ทีมกู้ภัยดึงทารกอายุ 2 เดือน และคนชรารายหนึ่งออกจากซากปรักหักพังในวันเสาร์ (11 ก.พ.) 5 วันหลังเกิดแผ่นดินไหวที่ทำลายล้างตุรกีและซีเรีย คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบ 26,000 ราย
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งความกังวลด้านความปลอดภัยทำให้ปฏิบัติการบรรเทาทุกข์บางส่วนจำเป็นต้องหยุดชะงัก และมีผู้ถูกจับกุม 48 คน ฐานปล้นสะดมและพยายามฉ้อโกงเหยื่อ ผลพวงจากแผ่นดินไหวในตุรกี สื่อมวลชนแห่งรัฐรายงาน
ทีมกู้ภัยหลายพันคนยังคงสอดส่องตามย่านที่พักอาศัยที่พังราบเป็นหน้ากลอง แม้ต้องเผชิญกับสภาพอากาศหนาวเหน็บ ที่ก่อความทุกข์ยากเพิ่มเติมแก่ผู้ประสบภัยหลายล้านคน ซึ่งเวลานี้ต้องการความช่วยเหลือเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสภาพบ้านเมืองที่ได้รับความเสียหายย่อยยับและความสิ้นหวัง เรื่องราวแห่งปาฏิหารย์ยังคงปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"นี่คือโลกมนุษย์ใช่หรือเปล่า" เมเนคเซ ทาบัค หญิงชราวัย 70 ปีถาม ระหว่างที่เธอถูกดึงออกจากซากคอนกรีตในเมืองคาห์รามันมาราส ทางภาคใต้ของตุรกี ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวระดับ 7.8 เมื่อวันเสาร์ (11 ก.พ.)
ในเมืองอันตัคนา ทารกอายุ 2 เดือน ถูกพบในสภาพที่ยังมีชีวิตรอด แม้แผ่นดินไหวผ่านพ้นมานานถึง 128 ชั่วโมง ตามรายงานของอนาโดลู สื่อมวลชนแห่งรัฐ นอกจากนี้ เด็กหญิงอายุ 2 ปี หญิงตั้งท้องอายุครรภ์ 6 เดือน รวมถึงเด็ก 4 ขวบ และพ่อของเธอยังเป็นหนึ่งในบรรดาที่หน่วยกู้ภัยสามารถช่วยเหลือออกมาได้ 5 วันหลังเกิดแผ่นดินไหว
เรื่องราวแห่งปาปาฏิหาริย์มาพร้อมกับความปวดร้าว สหประชาชาติเตือนว่ามีประชาชนอย่างน้อย 870,000 รายทั่วตุรกีและซีเรีย ต้องการอาหารปรุงสุกอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะที่ซีเรีย ซึ่งคาดหมายว่าจะมีประชาชนที่ต้องกลายเป็นคนเร่ร่อนจากแผ่นดินไหวครั้งนี้สูงสุดถึง 5.3 ล้านคน
องค์การอนามัยโลกคาดหมายว่ามีประชาชนเกือบ 26 ล้านคนที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว พร้อมกับส่งเสียงในวันเสาร์ (11 ก.พ.) ร้องขอเงินบริจาคเร่งด่วน 42.8 ล้านดอลลาร์ เพื่อรับมือกับความจำเป็นเร่งด่วนต่างๆ ด้านสาธารณสุข ท่ามกลางคำเตือนว่ามีโรงพยาบาลหลายสิบแห่งได้รับความเสียหาย
สำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติของตุรกี กล่าวว่า มีผู้คนมากกว่า 32,000 รายจากหน่วยงานต่างๆ ของตุรกี กำลังเข้าช่วยปฏิบัติการค้นหาและกู้ภัย เช่นเดียวกับทีมช่วยเหลือจากนานาประเทศอีก 8,294 ราย
แม้ประเทศต้องประสบภัยร้ายแรงจากแผ่นดินไหว แต่ยังมีรายงานการปะทะกันของกลุ่มหัวรุนแรงท้องถิ่น และทางสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติเรียกร้องในวันศุกร์ (10 กพ.) ให้ตัวละครในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ดินแดนที่พวกนักรบเคิร์ดและกบฏซีเรียปฏิบัติการอยู่ เปิดทางการเข้าถึงความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
ทหารจากออสเตรียและทีมกู้ภัยของเยอรมนี จำเป็นต้องระงับปฏิบัติการค้นหาในเมืองฮาเตย์ เป็นเวลาหลายชั่วโมงในวันเสาร์ (11 ก.พ.) ในขณะที่เมืองแห่งนี้ต้องเผชิญกับสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่ยุ่งยาก ท่ามกลางการปะทะกันระหว่างกลุ่มนักรบท้องถิ่น
พรรคแรงงานชาวเคิร์ด กลุ่มนอกกฎหมายที่อังการาและพันธมิตรตะวันตกของพวกเขา ขึ้นบัญชีดำในฐานะกลุ่มก่อการร้าย แถลงระงับสู้รบชั่วคราว เพื่อคลายความกังวลแก่ภารกิจกู้ภัย
นอกจากนี้ จุดผ่านแดนแห่งหนึ่งระหว่างอาร์เมเนียกับตุรกี กลับมาเปิดอีกครั้งเป็นหนแรกในรอบ 35 ปีในวันเสาร์ (11 ก.พ.) เพื่อเปิดทางให้รถบรรทุกซึ่งบรรทุกอาหารและน้ำ มุ่งหน้าสู่ภูมิภาคต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว
ในซีเรีย ดินแดนที่ความขัดแย้งซึ่งลากยาวมานานหลายปี ฉีกระบบสาธารณสุขของประเทศเป็นชิ้นๆ และหลายพื้นที่ของประเทศยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของกบฏ ความช่วยเหลือเดินทางไปถึงอย่างช้าๆ
ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการอนามัยโลก นำเครื่องบินบรรทุกอุปกรณ์ทางการแพทย์ฉุกเฉินเต็มลำ ลงพื้นที่ประสบภัยเมืองอะเลปโป ในวันเสาร์ (11 ก.พ.) โดย ทีโดรส เดินทางตรวจสอบความเสียหายของเมือง และทวีตข้อความว่า "ใจผมแทบสลาย เมื่อได้เห็นสภาพแวดล้อมที่ผู้รอดชีวิตต้องเผชิญ สภาพอากาศหนาวเหน็บและการเข้าถึงที่พักพิง อาหาร น้ำ ความอบอุ่นและการดูแลรักษาทางการแพทย์เป็นไปอย่างจำกัดขั้นรุนแรง"
ดามัสดัส เผยว่าได้อนุมัติให้การส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเข้าถึงพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวในจังหวัดอิดลิบ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของพวกเขา และคาดหมายว่าขบวนความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมหนึ่งจะออกเดินทางในวันอาทิตย์ (12 ก.พ.) แต่ต่อมาการส่งมอบความช่วยเหลือดังกล่าวถูกเลื่อนออกไป โดยปราศจากคำอธิบายใดๆ
ในเมืองหลวงของซีเรีย กระทรวงคมนาคมเผยว่ามีเครื่องบินบรรเทาทุกข์ 50 ลำ ลงจอดในประเทศในสัปดาห์นี้
อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ เรียกร้องคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ อนุมัติเปิดจุดช่วยเหลือข้ามชายแดนจุดใหม่ระหว่างตุรกีและซีเรีย ซึ่งในเรื่องนี้ทางคณะมนตรีฯ จะพบปะหารือกัน เป็นไปได้ว่าจะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า
ที่ตุรกี 5 วันแห่งความเศร้าโศกและปวดร้าว เริ่มโหมกระพืออย่างช้าๆ กลายเป็นความโกรธแค้นต่อคุณภาพที่ย่ำแย่ของอาคารทั้งหลาย เช่นเดียวกับแนวทางตอบสนองของรัฐบาลต่อภัยพิบัติครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบเกือบ 1 ศตวรรษของประเทศ
เจ้าหน้าที่เผยว่า มีอาคารที่ถูกทำลายโดยสิ้นเชิงหรือได้รับความเสียหายร้ายแรงในแผ่นดินไหวถึง 12,141 หลัง ขณะที่ตำรวจตุรกีเผยในวันเสาร์ (11 ก.พ.) ได้มีการจับกุมผู้ต้องสงสัย 12 ราย ในนั้นรวมถึงผู้รับเหมาก่อสร้าง ในความเกี่ยวข้องกับอาคารทั้งหลายที่พังถล่มในจังหวัดกาเซียนเท็ป และชานลิอูร์ฟา ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ
เจ้าหน้าที่และทีมแพทย์เปิดเผยว่าจนถึงตอนนี้พบผู้เสียชีวิตในตุรกีแล้ว 22,327 ราย และ 3,574 รายในซีเรีย ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันอยู่ที่ 25,901 คน
(ที่มา : เอเอฟพี)