รอยเตอร์ - จีนสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับฮอนดูรัส เมื่อวันอาทิตย์ (26 มี.ค.) หลังจากประเทศในอเมริกากลางแห่งนี้ยุติความสัมพันธ์ยาวนานนับ 10 ปีกับไต้หวัน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวันกล่าวหาฮอนดูรัสว่าเคยร้องขอเงินก้อนโต ก่อนจะหันไปคบกับจีน
การยุติความสัมพันธ์กับไทเปถูกคาดหมายมานานหลังจากรัฐมนตรีต่างประเทศฮอนดูรัสเดินทางไปปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพื่อเปิดความสัมพันธ์กับจีน และประธานาธิบดีซิโอมารา คาสโตร กล่าวว่า รัฐบาลฮอนดูรัสจะเริ่มความสัมพันธ์กับปักกิ่ง
ด้านจีนเผยว่า รัฐมนตรีต่างประเทศ ฉิน กัง และเอดูอาร์โด เอนริเก รัฐมนตรีต่างประเทศฮอนดูรัส ได้ลงนามข้อตกลงการยอมรับทางการทูตในปักกิ่ง และยุติความสัมพันธ์กับไต้หวันที่ย้อนไปได้ถึงทศวรรษ 1940
ในแถลงการณ์สั้นๆ เมื่อวันเสาร์ (25 มี.ค.) กระทรวงต่างประเทศฮอนดูรัสระบุว่า ฮอนดูรัสยอมรับสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นรัฐบาลที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงหนึ่งเดียวที่เป็นตัวแทนของจีน และยอมรับว่า ไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งที่ไม่อาจแยกจากดินแดนจีนได้
จีนนั้นอ้างว่า ไต้หวันซึ่งปกครองในระบอบประชาธิปไตยเป็นดินแดนของตนและไม่มีสิทธิสถาปนาความสัมพันธ์ระดับรัฐกับรัฐ แม้ไทเปยืนกรานปฏิเสธมาโดยตลอด จีนยังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับจีนยอมรับจุดยืนนี้
โจเซฟ อู๋ รัฐมนตรีต่างประเทศไต้หวัน แถลงสั้นๆ เมื่อวันอาทิตย์ว่า คาสโตรที่เข้ารับตำแหน่งเมื่อต้นปีที่แล้ว และรัฐบาลฮอนดูรัสมีภาพลวงตาเกี่ยวกับจีน และจีนไม่เคยหยุดหลอกล่อ
อู๋เสริมว่า กระทรวงต่างประเทศและสถานทูตไต้หวันเก็บรักษาข้อมูลที่เกี่ยวข้องและจัดการอย่างระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของคาสโตรยังขอเงินหลายพันล้านดอลลาร์จากไต้หวัน โดยระบุว่าเป็นความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ อีกทั้งเปรียบเทียบโครงการความช่วยเหลือของไต้หวันกับจีน อย่างไรก็ตาม ทั้งจีนและไต้หวันไม่ได้ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
อู๋ยังกล่าวอีกว่า รัฐมนตรีต่างประเทศฮอนดูรัสส่งจดหมายถึงไต้หวันเมื่อวันที่ 13 มีนาคม หรือหนึ่งวันก่อนที่คาสโตรจะประกาศครั้งแรก โดยเรียกร้องความช่วยเหลือทั้งสิ้น 2,450 ล้านดอลลาร์ ที่รวมถึงค่าก่อสร้างโรงพยาบาลและเขื่อน รวมทั้งการลงบัญชีหนี้สูญ ซึ่งอู๋มองว่า ฮอนดูรัสดูเหมือนต้องการเงินมากกว่าอยากได้โรงพยาบาล
เอนริเก เรนา รัฐมนตรีต่างประเทศฮอนดูรัส ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ตัวเลข 2,500 ล้านดอลลาร์ไม่ใช่การบริจาค แต่เป็นกลไกการรีไฟแนนซ์ที่ตกลงกันไว้
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีไช่ อิง-เหวินของไต้หวันมีกำหนดออกเดินทางเยือนอเมริกา กัวเตมาลา และเบลิซในวันพุธ (29 มี.ค.) ซึ่งคาดว่าจะได้พบกับเควิน แม็กคาร์ธีย์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ที่ลอสแองเจลิสในช่วงท้ายการเดินทาง
อู๋บอกว่า เขาสงสัยมากว่า จังหวะเวลาที่ฮอนดูรัสตัดสินใจช่างใกล้เคียงกับแผนการเยือนต่างประเทศของไช่ ซึ่งทำให้ดูเหมือนจีนจงใจให้เป็นแบบนั้น
ฝ่ายอเมริกาจับตาสถานการณ์นี้ด้วยความกังวล เนื่องจากจีนกำลังแผ่ขยายอิทธิพลหลังบ้านของตนเองด้วยการแย่งชิงพันธมิตรในอเมริกากลางจากไต้หวัน และเฝ้าย้ำเตือนประเทศต่างๆ ไม่ให้หลงเชื่อคำสัญญาให้ความช่วยเหลือของปักกิ่ง
กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า แม้การดำเนินการของฮอนดูรัสเป็นการตัดสินใจภายใต้อำนาจอธิปไตยของตนเอง แต่ควรตระหนักว่า จีนมักให้สัญญาเพื่อแลกเปลี่ยนกับการยอมรับทางการทูตซึ่งสุดท้ายไม่เคยทำได้ตามที่สัญญา
แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ สำทับว่า ไม่ว่าฮอนดูรัสตัดสินใจอย่างไร อเมริกาจะยังคงมีปฏิสัมพันธ์อย่างลึกซึ้งและครอบคลุมกับไต้หวันต่อไป
ทั้งนี้ ฮอนดูรัสและไต้หวันสถาปนาความสัมพันธ์กันมาตั้งแต่ปี 1941 ซึ่งขณะนั้นรัฐบาลสาธารณรัฐจีนที่ยังคงเป็นชื่ออย่างเป็นทางการของไต้หวัน ยังคงอยู่ในจีนก่อนที่จะหนีไปเกาะไต้หวันในปี 1949 ภายหลังพ่ายแพ้ต่อพรรคคอมมิวนิสต์ของเหมา เจ๋อตง ในสงครามกลางเมือง
ปัจจุบัน ไต้หวันมีความสัมพันธ์ทางการทูตกับ 13 ประเทศ ส่วนใหญ่เป็นประเทศยากจนและประเทศกำลังพัฒนาในอเมริกากลาง แคริบเบียน และแปซิฟิก