xs
xsm
sm
md
lg

ไบเดนกร้าวเคียฟไม่มีแพ้! หลังปูตินแถลงนโยบายจะบรรลุเป้าในยูเครน-ถอนตัวจากสนธิสัญญาคุมนิวเคลียร์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในวันอังคาร (21 ก.พ.) ยกย่องยูเครนยืนหยัดแข็งแกร่งนานนับปีหลังรัสเซียรุกราน และบอกว่ามอสโกจะไม่มีวันเป็นฝ่ายชนะ ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แถลงนโยบายประจำปี ในนั้นรวมถึงยกเลิกสนธิสัญญาควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ ตอบโต้ตะวันตกที่สนับสนุนเคียฟ หลังเคยเตือนใช้อาวุธนิวเคลียร์หากถูกคุกคาม

ความเห็นของไบเดน ซึ่งกล่าว ณ พระราชวังหลวงในกรุงวอร์ซอ ประเทศโปแลนด์ ตามหลังเดินทางเยือนยูเครนโดยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า เป็นการตอบโต้คำแถลงนโยบายของประธานาธิบดีปูติน ก่อนหน้านี้ไม่นาน ซึ่งเขาประกาศว่ามอสโกจะบรรลุเป้าหมายต่างๆ ในยูเครน และกล่าวหาตะวันตกกำลังวางแผนทำลายรัสเซีย

หลังกล่าวอ้างว่าสหรัฐฯ กำลังเปลี่ยนเป็นความขัดแย้งระดับโลก ปูตินบอกว่ารัสเซียกำลังระงับการมีส่วนร่วมในสนธิสัญญา New START ซึ่งเป็นสนธิสัญญาควบคุมอาวุธที่ทำกับอเมริกาฉบับหลักฉบับสุดท้ายที่เหลืออยู่

ปูติน ซึ่งเสี่ยงเดิมพันในการเผชิญหน้าระหว่างมอสโกกับตะวันตกครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตขีปนาวุธคิวบาในปี 1962 แถลงอีกว่าจะใช้ระบบยุทธศาสตร์ใหม่ในภารกิจสู้รบและขู่กลับมาทดสอบอาวุธนิวเคลียร์

ในวาระใกล้ครบรอบ 1 ปี รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีก่อน ไบเดน ประกาศจะเดินหน้าให้การสนับสนุนเคียฟไม่เปลี่ยนแปลง และสัญญาจะเสริมความเข้มแข็งแก่ปีกตะวันออกของนาโต้รับมือกับภัยคุกคามจากรัสเซีย ขณะเดียวกัน ก็ปฏิเสธคำกล่าวหาของมอสโกที่ว่าตะวันตกกำลังวางแผนโจมตีรัสเซีย

"เมื่อ 1 ปีก่อน โลกกำลังเผชิญกับการล่มสลายของเคียฟ" ไบเดนกล่าว "ผมสามารถรายงานได้ว่า เคียฟยืนหยัดอย่างแข็งแกร่ง เคียฟยืนหยัดด้วยความภาคภูมิ เคียฟยังคง ตั้งตระหง่าน และสิ่งสำคัญที่สุด เคียฟยังคงมีอิสระเสรี

ไบเดนกล่าวต่อว่า "เมื่อครั้งประธานาธิบดีปูติน สั่งให้รถถังของเขาเคลื่อนเข้าสู่ยูเครน เขาคงคิดว่าเราะถอยออกไป เขาคิดผิด ความกระหายของพวกเผด็จการไม่อาจประนีประนอมได้ พวกเขาต้องถูกต่อต้าน"

เขาไม่ได้พาดพิงสนธิสัญญา New START ที่เพิ่งถูกรัสเซียระงับไป แต่บอกว่าวอชิงตันกับพันธมิตรจะไม่หาทางควบคุมหรือทำลายรัสเซีย ผ่านความเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างพวกเขากับเคียฟ "ตะวันตกไม่ได้กำลังวางแผนโจมตีรัสเซีย อย่างที่ปูตินพูดในวันนี้ สงครามนี้ไม่เคยมีความจำเป็น มันเป็นเรื่องน่าเศร้า ประธานาธิบดีปูติน เป็นคนเลือกสงคราม"

แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เรียกการระงับสนธิสัญญา New START ของปูติน ว่าเป็นเรื่องเคราะห์ร้ายอย่างที่สุดและไร้ความรับผิดชอบ ส่วน เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก กล่าวว่ามันจะทำให้โลกเป็นสถานที่ที่อันตรายกว่าเดิม และเรียกร้องปูตินทบทวนใหม่

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียกล่าวในเวลาต่อมา ว่ามอสโกมีความตั้งใจเดินหน้าปฏิบัติตามข้อจำกัดต่างๆ ในสนธิสัญญาดังกล่าว ในแง่ของจำนวนหัวรบนิวเคลียร์ที่สามารถใช้ได้ ในขณะที่วอชิงตันเปิดทางให้มอสโกสำหรับความเป็นไปได้ในการกลับลำ โดย บลิงเคน ระบุว่าสหรัฐฯ จะจับตาดูว่าสิ่งที่มอสโกจะทำจริงๆ นั้นคืออะไร

สนธิสัญญา New START ที่บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น และ ดมทรี เมดเวเดฟ ประธานาธิบดีรัสเซีย ณ ขณะนั้น ลงนามในปี 2021 ได้จำกัดหัวรบนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ที่แต่ละประเทศสามารถใช้ได้

โดยสนธิสัญญาฉบับนี้ ซึ่งมีกำหนดหมดอายุในปี 2026 อนุญาตให้แต่ละประเทศทำการตรวจสอบอย่างเป็นรูปธรรมคลังแสงนิวเคลียร์ของอีกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดเกี่ยวกับวิกฤตยูเครนได้ทำให้การตรวจสอบหยุดชะงักลง

ปูติน กล่าวโดยไม่ได้อ้างอิงหลักฐานใดๆ ว่า บางคนในวอชิงตันกำลังพิจารณาละเมิดบันทึกความเข้าใจในด้านการทดสอบนิวเคลียร์ และถ้าเป็นเช่นนั้นมอสโกจะดำเนินการแบบเดียวกัน

ตลอดปีที่ผ่านมา ปูติน พูดเป็นนัยซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ารัสเซียอาจใช้อาวุธนิวเคลียร์หากถูกคุกคาม ผลจากคำพูดดังกล่าวคือเขาอาจถอนตัวจากโครงสร้างการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ จนกว่าตะวันตกจะถอยหลังกลับในยูเครน

"พวกเขามีความตั้งใจเปลี่ยนความขัดแย้งระดับท้องถิ่น สู่ขั้นหนึ่งของการเผชิญหน้าระดับโลก" เขากล่าว "นี่คือความจริงที่เราเข้าใจทั้งหมดดี และเราจะตอบโต้ เพราะในกรณีนี้เรากำลังพูดถึงการดำรงอยู่ของประเทศของเรา"

ปูตินกล่าวว่า ความขัดแย้งปะทุขึ้นสืบเนื่องจากการที่รัสเซียถูกบีบบังคับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากกรณีที่นาโต้แผ่ขยายอาณาเขตมาทางทิศตะวันออกมากขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่สงครามเย็น "ประชาชนชาวยูเครนกลายเป็นตัวประกันของรัฐบาลเคียฟและเจ้าเหนือหัวตะวันตกของพวกเขา ซึ่งเทียบเท่ากับการยึดครองประเทศแห่งนี้ ทั้งในด้านการเมือง การทหาร และเศรษฐกิจ"

เคียฟและพวกผู้นำตะวันตก ในนั้นรวมถึงไบเดน ปฏิเสธคำกล่าวหาดังกล่าว ว่าเป็นข้ออ้างที่ไม่มีมูลความจริง เพื่อที่รัสเซียจะเข้ายึดครองดินแดนของประเทศเพื่อนบ้านอดีตสหภาพโซเวียต ที่ ปูติน เคยบอกว่าเป็นรัฐเทียม

ระหว่างที่ ปูติน แถลงนโยบายประจำปี มีจรวดรัสเซียอย่างน้อย 1 ลูก พุ่งใส่ท้องถนนที่พลุกพล่านในเมืองเคียร์ซอน ทางภาคใต้ของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 6 ราย ในขณะที่กองทัพยูเครน และเจ้าหน้าที่เมืองเผยว่ามีคนอื่นๆ ได้รับบาดเจ็บอีก 12 คน

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่า เคียร์ซอนตกอยู่ภายใต้การโจมตีของเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง แม้รัสเซียออกมาเน้นย้ำว่าพวกเขาไม่ได้ทำสงครามกับประชาชนยูเครน ทั้งนี้รัสเซียยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อคำกล่าวหาล่าสุดนี้

(ที่มา : รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น