กระทรวงกลาโหมไต้หวันเผยงบประมาณด้านกลาโหมในปีนี้จะเน้นไปที่การจัดซื้ออาวุธและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ รวมถึงอะไหล่เครื่องบินขับไล่ F-16 เพื่อเตรียมรับสถานการณ์หากถูก “จีน” ปิดล้อมเกาะอย่างเต็มรูปแบบ (total blockade)
จีนซึ่งมองว่าไต้หวันเป็นดินแดนในอธิปไตยของตนได้เปิดการซ้อมรบใหญ่รอบเกาะไต้หวันเมื่อเดือน ส.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งรวมถึงการยิงขีปนาวุธข้ามกรุงไทเป ประกาศเขตห้ามบิน-เขตห้ามเดินเรือ เพื่อจำลองให้เห็นว่าจีนจะสามารถตัดขาดไต้หวันจากโลกภายนอกได้อย่างไรหากเกิดสงครามขึ้น
ในรายงานที่ส่งไปยังรัฐสภาเพื่อพิจารณาอนุมัติงบประมาณ กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุว่าได้เริ่มพิจารณาทบทวนปริมาณคลังเชื้อเพลิงทางยุทธศาสตร์ และศักยภาพในการซ่อมบำรุงตั้งแต่ปีที่แล้ว ทว่าไม่ลงรายละเอียดเพิ่มเติม
งบกลาโหมของไต้หวันในปีนี้ยังจะให้ความสำคัญกับการจัดซื้อระบบอาวุธที่ผลิตโดยสหรัฐฯ เช่น ขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานสติงเกอร์ (Stinger) และจรวดหลายลำกล้อง M142 HIMARS เป็นต้น
“ด้วยความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการปิดล้อมช่องแคบไต้หวันอย่างเต็มรูปแบบ งบประมาณรายจ่ายในปีนี้จึงจะครอบคลุมการจัดซื้อเครื่องกระสุน จรวด รวมถึงอะไหล่สำหรับฝูงบินขับไล่ F-16 เพื่อเสริมศักยภาพในการสู้รบอย่างต่อเนื่อง (combat continuity)” กระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุ
ในส่วนของการประเมินภัยคุกคามจากจีน ทางกระทรวงระบุว่า กองทัพจีนได้เริ่มเปิดปฏิบัติการฝึกร่วมระหว่างหน่วยต่างๆ เพื่อหาวิธีควบคุมจุดยุทธศาสตร์ และป้องกันไม่ให้กองกำลังต่างชาติเข้ามาในพื้นที่ได้
“เมื่อไม่นานมานี้ กองทัพจีนได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการฝึกยุทธวิธีจากการฝึกทหารเชิงเดี่ยวมาเป็นปฏิบัติการฝึกร่วมทั้งภาคพื้นดิน ทะเล อากาศ และกองกำลังจรวด... พวกเขาเริ่มนำแนวปฏิบัติในสงครามจริงมาใช้ และเปลี่ยนจากการฝึกไปสู่การเตรียมพร้อมเพื่อทำสงคราม”
สำนักงานกิจการไต้หวันของจีนยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับรายงานชิ้นนี้ ทว่าที่ผ่านมารัฐบาลจีนไม่เคยปฏิเสธทางเลือกใช้กำลังทหารเพื่อนำไต้หวันมาอยู่ภายใต้การปกครองของแผ่นดินใหญ่
ประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนระบุเมื่อวันจันทร์ (13) ว่า จีนจำเป็นต้องพัฒนาศักยภาพของกองทัพให้ทันสมัยและแข็งแกร่งดุจ “กำแพงเหล็ก” (Great Wall of Steel) และสำหรับประเด็นไต้หวันนั้น จีนจะยับยั้งกิจกรรมของกลุ่มเรียกร้องเอกราชและแบ่งแยกดินแดน รวมไปถึงการแทรกแซงของต่างชาติ
กระทรวงกลาโหมไต้หวันชี้ว่า กองบัญชาการยุทธบริเวณตะวันออก (Eastern Theatre Command) ของกองทัพจีนได้ส่งเครื่องบินมากกว่า 1,700 ลำรุกล้ำเข้าไปในเขตแสดงตนเพื่อการป้องกันภัยทางอากาศของไต้หวัน (ADIZ) เมื่อปีที่แล้ว หรือคิดเป็นจำนวนกว่า 2 เท่าของปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็น “ภัยคุกคามอย่างร้ายแรง” ต่อการป้องกันดินแดนไต้หวัน นอกจากนี้ จีนยังพยายามทำให้การประกาศเขตห้ามเดินเรือ (no-navigation zones) ในพื้นที่รอบๆ ทะเลปั๋วไห่ ทะเลเหลือง และช่องแคบไต้หวันกลายเป็น “เรื่องปกติ” ด้วย
ทางกระทรวงยังอ้างว่าจีนพยายามสยายอิทธิพลทางทหารเพื่อปิดล้อมและควบคุมช่องแคบบาชิ (Bashi Channel) ช่องแคบมิยาโกะ (Miyako Strait) และช่องแคบทสึชิมะ (Tsushima Strait) ซึ่งเป็น 3 เส้นทางเดินเรือหลักสำหรับไต้หวันที่จะออกสู่มหาสมุทรแปซิฟิกและทะเลจีนตะวันออก อีกทั้งยังพยายามใช้กลยุทธ์ “พื้นที่สีเทา” หยั่งเชิงไทเปว่าจะมีมาตรการตอบโต้อย่างไร เช่น การส่งบอลลูน โดรน และกองเรือประมงเข้ามาใกล้ๆ เกาะไต้หวัน เป็นต้น
ที่มา : รอยเตอร์