กระทรวงกลาโหมยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียกำลังเตรียมการสำหรับปฏิบัติการจู่โจมครั้งใหญ่รอบใหม่ และเตือนว่ามันอาจเริ่มขึ้นอย่างเร็วที่สุดในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ หรือวาระครบรอบ 1 ปี แห่งของความขัดแย้ง ตามรายงานข่าวของสำนักข่าวบีบีซีในวันพุธ (1 ก.พ.)
โอเล็กซี เรซนิคอฟ ระบุว่า มอสโกได้ระดมกำลังทหาร 500,000 นาย สำหรับการจู่โจม และอาจพยายามทำอะไรบางอย่าง ในวาระครบรอบ 1 ปีของการยกทัพรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ปีที่แล้ว นอกจากนี้ การโจมตีอาจเกิดขึ้นในวาระวันพิทักษ์ปิตุภูมิของรัสเซียในวันที่ 23 กุมภาพันธ์เช่นกัน เนื่องจากมันเป็นวันเฉลิมฉลองของกองทัพ
ในเดือนกันยายนปีก่อน ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย แถลงระดมทหารกองหนุนราว 300,000 นาย ซึ่งเขาบอกว่ามีความจำเป็นเพื่อค้ำยันบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศ แต่ทาง เรซนิคอฟ บ่งชี้ว่าตัวเลขการเกณฑ์ทหารและจำนวนที่ถูกส่งเข้าประจำการในยูเครนที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านั้นมาก
"อย่างเป็นทางการ พวกเขาแถลงว่า 300,000 นาย แต่ตอนที่เราเห็นทหารตามแนวชายแดนต่างๆ จากการประเมินของเรามันมากกว่านั้นมาก" เขาให้สัมภาษณ์กับเครือข่ายสถานีโทรทัศน์ BFM ของฝรั่งเศส อย่างไรก็ตามสำนักข่าวบีบีซีไม่ยืนยันความถูกต้องของตัวเลขนี้
แม้ยังคงมีการสู้รบหนักหน่วงอยู่บ้างในภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออกของยูเครน แต่ดูเหมือนสงครามเข้าสู่ภาวะทางตันในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่ยูเครนสามารถทวงคืนแคว้นเคียร์ซอน ทางภาคใต้ของประเทศได้สำเร็จ
ทั้งสองฝ่ายไม่มีความคืบหน้าสำคัญๆ ในการรุกคืบควบคุมดินแดน ยกเว้นแต่เมืองโซเลดาร์ ที่ถูกฝ่ายรัสเซียเข้ายึดเมื่อเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม เรซนิคอฟ เผยว่าบรรดาผู้บัญชาการทางทหารของยูเครน จะหาทางตรึงสถานการณ์ในแนวหน้าและเตรียมการสำหรับโจมตีตอบโต้ ตัดหน้าความเคลื่อนไหวของรัสเซีย ที่มีข่าวลือว่ากำลังเตรียมการจู่โจมครั้งใหญ่
"ผมเชื่อมั่นว่าปี 2023 สามารถเป็นปีแห่งชัยชนะทางทหาร" เขากล่าว พร้อมระบุกองกำลังยูเครน "ไม่อาจปล่อยให้ความสำเร็จในเบื้องต้น ที่ประสบความสำเร็จในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาหลุดลอยไป"
เรซนิคอฟ ให้สัมภาษณ์ระหว่างอยู่ในฝรั่งเศส เพื่อเจรจาข้อตกลงสำหรับจัดซื้อเรดาร์ป้องกันภัยทางอากาศ MG-200 เพิ่มเติม ซึ่งเขาบอกว่ามันจะช่วยเพิ่มศักยภาพของกองทัพอากาศ ในการตรวจจับเป้าหมายทางอากาศ ในนั้นรวมถึงเครื่องบิน ขีปนาวุธ และโดรนรุ่นต่างๆ
ความเห็นของ เรซนิคอฟ มีขึ้นในขณะที่หน่วยข่าวกรองยูเครน กล่าวอ้างว่าประธานาธิบดีปูติน มีคำสั่งให้กองกำลังของเขายึดแคว้นดอนบาสให้ได้ก่อนสิ้นสุดฤดูใบไม้ผลิ
อย่างไรก็ตาม เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ เตือนในวันจันทร์ (30 ม.ค.) ว่าไม่พบสิ่งบ่งชี้ว่า ปูติน จำกัดเป้าหมายทางทหารไว้เพียงแค่การยึดแคว้นต่างๆ ทางภาคตะวันออกของยูเครน
"พวกเขากระตือรือร้นจัดซื้ออาวุธและกระสุนใหม่ๆ ยกระดับกำลังผลิตของตนเอง แต่ก็ซื้ออาวุธเพิ่มเติมจากรัฐเผด็จการอื่นๆ เช่นกัน อย่างเช่นจากอิหร่านและเกาหลีเหนือ" สโตลเทนเบิร์กกล่าว "เหนือสิ่งอื่นใด เราไม่พบเห็นสัญญาณประธานาธิบดีปูติน เปลี่ยนเป้าหมายการรุกราน นั่นคือการเข้าควบคุมประเทศเพื่อนบ้าน ควบคุมยูเครน ดังนั้นตราบใดที่เป็นกรณีนี้เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมในระยะยาว"
ขณะเดียวกัน ฮันนา มาลยาร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมยูเครน เปิดเผยว่ายังคงมีการต่อสู้หนักหน่วงในภูมิภาคดอนบาส ดินแดนที่กองกำลังรัสเซียและกลุ่มนักรบอาสาสมัครวากเนอร์ พยายามเข้ายึดเมืองบัคมุต
เธอบอกต่อว่าทหารรัสเซียพยายามยึดลีมันเช่นกัน ในขณะที่เมืองแห่งนี้เคยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของกองกำลังรัสเซีย แต่ถูกทหารยูเครนทวงคืนมาได้ในเดือนตุลาคม
(ที่มา : บีบีซี)