“เซเลนสกี้” เยือน “ลอนดอน”อ้อนขออาวุธเพิ่ม ท่ามกลางการกระพือข่าวของเคียฟที่ว่าเครมลินเตรียมส่งทหารไปเพิ่มในยูเครนสำหรับเปิดฉากโจมตีระลอกใหม่ โดยมุ่งไปที่แคว้นคาร์คีฟ หรือไม่ก็ซาโปริซเซีย ขณะที่ในอีกด้านหนึ่งมอสโกฉะใส่ตะวันตกพยายามทำให้การสู้รบขัดแย้งยืดเยื้อมากที่สุดด้วยการเริ่มจัดส่งอาวุธหนัก และเร่งเร้าอย่างเปิดเผยให้เคียฟเข้าชิงคืนดินแดนซึ่งรัสเซียประกาศผนวก ซึ่งเท่ากับลาก “นาโต” เข้าสู่ความขัดแย้ง และอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้
วันอังคาร (7) โอเล็กซี ดานิลอฟ ผู้อำนวยการด้านความมั่นคงแห่งชาติของยูเครน ให้สัมภาษณ์ คาดหมายว่า เครมลินมีแผนเปิดการโจมตีระลอกใหม่ ถ้าไม่ใช่ที่แคว้นคาร์คีฟ ซึ่งอยู่ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ก็เป็นแคว้นซาโปริซเซีย ทางภาคใต้ แต่จะสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการรับมือของเคียฟ
ค่ำวันเดียวกันนั้น กองทัพยูเครนแถลงว่า เมืองและหมู่บ้านกว่า 30 แห่งในคาร์คีฟ และ 20 ชุมชนในซาโปริซเซียถูกถล่ม
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน ซึ่งรวมถึงประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ ก็ได้ออกข่าวก่อนหน้านี้ว่า มอสโกจะพยายามเปิดฉากโจมตีครั้งใหญ่ รวมทั้งจะสั่งเกณฑ์ทหารมาเพิ่มในอีกไม่กี่สัปดาห์นี้ เพื่อโชว์ผลงานต่อชาวรัสเซียเนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีการบุกยูเครนในวันที่ 24 เดือนนี้
หลังจากไม่สามารถยึดกรุงเคียฟได้ตั้งแต่ตอนเริ่มต้นบุกเมื่อปีที่แล้ว แถมสูญเสียพื้นที่ยึดครองจำนวนมากในช่วงครึ่งหลังของปี 2022 มอสโกได้จัดการเกณฑ์ทหารใหม่หลายแสนคนเมื่อช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา ถือเป็นการระดมกำลังครั้งแรกของแดนหมีขาวในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และเวลานี้มีรายงานว่ารัสเซียได้จัดส่งกำลังพลใหม่ๆ เหล่านี้เข้าสู่สมรภูมิ โดยที่พวกผู้นำยูเครนก็กระพือข่าวว่ามอสโกยังจะระดมพลเพิ่มขึ้นอีก
ช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้รัสเซียอวดและฝ่ายยูเครนก็อ้อมแอ้มยอมรับว่า กองกำลังแดนหมีขาวสามารถเข้ายึดดินแดนเพิ่มครั้งแรกในรอบ 6 เดือน ท่ามกลางการสู้รบที่ดุเดือดและมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ถึงแม้การสู้รบในฤดูหนาวที่ผ่านมามอสโกยังไม่สามารถเข้ายึดตัวเมืองขนาดใหญ่ๆ
ช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาการสู้รบโฟกัสอยู่บริเวณรอบเมืองบัคมุต ซึ่งตั้งอยู่ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของยูเครน และยูเครนส่งกำลังจำนวนมากมายไปเฝ้ารักษา ทั้งนี้รัสเซียแสดงท่าทีชัดเจนว่า ต้องการโอบล้อมเมืองนี้จากทั้งทางเหนือและใต้ ขณะเคียฟอ้างว่า ทหารของตนยังรักษาเมืองไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
นอกจากนี้มอสโกยังโจมตีเมืองวูเลดาร์ ที่อยู่ถัดไปทางใต้ ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ระหว่างแนวรบด้านตะวันออกและด้านใต้
ในวันอังคาร กองทัพยูเครนอ้างว่า มีทหารรัสเซียเสียชีวิต 1,030 นายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พร้อมกับบอกว่าเป็นสถิติการสูญเสียมากที่สุดในรอบหนึ่งวันในสงครามยูเครน โดยก่อนหน้านี้รัสเซียระบุว่า ยูเครนสูญเสียทหาร 6,500 นายในเดือนมกราคม ทั้งนี้ ตัวเลขการสูญเสียของอีกฝ่ายหนึ่งที่เคียฟและมอสโกรายงานนี้ ถูกผู้สังเกตการณ์มองว่าไม่น่าเชื่อถือ
ขณะเดียวกัน ชาติตะวันตกให้สัญญาว่า จะจัดส่งรถถังและยานยนต์หุ้มเกราะหลายร้อยคันเพื่อให้ยูเครนฝ่าแนวต้านของรัสเซียและชิงดินแดนคืน
สำหรับแพคเกจความช่วยเหลือใหม่ของอเมริกานั้นคาดว่า จะรวมถึงพวกลูกจรวดที่มีพิสัยทำการไกลขึ้น ที่สามารถโจมตีเส้นทางลำเลียงอาวุธและเสบียงของรัสเซียในดินแดนทั้งหมดที่มอสโกยึดครองทั้งในแผ่นดินใหญ่ยูเครนและคาบสมุทรไครเมีย
นอกจากนั้น เซเลนสกี้ยังเดินทางไปกรุงลอนดอนในวันพุธ (8) เพื่อขออาวุธเพิ่ม ซึ่งถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งที่ 2 นับจากรัสเซียบุกยูเครน โดยครั้งแรกคือการเยือนอเมริกาในเดือนธันวาคม
อย่างไรก็ดี ยูเครนยังต้องรออีกหลายเดือนกว่าที่จะได้รับอาวุธใหม่ ขณะที่รัสเซียส่งกำลังทหารเข้าไปเพิ่มมากขึ้นๆ และเครมลินระบุว่า การที่ตะวันตกส่งอาวุธให้ยูเครนรังแต่ทำให้ความขัดแย้งขยายวงออกไป
เซียร์เก ชอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย กล่าวเมื่อวันอังคารว่า อเมริกาและพันธมิตรกำลังพยายามทำให้การสู้รบขัดแย้งในยูเครนยืดเยื้อมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ด้วยการเริ่มจัดส่งอาวุธหนักและเร่งเร้าอย่างเปิดเผยให้ยูเครนเข้ายึดดินแดนซึ่งรัสเซียประกาศผนวกเป็นของตน ดังนั้นในความเป็นจริงแล้วเป็นการลากองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) เข้าสู่ความขัดแย้งและอาจนำไปสู่สถานการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้
ขณะเดียวกัน เมื่อวันอังคารเซเลนสกี้ได้ขอบคุณรัฐสภาที่อนุมัติการแต่งตั้งวาซิล มัลยัค ในตำแหน่งผู้อำนวยการหน่วยงานความมั่นคงเอสบียู และอิฮอร์ คลีเมนโก ตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทย พร้อมเรียกร้องให้ยุติข่าวลือหรือข้อมูลปลอมอื่นใดที่อาจบ่อนทำลายเอกภาพของยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย
แม้ไม่ได้อ้างอิงเรื่องใดโดยตรง แต่การกล่าวถึงข่าวลือระหว่างปราศรัยต่อรัฐสภาคราวนี้ของเซเลนสกี้ ดูเหมือนเป็นการจงใจสยบการคาดเดาว่า โอเล็กซิล เรซนิคอฟ จะถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม รวมทั้งย้ำว่า มีเพียงประธานาธิบดีเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจและประกาศเรื่องดังกล่าวได้
ทั้งนี้ ข่าวลือเกี่ยวกับเรซนิคอฟ มีขึ้นหลังจากเดวิด อารัคฮาเมีย สมาชิกรัฐสภาอาวุโสและพันธมิตรของเซเลนสกี้ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (5) ว่า เรซนิคอฟจะถูกปลดหลังข่าวฉาวการทุจริตในกระทรวงกลาโหม ทว่า วันต่อมาเขากลับบอกว่า จะไม่มีการโยกย้ายในสัปดาห์นี้ หลังจากเซเลนสกี้ปิดปากเงียบเกี่ยวกับอนาคตของเรซนิคอฟ และที่ปรึกษาคนอื่นๆ ของเซเลนสกี้ ออกมาปกป้องผลงานของเรซนิคอฟอย่างเปิดเผย
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี)