเอให้ทรงพลังมากกว่าจีพีที-4 ในทันทีเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน โดยการระงับนี้ควรตรวจสอบได้และครอบคลุมผู้เล่นสำคัญทั้งหมด แต่ถ้าไม่สามารถระงับได้ทันที รัฐบาลต่างๆ ก็ควรเข้าแทรกแซงและกำหนดช่วงเวลาหยุดพักชั่วคราว
ขณะนี้มีหลายประเทศกำลังลงมือวางกฎเพื่อควบคุมพวกเครื่องมือเอไอที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เมื่อวันพุธ (29) สหราชอาณาจักรได้เผยแพร่เอกสารแนวทางควบคุมเพื่อหลีกเลี่ยงการออกกฎหมายที่เข้มงวดซึ่งอาจปิดกั้นนวัตกรรม ขณะที่สมาชิกรัฐสภาของ 27 ชาติสหภาพยุโรป (อียู) กำลังหารือเพื่อผ่านกฎควบคุมเอไอที่ครอบคลุมเช่นกัน
สำหรับคำร้องนี้ดำเนินการโดย ฟิวเจอร์ ออฟ ไลฟ์ อินสติติวท์ ที่เป็นองค์กรไม่หวังผลกำไร ซึ่งเผยว่า ผู้ที่ลงชื่อสนับสนุน เช่น โยชัว เบนจิโอ วิศวกรเอไอเจ้าของรางวัลทัวริง และนักวิจัยด้านเอไอชั้นนำคนอื่นๆ เช่น สจ๊วร์ต รัสเซลล์ และแกรี่ มาร์คัส รวมถึงวอซเนียก ผู้ร่วมก่อตั้งแอปเปิล แอนดรูว์ หยาง อดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
มัสก์ที่บริหารเทสลา ทวิตเตอร์ และสเปซเอ็กซ์ และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งและนักลงทุนในยุคแรกของโอเพนเอไอ แสดงความกังวลมานานแล้วเรื่องเอไอทำให้เกิดความเสี่ยงทางด้านการดำรงคงอยู่ หนึ่งในเรื่องน่าประหลาดใจมากกว่าคือในบรรดาผู้ลงชื่อสนับสนุนคำร้องนี้มี อีหมัด มอสต๊าก ซีอีโอของสตาบิลิตี้ เอไอ ผู้สร้างสเตเบิล ดิฟฟิวชัน ซึ่งเป็นโปรแกมสร้างภาพด้วยเอไอที่เป็นหุ้นส่วนกับแอมะซอน และแข่งขันกับโปรแกรมดอล-ลี ของโอเพนเอไอ
เวลานี้ โอเพนเอไอ ไมโครซอฟท์ และกูเกิล ยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคำร้องนี้ แต่มีคนมากมายรู้สึกระแวงสงสัย
เจมส์ กริมเมลแมนน์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายข้อมูลและดิจิทัลของมหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ ชี้ว่า เป็นความคิดที่ดีในการพักการพัฒนาเอไอ แต่เนื้อหาในคำร้องดังกล่าวคลุมและไม่ได้กล่าวถึงปัญหาด้านกฎระเบียบอย่างจริงจัง และยังทำให้มัสก์ดูเหมือนเสแสร้ง เพราะด้านหนึ่งนั้นลงชื่อสนับสนุน แต่อีกด้านเทสลากลับต่อสู้อย่างหนักเพื่อปกป้องความน่าเชื่อถือของระบบตรวจจับด้วยเอไอในรถอัตโนมัติของบริษัท
แม้คำร้องนี้ชูประเด็นความชั่วร้ายจากการที่เอไอฉลาดกว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่จริง แต่เอไอไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่กลุ่มคนเหล่านั้นจะต้องกังวล ตัวอย่างเช่นแม้น่าประทับใจแต่เครื่องมืออย่างแชตจีพีทีเป็นเพียงโปรแกรมสร้างข้อความที่สามารถคาดการณ์ว่า ควรตอบคำถามที่ถามเข้ามาอย่างไรโดยอิงกับสิ่งที่เรียนรู้จากผลงานลายลักษณ์อักษรมากมายมหาศาลที่ป้อนเข้าโปรแกรม
แกรี่ มาร์คัส ศาสตราจารย์กิตติคุณของมหาวิทยาลัยนิวยอร์กที่ร่วมลงชื่อในคำร้อง บอกว่า ไม่เห็นด้วยกับคนอื่นๆ ที่กังวลกับแนวโน้มระยะสั้นว่า เอไออาจพัฒนาตัวเองจนเกินการควบคุมของมนุษย์ แต่สิ่งที่เขากังวลคือ เอไอระดับธรรมดาทั่วไปที่มีการใช้กันอย่างกว้างขวาง ซึ่งรวมถึงโดยอาชญากรหรือผู้ก่อการร้าย เพื่อล่อลวงคนหรือปล่อยข้อมูลเท็จที่เป็นอันตราย
(ที่มา : เอพี, เอเอฟพี)