ผู้นำจีนและรัสเซียต่างยกย่อง "ยุคใหม่" ในความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ชาติในวันอังคาร (21 มี.ค.) แสดงจุดยืนเป็นแนวร่วมกันในมอสโก นอกจากนี้ ทั้ง 2 คนยังได้กล่าวหาสหรัฐฯ กำลังบ่อนทำลายความมั่นคงระหว่างประเทศและระดับภูมิภาค และตำหนิตะวันตกกรณีปฏิเสธข้อเสนอของปักกิ่งในการยุติความขัดแย้งยูเครน
ทั้ง 2 ประเทศซึ่งกระตือรือร้นในการสกัดอำนาจของตะวันตก ยังได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการแผ่ขยายขอบเขตในเอเชียของนาโต้ และเห็นพ้องกระชับความเป็นพันธมิตรแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ในขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เปิดปฏิบัติการรุกรานยูเครน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีก่อน
ปูติน กล่าวว่า เขาเปิดกว้างสำหรับการเจรจาเกี่ยวกับยูเครน และยกย่องแผนสันติภาพ 12 ข้อของปักกิ่ง ซึ่งในนั้นรวมถึงข้อเรียกร้องให้มีการเจรจาและเคารพอำนาจอธิปไตยแห่งดินแดนของทุกประเทศ
"หลายข้อกำหนดในแผนสันติภาพที่ผลักดันโดยจีน สามารถใช้เป็นพื้นฐานสำหรับการหาทางออกอย่างสันติวิธี ครั้งที่เคียฟและตะวันตกพร้อมสำหรับมัน" ผู้นำรัสเซียกล่าวหลังจากพูดคุยกับ สี จิ้นผิง ผู้นำจีน "อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้เรายังไม่เห็นความพร้อมดังกล่าวในส่วนของพวกเขา"
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เผยว่าเคียฟได้เชิญจีนสำหรับการพูดคุยหารือ และกำลังรอคำตอบจากปักกิ่ง "เราเสนอให้จีนก้าวมาเป็นหุ้นส่วนในการบังคับใช้สูตรสันติภาพ เราส่งผ่านสูตรของเราทั่วทุกช่องทาง เราเชิญคุณมาพูดคุย เรากำลังรอคำตอบจากคุณ" เซเลนสกี กล่าวระหว่างแถลงข่าว
อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ บอกว่าพวกเขาไม่มองว่าจีนมีศักยภาพพอที่จะเป็นตัวกลางที่มีความเที่ยงธรรม ความเคลื่อนไหวที่เป็นการวิพากษ์วิจาณ์โดยตรงที่สุดต่อเป้าหมายของปักกิ่ง ในการเข้ามาเป็นคนกลางในความพยายามยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มอสโกและปักกิ่งได้ยกระดับความร่วมมือต่างๆ โดยทั้ง 2 ชาติได้แรงขับเคลื่อนจากความปรารถนาถ่วงดุลการครองโลกของสหรัฐฯ
การเดินทางเยือนมอสโกของผู้นำจีน ถูกมองว่าเป็นแรงหนุนสำหรับปูติน ผู้ซึ่งถูกศาลอาญาระหว่งประเทศ (ไอซีซี) ออกหมายจับ ตามข้อกล่าวหาเนรเทศเด็กๆ ชาวยูเครนไม่ชอบด้วยกฎหมาย "ผมมั่นใจว่าความร่วมมือระหว่างรัสเซียและจีนมีความเป็นไปได้และมีแนวโน้มที่ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง" ปูติน กล่าวระหว่างงานเลี้ยงอาหารค่ำอย่างเป็นทางการ ตามหลังการพูดคุย ซึ่งเขาอวดอ้างถึงความรุ่งเรืองของประชาชนชาวรัสเซียและจีน
ในวันที่ 2 ของการเดินทางเยือนมอสโก ประธานาธิบดีสี กล่าวว่า ความสัมพันธ์กับรัสเซีย "กำลังเข้าสู่ยุคสมัยใหม่" ส่วน ปูติน เรียกการพบปะหารือกันในครั้งนี้ว่า "มีความหมายและตรงไปตรงมา" และบอกว่ารัสเซีย ซึ่งถูกตัดพ้นจากตลาดยุโรปเป็นส่วนใหญ่ สืบเนื่องจากมาตรการคว่ำบาตร จะสามารถรองรับอุปสงค์ทางพลังงานที่เติบโตขึ้นของจีนได้
พลังงานคือประเด็นสนใจหลักของสี ในการเดินทางเยือนครั้งนี้ และทางปูติน แถลงว่าทั้ง 2 ประเทศบรรลุข้อตกลงหนึ่งในเรื่องเกี่ยวกับท่อลำเลียงก๊าซ เพาเวอร์ ออฟ ไซบีเรีย 2 ซึ่งเชื่อมจากไซบีเรียไปภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
ในถ้อยแถลงร่วม ผู้นำทั้ง 2 กล่าวเล่นงานตะวันตก พร้อมกับกล่าวหาสหรัฐฯ กำลังบ่อนทำลายความมั่นคงโลก "ทั้ง 2 ชาติเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดบ่อนทำลายความมั่นคงระหว่างประเทศและในระดับภูมิภาค และหยุดบ่อนทำลายเสถียรภาพยุทธศาสตร์โลก เพื่อให้ได้มาซึ่งความได้เปรียบทางทหารแต่เพียงฝ่ายเดียว" รัสเซียและจีนกล่าวในแถลงการณ์
นอกจากนี้ พวกเขายังแสดงความกังวลใหญ่หลวงต่อการปรากฏตัวเพิ่มมากขึ้นของนาโต้ในเอเชีย
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันจันทร์ (20 มี.ค.) สี และ ปูติน พูดคุยกันนานกว่า 4 ชั่วโมงครึ่ง และต่างฝ่ายต่างเรียกอีกฝ่ายว่าเป็นเพื่อนรัก
บ่อยครั้งที่จีนและรัสเซียทำงานสอดประสานกัน ณ เวทีคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ผ่านการใช้อำนาจวีโต้ของพวกเขาในฐานะสมาชิกถาวร ในการต้านทานตะวันตก
การจู่โจมยูเครนของรัสเซีย ก่อความกังวลในบรรดามหาอำนาจตะวันตกว่าสักวันหนึ่ง จีน อาจพยายามเข้าควบคุมเกาะปกครองตนเองไต้หวันเช่นกัน ในขณะที่ปักกิ่งมองเกาะแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของดินแดน
จีน พยายามวาดภาพตนเองในฐานะชาติเป็นกลางในความขัดแย้งยูเครน แต่วอชิงตันกล่าวหาว่าความเคลื่อนไหวของปักกิ่งอาจเป็น "กลยุทธ์เตะถ่วง" เพื่อช่วยเหลือมอสโก
สหรัฐฯ กล่าวหาด้วยว่า ปักกิ่งกำลังพิจารณาส่งออกอาวุธไปมอสโก คำกล่าวอ้างที่จีน ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง
(ที่มา : เอเอฟพี)