xs
xsm
sm
md
lg

ยูเครนกำลังจะพ่ายแพ้ โดยเมืองบัคมุตน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งการสิ้นสุด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: แบรนดอน เจ ไวเชิร์ต ***


ทหารยูเครนสังกัดกองพลน้อยพลร่มที่ 80 ยิงปืนครกจากที่มั่นบริเวณแนวหน้าใกล้ๆ เมืองบัคมุต แคว้นโดเนตสก์ ซึ่งฝ่ายรัสเซียกำลังพยายามโอบล้อม เมื่อวันพฤหัสบดี (16 มี.ค. 2023)
(เก็บความจากเอเชียไทมส์ www.asiatimes.com)

Ukraine is going to lose
By BRANDON J WEICHERT
06/03/2023

ช่องทางโอกาสที่จะมีการเจรจาเพื่อรอมชอมกันได้ถูกปิดลงไปแล้ว ยูเครนรวมทั้งนาโต้ที่หนุนหลังพวกเขาอยู่จะต้องประสบความพ่ายแพ้อย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากมอสโกรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอของฝ่ายตะวันตก จึงกำลังใช้หนทางทั้งหมดทั้งสิ้นเพื่อทำให้ยูเครนแตกออกเป็นเสี่ยงและเข้าพิชิต ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งการสิ้นสุดน่าจะเปิดฉากขึ้นแล้วในเมืองบัคมุต


มีความคิดอยู่ความคิดหนึ่งที่กำลังแพร่หลายไปทั่วอินเทอร์เน็ต บอกว่าการสู้รบขัดแย้งในยูเครนเวลานี้กำลังกลายเป็นสงครามคร่ากำลัง (war of attrition) แบบค่อนข้างคงที่ ซึ่งจะทำให้กองทัพรัสเซียเสียเลือดเสียเนื้อเหือดแห้งไปเรื่อยๆ ดังนั้น จะเป็นอะไรนักหนาถ้าหากสงครามเช่นนี้ทำลายสังคมของยูเครนจนเสียหายยับเยินและคร่าชีวิตประชากรของประเทศนี้ไปแทบทั้งหมด? อย่างน้อยที่สุดกลไกสงครามอันน่าหวาดกลัวของรัสเซียก็จะต้องแน่นิ่งหยุดชะงักไปในสมรภูมิทุ่งสังหารแห่งยูเครนล่ะ

พวกที่กำลังเชื่อถือในเรื่องเหล่านี้คือพวกที่กำลังใช้ชีวิตอยู่ในแฟนตาซี

ข้อเท็จจริงก็คือ กองทหารยูเครนต่างหากกำลังอยู่ในอาการเหือดแห้งหมดสิ้นลงไปเรื่อยๆ เส้นทางลำเลียงส่งกำลังบำรุงจากฝ่ายตะวันตกอยู่ในภาวะตึงตัว และคลังอาวุธยุทโธปกรณ์ ตลอดจนเครื่องกระสุนซึ่งสำคัญอย่างยิ่งของนาโต้ก็พร่องลงอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้สงครามครั้งนี้จึงกำลังเปลี่ยนแปลงไปเป็นการสู้รบขัดแย้งซึ่งฝ่ายรัสเซียจะเป็นฝ่ายได้เปรียบในจุดสำคัญระดับเป็นตายเป็นจำนวนมาก

สำหรับพวกที่กำลังมีความรู้สึกฝังใจ [1] ว่าสงครามพร่ากำลังจะนำไปสู่การตกลงรอมชอมกันได้โดยผ่านการเจรจากันนั้น ขอตอบว่ามันแทบไม่มีทางเป็นเช่นนั้นเลย!

มอสโกเวลานี้กำลังทุ่มเทอย่างเต็มที่ [2] เข้าไปในการสู้รบขัดแย้งคราวนี้แล้ว หน้าต่างแห่งโอกาสที่จะตกลงรอมชอมกันนั้นได้ถูกปิดลงแล้ว นอกเสียจากว่ารัสเซียประสบความสูญเสียอย่างสำคัญในเร็ววันนี้ (ซึ่งดูเหมือนรัสเซียจะไม่ได้ตกอยู่ในอันตรายเช่นว่านี้เลย ถ้าหากศึกชิงเมืองบัคมุตจะสามารถเป็นเครื่องบ่งชี้อะไรได้แล้ว) เฉพาะแค่เรื่องจำนวนกำลังพลของฝ่ายรัสเซียซึ่งเหนือล้ำกว่าโครงสร้างกองกำลังของฝ่ายยูเครน [3] เพียงเรื่องเดียวเท่านั้น ก็ทำให้เป็นที่แน่ใจได้อยู่แล้วว่าพวกเขาจะประสบชัยชนะที่พวกเขากำลังเฝ้ารอคอย

ผลลัพธ์ของสงครามครั้งนี้ที่ผู้จะประสบความพ่ายแพ้คือยูเครน รวมทั้งนาโต้ที่เป็นผู้หนุนหลังของพวกเขาด้วย เป็นสิ่งที่ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากมอสโกรู้สึกได้ถึงความอ่อนแอของฝ่ายตะวันตก (และข้อเท็จจริงที่ว่าตะวันตกกำลังอยู่ในอาการทำอะไรจนสุดเหยียดเกินกำลังอย่างน่าสังเวชอยู่แล้ว) ฝ่ายรัสเซียจึงกำลังจะใช้หนทางวิธีการทั้งหมดทั้งสิ้นเพื่อทำให้ยูเครนแตกเป็นเสี่ยงๆ และเข้าพิชิต จุดเริ่มต้นของช่วงเวลาแห่งการสิ้นสุดน่าที่จะกำลังเปิดฉากขึ้นแล้วในบัคมุต เมืองที่อยู่ด้านตะวันออกปลายโพ้นของยูเครน (อยู่ใกล้กับพรมแดนรัสเซียมาก)

กองกำลังฝ่ายรัสเซียใช้เวลาอยู่หลายเดือนในการเดินหน้าเข้าโอบล้อม [4] เมืองนี้เอาไว้ เมื่อตอนเริ่มต้นของเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโวโลดีมาร์ เซเลนสกี ผู้กรำศึกของยูเครน ได้ยืนกราน [5] ว่าทหารของเขาจะสู้รบไปจนกระทั่งถึงจุดจบอันขมขื่นในบัคมุต

กระนั้น การประกาศอย่างองอาจกล้าหาญจากกรุงเคียฟเช่นนี้ น่าจะต้องเลือนหายตกหล่นไปไม่ค่อยถึงใบหูที่หนวกตึงในสมรภูมิ เนื่องจากมีรายงานแพร่ออกมาในเวลานี้ว่าพวกกองกำลังยูเครนที่ป้องกันเมืองอยู่ กำลังอยู่ในอาการเหน็ดหน่ายมากขึ้นทุกที ยิ่งไปกว่านั้นพวกเจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมยูเครนยังพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก [6] ในระยะไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาว่า พวกเขาจะถอนกำลังออกจากบัคมุต ถ้าหากพวกเขาเชื่อว่าสถานการณ์ถึงขั้นรักษาเอาไว้ไม่ไหว

เมื่อเริ่มต้นย่างเข้าสู่เดือนมีนาคม แผนการของฝ่ายรัสเซียที่จะทำให้ฝ่ายยูเครนในบัคมุตต้องหลั่งเลือดกันจนแห้งเหือด ก็ดูเหมือนกำลังผลิดอกออกผล ดังนั้น ยูเครนจึงน่าจะมีความจำเป็นต้องถอนกองกำลังของพวกเขา [7] ออกไปจากเมืองที่ถูกปิดล้อมอย่างหนาแน่นแห่งนี้ (ซึ่งตามปากคำของพวกเจ้าหน้าที่ยูเครนระบุว่า เมืองนี้อยู่ในสภาพถูกทำลายราบเป็นหน้ากลองอยู่แล้วจากการสู้รบที่ดำเนินมาหลายเดือน)

แน่นอนล่ะ เฉพาะเมืองบัคมุตโดยลำพังไม่ได้มีความสำคัญอะไรนักไม่ว่าสำหรับฝ่ายเคียฟหรือฝ่ายมอสโก สิ่งที่สำคัญมากเกี่ยวกับเมืองย่อมๆ ในภาคตะวันออกของยูเครนแห่งนี้ก็คือว่า มันตั้งอยู่บนเส้นทางที่มุ่งไปสู่แมน้ำดนิเปอร์ (Dnieper River) แม่น้ำดนิเปอร์ซึ่งเป็นหัวใจที่มีชีวิตชีวาของการค้าและการขนส่งนี้เองคือเส้นเลือดใหญ่สายหนึ่งของยูเครน

มันยังเป็นจุดแออัดในทางภูมิยุทธศาสตร์ (geo-strategic chokepoint) [8] จุดหนึ่งภายในยูเครนอีกด้วย เป็นเวลาหลายเดือนแล้วซึ่งเกิดการสู้รบขึ้นมาระหว่างพวกที่ฝักใฝ่รัสเซียกับพวกที่ฝักใฝ่ยูเครนเพื่อช่วงชิงอำนาจในการควบคุมเกาะต่างๆ ซึ่งอยู่ในแม่น้ำดนิเปอร์ [9]

จนกระทั่งถึงเวลานี้ ฝ่ายยูเครนยังไม่สามารถที่จะกำจัดกองกำลังฝ่ายรัสเซียให้ออกไปจากพื้นที่บริเวณนี้ ถ้าหากต้องสูญเสียเมืองบัคมุต อย่างที่ดูเหมือนกำลังจะเกิดขึ้นอยู่แล้ว โดยที่กองกำลังป้องกันของยูเครนย่อมต้องอ่อนแอลงเป็นธรรมดา และถูกผลักดันให้ถอยไกลออกไปอีกจากด้านตะวันออก สิ่งซึ่งเป็นที่กังวลกันอย่างแท้จริงในโลกตะวันตกจึงเป็นเรื่องชะตากรรมของแม่น้ำดนิเปอร์

ยุทธศาสตร์พร่ากำลังของฝ่ายรัสเซียนั้นกำลังได้ผล และเป้าหมายสูงสุดของพวกเขา อย่างน้อยที่สุด คือ การควบคุมดินแดนภาคตะวันออกของยูเครนส่วนที่ประชากรเป็นพวกพูดภาษารัสเซีย เช่นเดียวกับดินแดนแหลมไครเมียในภาคใต้ของยูเครนเอาไว้ให้ได้

ย่อมมองเห็นกันได้อยู่แล้วว่า การผลักดันกองกำลังฝ่ายยูเครนให้ถอยร่นออกไปจากบัคมุต จะเปิดทางให้รัสเซียสามารถรุกไล่ไปสู่แม่น้ำดนิเปอร์ และตัดภูมิภาคแถบนี้ออกจากส่วนที่เหลือของยูเครน ยิ่งกว่านั้นการที่ฝ่ายรัสเซียเข้าควบคุมเหนือแม่น้ำดนิเปอร์เอาไว้ยังจะเป็นการป้องกันไม่ให้ฝ่ายยูเครนเปิดฉากการโจมตีใส่แหลมไครเมียอีกด้วย ถึงแม้ถ้ามีการโจมตีจริงๆ ย่อมต้องถือว่ายูเครนไปเชื่อฟังคำแนะนำที่ย่ำแย่เลวร้าย [10]

ความตายอย่างช้าๆ และอย่างเจ็บปวดของรัฐยูเครนจึงกำลังเกิดขึ้นให้เห็นกันแล้ว ไม่ว่ามันจะเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่เดือนหรือภายใน 1 ปี ฝ่ายรัสเซียก็คือยังคงไม่ไปไหน และพวกเขากำลังจะสู้รบในสงครามคราวนี้ด้วยวิธีการเดียวกันกับที่พวกเขาได้ใช้มาในการสู้รบขัดแย้งทุกๆ ครั้งในประวัติศาสตร์ของพวกขา นั่นคือ ด้วยการทุ่มเททั้งกำลังพล ความโหดเหี้ยม และระยะเวลา

ทหารกองพลน้อยพลร่มที่ 80 ของยูเครน หลบเข้ามาอยู่ในบังเกอร์ ณ ที่มั่นแนวหน้าใกล้ๆ เมืองบัคมุต รอคอยคำสั่งให้ออกไปยิงปืนครกใส่ที่มั่นฝ่ายรัสเซีย (ภาพถ่ายวันพฤหัสบดีที่ 16 มี.ค.2023)

ทหารสังกัดกองพลน้อยพลร่มที่ 50 ของยูเครน ขึ้นมาฟังเสียงปืนใหญ่จากสนามเพลาะ บริเวณใกล้ๆ เมืองบัคมุต (ภาพถ่ายวันพฤหัสบดีที่ 16 มี.ค.2023)
ยูเครนเป็นฝ่ายถอยที่บัคมุต

เวลานี้มีบางคนในโซเชียลมีเดียออกมาวิพากษ์วิจารณ์คำทำนายของผมอย่างรุนแรง โดยบอกกับผมว่า บัคมุตไม่ได้เคยมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างที่ผมพูดเอาไว้เลย ทว่าการกล่าวอ้างเช่นนี้ไม่มีความน่าเชื่อถือหรอก

ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าหากมันไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรอย่างที่ว่า แล้วทำไมยูเครนจึงยินยอมพล่าผลาญทรัพยากรและบุคลากรที่มีอยู่อย่างจำกัดของตนเพื่อยื้อการครอบครองเมืองนี้เอาไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะกระทำได้ล่ะ?

พวกเขาระบุว่า เป้าหมายคือต้องการให้รัสเซียต้องหลั่งเลือดจนตัวแห้งกรังทีเดียว แต่เวลานี้เมื่อฝ่ายยูเครนไม่สามารถรักษาบัคมุตเอาไว้ได้แล้ว พวกเขาจึงกำลังเคลื่อนย้ายกองกำลังป้องกันของพวกเขาออกไปยังแนวป้องกันแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่นอกเมืองนี้ ด้วยความคาดหวังที่จะดึงเอาฝ่ายรัสเซียเข้าไปอยู่ในเครื่องบดเนื้อเครื่องใหม่แห่งนี้อีก

คำพูดเช่นนี้ฟังดูช่างคล้ายคลึงอย่างน่าสะพรึงกลัว กับความคิดเพ้อๆ ฝันๆ ซึ่งครอบงำฮิตเลอร์และบริวารคนสนิทตอนอยู่ในหลุมบังเกอร์หลบภัย ณ ช่วงสุดท้ายของจักรวรรดิไรช์ที่สาม (ไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้กำลังพูดว่าอุดมการณ์การต่อสู้ของยูเครนเวลานี้เป็นอย่างเดียวกันกับของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ทำใจร่มๆ กันก่อนนะครับ) จนกระทั่งคณะผู้นำเยอรมันเหล่านี้ออกคำสั่งให้กองทัพทั้งหมดเข้าประจำตำแหน่งที่ตั้งเพื่อการป้องกันแห่งต่างๆ ซึ่งมีอยู่จริงๆ เพียงแค่บนแผนที่ที่มีอยู่ในบังเกอร์หลบภัยนั่นเท่านั้น

แทบไม่มีผู้นำทางทหารเยอรมันคนไหนเลยซึ่งมีหัวจิตหัวใจใหญ่พอที่จะบอกเล่าให้จอมเผด็จการผู้เพ้อคลั่งของพวกเขาได้ตระหนักถึงความจริงที่ว่า หน่วยทหารเหล่านั้นไม่ได้มีอยู่จริง และสถานการณ์อยู่ในสภาพสิ้นหวังแล้ว

พวกที่ไม่เห็นด้วยกับการมองสถานการณ์ของผม ยืนยันว่าแผนการของฝ่ายยูเครนที่มุ่งทำให้กองกำลังฝ่ายรัสเซียต้องเสียเลือดเสียเนื้อจนเหือดแห้งเป็นสิ่งที่กำลังบังเกิดผล โดยเป็นที่เชื่อ [11] กันว่าฝ่ายรัสเซียได้สูญเสียกำลังทหารไปมากกว่า 3,000 คนเฉพาะในช่วง 4 วันที่ผ่านมาเท่านั้นจากการสู้รบชิงเมืองบัคมุต

แต่กระนั้นกองกำลังฝ่ายรัสเซียก็ยังคงรุกชิงเมืองนี้ และกำลังบุกคืบหน้าไปเรื่อยๆ มุ่งสู่ภาคกลางของยูเครน เวลาเดียวกันนั้น ฝ่ายยูเครนกำลังสูญเสียทหารไปหลายสิบคน ที่พวกเขาจะพบว่าการหากำลังพลมาแทนที่กำลังเป็นเรื่องยากลำบากมากขึ้นทุกที

ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายรัสเซียที่ถูกสังหารไปในการสู้รบ โดยที่กำลังพลเหล่านี้ซึ่งถูกตีตราประทับใส่ว่าเป็น “พวกอาชญากรและพวกถูกเกณฑ์มา” นั้น มอสโกกลับมามาทดแทนเพิ่มเติมได้อย่างง่ายดาย

แม้กระทั่งถ้าหากเป็นจริงที่ว่า ฝ่ายยูเครนสามารถสังหารฝ่ายรัสเซียซึ่งผ่านการฝึกมาน้อยกว่าพวกเขาได้มากมายยิ่งกว่า แต่จำนวนก็ย่อมต้องเป็นจำนวนอยู่นั่นเอง –และจำนวนที่มีสูงกว่ามากของฝ่ายรัสเซีย เมื่อบวกเข้ากับการที่วลาดิมีร์ ปูติน ดูเหมือนตั้งใจพร้อมยอมเสียสละเพื่อบดขยี้ยูเครนในสงครามที่เขาเริ่มต้นขึ้นมาเมื่อ 1 ปีก่อน ก็มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าสภาพที่องค์การนาโต้กำลังเป็นอยู่

อาสาสมัครเสนารักษ์ชาวยูเครน ช่วยกันลำเลียงทหารบาดเจ็บคนหนึ่งที่นอนอยู่บนเปล จากแนวหน้าที่อยู่ใกล้ๆ เมืองบัคมุต ออกมายังรถโดยสารดัดแปลง เพื่อขนส่งต่อไปยังโรงพยาบาลต่างๆ ในแคว้นดนิโปรเปตรอฟสก์ ของยูเครน (ภาพถ่ายวันพุธที่ 15 มี.ค.2023)
ยูเครนไม่สามารถใช้วิธีฆ่าแหลกลาญเพื่อพาตัวเองให้หลุดออกจากความลำบากยุ่งยากครั้งนี้ได้

อย่างที่ แดเนียล เดวิส (Daniel Davis) เพื่อนร่วมงานคนหนึ่งของผมที่เว็บไซต์สิ่งพิมพ์ด้านกลาโหม “1945” (19FortyFive) เขียน [12] เอาไว้เกี่ยวกับสถานการณ์ในบัคมุตเมื่อเร็วๆ นี้นั่นแหละ :

“(กองทัพยูเครน) มีความเข้าอกเข้าใจมานานแล้วว่า บัคมุตเป็นเมืองที่แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยึดเอาไว้ และย้อนหลังกลับไปอย่างน้อยก็ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2022 มาแล้ว พวกเขาได้เริ่มต้นตระเตรียมแนวป้องกันแนวใหม่ [13] ขึ้นมาในพื้นที่ระหว่างเมืองสโลเวียนสก์ (Slovyansk) กับเมืองครามาตอร์สก์ (Kramatorsk)

“เมื่อคำนึงถึงการสูญเสียเมืองโซเดดาร์ (Soledar) ไปในเดือนมกราคม และจำนวนกองทหารที่รัสเซียมุ่งมั่นทุ่มเทเข้ามาจนถึงราวๆ ต้นเดือนกุมภาพันธ์เพื่อยึดเมืองบัคมุตให้ได้ คณะผู้นำยูเครนก็สมควรที่จะถอนกองทหารของตนออกมาได้อย่างเป็นระบบระเบียบ แล้วนำมาเติมลงไปยังที่มั่นใหม่ๆ ตามแนวป้องกันสโลเวียนสก์-ครามาตอร์สก์ ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์แล้ว”

ส่วนสำหรับพวกรถถังชื่อเสียงโด่งดังแต่กลวงใน [14] ที่ฝ่ายตะวันตกให้สัญญาอย่างกึกก้องเอิกเกริกว่าจะจัดส่งให้แก่ยูเครนนั้น เอาเข้าจริงแล้วพวกเขาก็ตกลงผูกพันจะจัดส่งให้เพียงแค่หนึ่งในสามของยานเกราะซึ่งกองทัพยูเครนร้องขอไปเท่านั้น แถมยานเกราะที่สัญญาจะให้เหล่านี้ยังแทบไม่มีสักคันที่ส่งมาถึงแล้ว –และอย่างน้อยที่สุดสำหรับฝ่ายอเมริกันแล้ว รถถังหลัก (main battle tank) อะบรามส์ (Abrams) ซึ่งคุยโวเอาไว้นักหนา ก็ไม่น่าที่จะไปปรากฏตัวในสมรภูมิยูเครนได้อย่างน้อยที่สุดอีก 1 ปีทีเดียว

พิจารณาจากความสูญเสียที่ฝ่ายยูเครนต้องแบกรับจากการพยายามประคับประคองการสู้รบในภาคตะวันออกเอาไว้ (และยังน่าที่จะต้องแบกรับกันต่อไปอีก ขณะที่สงครามยังคงมีการสู้รบกันอย่างรุนแรง) รถถังเหล่านี้จะไม่สร้างความแตกต่างใดๆ สำหรับการป้องกันของยูเครนเลย เมื่อมันเดินทางมาถึงในท้ายที่สุด

ภาพถ่ายดาวเทียมที่เผยแพร่โดยบริษัทแมกซาร์เทคโนโลยีของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2023 แสดงให้เห็นสะพานแห่งต่างๆ ที่ทอดข้ามแม่น้ำบัคมุตอฟกา บริเวณกลางเมืองบัคมุต ในแคว้นโดเนตสก์ ของยูเครน ถูกโจมตีทำลายได้รับความเสียหายหนักจากการสู้รบระหว่างฝ่ายยูเครนกับฝ่ายรัสเซียในช่วงหลายๆ เดือนที่ผ่านมา
ยูเครนทำลายกองทัพของตัวเอง

ในการประเมินของ แดเนียล เดวิส ความสูญเสียซึ่งกองทัพยูเครนต้องแบกรับเอาไว้ในความพยายามอันล้มเหลวที่จะรักษาอำนาจควบคุมเมืองบัคมุตเอาไว้ ได้ส่งผลกลายเป็นการลดทอนสมรรถนะในการรุกของยูเครนลงอย่างร้ายแรง และอย่างชนิดที่ไม่น่าจะสามารถฟื้นคืนมาได้ในเวลาอันรวดเร็ว (ไม่อาจฟื้นคืนมาได้ถ้าหากปราศจากการนำเอากองกำลังฝ่ายตะวันตกเข้ามา พูดก็พูดเถอะ)

สตีเฟน ไบรเอน (Stephen Bryen) นักวิจารณ์ให้ความเห็นผ่านสื่อของเอเชียไทมส์ ก็ประเมิน [15] เอาไว้อย่างถูกต้องว่า ขณะที่ที่มั่นของยูเครนในบัคมุตกำลังล้มครืนเมื่อเผชิญกับการรุกของรัสเซีย เคียฟเองก็กำลังวางแผนการเข้าโจมตีแหลมไครเมียซึ่งฝ่ายรัสเซียควบคุมอยู่ แต่กระทั่งว่าถ้าใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่แล้ว ฝ่ายยูเครนก็ยังต้องพบว่าการเข้าตีไครเมียนี้เป็นเรื่องลำบากยากเย็นยิ่ง ภูมิภาคซึ่งรัสเซียควบคุมเอาไว้อย่างมั่นคงนี้เข้าตียากมากๆ จนกระทั่งภายใต้เงื่อนไขต่างๆ ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ความพยายามใดๆ ของยูเครนที่จะเข้าโจมตีไครเมีย จะส่งผลกลายเป็นการสร้างความวิบัติอย่างสิ้นเชิงสำหรับฝ่ายตะวันตก

ในตอนนี้เวลาอยู่ข้างฝ่ายรัสเซีย มอสโกไม่ได้จำเป็นต้องเจรจาต่อรองใดๆ ยูเครนนั้นอยู่ในสภาพที่ต้องถอยและกองกำลังของฝ่ายนี้ก็ไม่น่าที่จะสามารถเปิดการรุกอย่างทรงประสิทธิภาพได้ในระยะใกล้ๆ นี้ หากฝ่ายยูเครนมุ่งมั่นเข้าโจมตีไครเมียให้ได้ในตอนนี้ อย่างที่พวกเขาดูเหมือนตั้งใจที่จะกระทำแล้ว การโจมตีของพวกเขาก็จะล้มเหลวอยู่ดี

กระทั่งถ้าหากในการสู้รบเพื่อช่วงชิงไครเมียที่อาจเปิดฉากขึ้นมานี้ บังเกิดปาฏิหาริย์โดยกองกำลังของฝ่ายยูเครนสามารถสร้างหัวหาดที่สำคัญๆ ได้สำเร็จ ความเสี่ยงที่รัสเซียจะตอบโต้แก้เผ็ดด้วยนิวเคลียร์ก็จะสูงลิ่วยิ่งขึ้นกว่าเวลาใดๆ

สงครามรัสเซีย-ยูเครนกำลังเคลื่อนเข้าสู่ระยะต่อไปของมันซึ่งจะมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด มันเป็นช่วงเวลาที่ฝ่ายตะวันตกต้องประเมินความมุ่งมั่นผูกพันของตนอย่างจริงจัง ขณะที่ฝ่ายรัสเซียไม่ได้กำลังจะยอมแพ้หรือยอมละทิ้งภารกิจในการบดขยี้รัฐยูเครนของพวกเขา น่าเสียดายที่ว่าเมื่อตอนที่รัฐบาลเซเลนสกี สามารถดิ้นรนอยู่รอดปลอดภัยได้เมื่อราวๆ 1 ปีก่อน พวกผู้นำฝ่ายตะวันตกที่ยโสโอหังได้กีดกันไม่ให้การทำข้อตกลงระหว่างรัสเซียกับยูเครนสามารถคืบหน้าต่อไปได้

อนิจจา ฝ่ายตะวันตกจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในยูเครน มันเพียงแค่ต้องวินิจฉัยชั่งใจว่าพวกเขาต้องการพ่ายแพ้ปราชัยอย่างเลวร้ายแค่ไหนเท่านั้น ขอให้เราตั้งความหวังกันเถิดว่าเวลานี้กำลังมีการประเมินสถานการณ์กันใหม่อย่างจริงจังบางอย่างบางประการอยู่ในทำเนียบขาว และในสำนักงานใหญ่ของอียูและนาโต้ที่บริสเซลส์

ไม่เช่นนั้นแล้ว เราก็กำลังจับจ้องมองการเกิดขึ้นมาของสงครามโลกครั้งที่ 3 อย่างแท้จริง โดยมันจะเป็นสงครามที่มีอาวุธนิวเคลียร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย และเป็นสงครามที่สหรัฐฯ จะไม่สามารถเอาชนะได้ถ้าหากไม่มีการทำลายตัวเองเสียก่อนเป็นอันดับแรก อย่างเดียวกับที่พวกมหาอำนาจใหญ่ของยุโรปได้เคยกระทำมาแล้วในสงครามโลกครั้งที่ 1

แบรนดอน เจ ไวเชิร์ต เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ของรัฐสภาสหรัฐฯ และเป็นนักวิเคราะห์ด้านภูมิรัฐศาสตร์ นอกจากเป็นผู้เขียนเรื่องให้แก่เอเชียไทมส์แล้ว เขายังกำลังเป็นบรรณาธิการคุณูปการ (contributing editor) อยู่ที่ American Greatness และ Washington Times นอกจากนั้น ไวเชิร์ต เพิ่งเข้าไปเป็นบรรณาธิการอาวุโสผู้หนึ่งของเว็บไซต์ 19FortyFive เมื่อเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ เขายังเป็นผู้เขียนหนังสือเรื่อง Winning Space : How America Remains a Superpower, เรื่อง The Shadow War : Iran’s Quest for Supremacy และเรื่อง Biohacked : China’s Race to Control Life

เชิงอรรถ

[1] https://asiatimes.com/2023/01/all-is-not-well-for-ukraine/
[2] https://asiatimes.com/2023/02/world-war-iii-is-already-here/
[3] https://www.airandspaceforces.com/russian-air-force-lot-of-capability-left-ukraine-invasion/
[4] https://www.themoscowtimes.com/2023/03/05/kyiv-says-russia-pursuing-attempts-to-encircle-bakhmut-a80397
[5] https://kyivindependent.com/national/ukraine-wont-surrender-bakhmut-says-zelensky-as-russia-advances-near
[6] https://www.reuters.com/world/europe/zelenskiy-says-ukraine-will-defend-bakhmut-within-reason-russia-2023-02-20/
[7] https://www.telegraph.co.uk/world-news/2023/03/05/ukraine-conducting-fighting-withdrawal-bakhmut/
[8] https://www.dniprotoday.com/en/news/the-prosecutors-office-is-investigating-the-shelling-of-nikopol-and-the-district-264
[9] https://www.youtube.com/watch?v=YggpSoAao8I
[10] https://asiatimes.com/2023/02/the-crimean-folly/
[11] https://www.19fortyfive.com/2023/03/russia-could-achieve-a-big-win-in-ukraine-the-price-thousands-of-dead-soldiers/
[12] https://www.19fortyfive.com/2023/03/bakhmut-hangs-by-a-thread-what-its-likely-loss-means-for-ukraine/
[13] https://tass.com/defense/1449643
[14] https://asiatimes.com/2023/01/wasted-tanks-wasted-time-in-ukraine/
[15] https://asiatimes.com/2023/03/a-coming-wider-war-with-crimea-in-us-sights/


กำลังโหลดความคิดเห็น