สหรัฐฯ ในวันพุธ (25 ม.ค.) แถลงยืนยันอย่างเป็นทางการจะมอบรถถังล้ำสมัย เอ็ม1 เอบรามส์ จำนวน 31 คัน มูลค่า 400 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 13,000 ล้านบาท) แก่ยูเครนในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัสเซียดูจะไม่สะทกสะท้าน ระบุอเมริกาจะเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์และยุทโธปกรณ์เหล่านี้จะมอดไหม้เหมือนรถถังอื่นๆ ในยูเครน
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แถลงการตัดสินใจดังกล่าวที่ทำเนียบขาว ระบุว่ารถถังนี้มีความจำเป็นสำหรับช่วยยูเครน "เพิ่มศักยภาพในด้านหลบหลีกในภูมิประเทศแบบเปิดโล่ง"
ไบเดน ยังได้กล่าวขอบคุณเยอรมนี ที่ตัดสินใจจัดหารถถังลีโอพาร์ด 2 แก่ยูเครน และยุทโธปกรณ์ภาคสนามอื่นๆ นอกเหนือจากที่พันธมิตรนาโต้ และบรรดาชาติยุโรปอื่นๆ มอบให้ "ความคาดหมายของฝ่ายรัสเซียคือ เรากำลังแตกกัน" ประธานาธิบดีไบเดนพูดถึงสหรัฐฯ และพันธมิตรยุโรป "แต่เราเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างสมบูรณ์และโดยสิ้นเชิง"
สหรัฐฯ นิ่งเฉยต่อแนวคิดประจำการรถถังเอบรามส์ที่ยากต่อการซ่อมบำรุง แต่สุดท้ายแล้วก็เปลี่ยนใจ เพื่อโน้มน้าวให้เยอรมนีส่งมอบรถถังลีโอพาร์ดของพวกเขา ซึ่งใช้งานได้ง่ายกว่าให้แก่ยูเครน
การตัดสินใจของวอชิงตัน และเบอร์ลินมีขึ้นในขณะที่บรรดาพันธมิตรกำลังช่วยเหลือยูเครน เตรียมพร้อมในความเป็นไปได้ที่จะเปิดปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ในความพยายามขับไล่รัสเซียออกจากดินแดนยึดครอง "รถถังเหล่านี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามเชิงรุกต่อรัสเซีย" ไบเดน กล่าว
อย่างไรก็ตาม ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน บอกว่าการส่งมอบรถถังเอบรามส์จะเป็นการเสียเงินเปล่า เนื่องจากมันจะถูกเปลวไฟมอดไหม้เหมือนกับรถถังอื่นๆ ในยูเครน
"ผมแน่ใจว่าผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากตระหนักถึงแนวคิดที่ไร้สาระนี้" เปสคอฟกล่าวถึงรถถังเอบรามส์ "แผนนี้คือหายนะในแง่ของเทคโนโลยี แต่เหนือสิ่งอื่นใดมันถูกประเมินสูงเกินจริงเกี่ยวกับศักยภาพที่มันจะมอบแก่กองทัพยูเครน รถถังเหล่านี้จะถูกเผาไหม้เหมือนกับรถถังอื่นๆ ทั้งหมด"
อันดรีย์ เยอร์มัค หัวหน้าคณะทำงานของประธานาธิบดียูเครน ยกย่องคำแถลงมอบรถถังว่าเป็น "วันประวัติศาสตร์ที่จะช่วยตัดสินผลลัพธ์ของสงคราม"
ไบเดน ตอบคำถามผู้สื่อข่าวรายหนึ่ง ยืนยันว่าการตัดสินใจของสหรัฐฯ ไม่ได้เป็นการตอบสนองแรงกดดันจากเยอรมนี "เยอรมนีไม่ได้บีบให้ผมเปลี่ยนใจ เราต้องการทำให้แน่ใจว่า เราทั้งหมดร่วมมือกัน"
กระนั้นก็ตาม รถถังเอบรามส์ หนึ่งในรถถังทรวงแสนยานุภาพที่สุดของสหรัฐฯ จะไม่มุ่งหน้าสู่ยูเครนเร็ววันนี้
เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งในรัฐบาลสหรัฐฯ เผยว่าจะใช้เวลาหลายเดือน ไม่ใช่สัปดาห์ สำหรับการส่งมอบรถถังเอบรามส์ พร้อมให้คำจำกัดความความเคลื่อนไหวครั้งนี้ว่าเป็นการมอบศักยภาพด้านการป้องกันตนเองในระยะยาวแก่ยูเครน
ยังไม่มีข้อสรุปว่าจะใช้สถานที่ใดดำเนินการฝึกทหารยูเครนใช้รถถังเอบรามส์ ด้วยเอบรามส์เป็นอาวุธล้ำสมัยและมีราคาแพง มันจึงมีความยุ่งยากในการบำรุงรักษา นอกจากนี้ มันยังขับเคลื่อนด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบิน ดังนั้น จึงมีปัญหาท้าทายด้านจัดหาทรัพยากร
นอกจากนี้.ต้นทุนโดยรวมต่อคันของรถถังเอบรามส์นั้นมีราคาค่อนข้างสูง โดยอาจแตะระดับ 10 ล้านดอลลาร์ต่อคัน (ราว 328 ล้านบาท) ในนั้นรวมถึงการฝึกฝนและการบำรุงรักษา
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลเผยว่า ไบเดนพูดคุยกับ โอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ในหลายวาระในเดือนนี้เกี่ยวกับการมอบความช่วยเหลือแก่ยูเครน และเขาได้หารือกับ โชลซ์ อีกครั้งในวันพุธ (25 ม.ค.) เช่นเดียวกับ ริซี ซูแน็ก นายกรัฐมตรีอังกฤษ และเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ซึ่งต่างเป็นพันธมิตรใกล้ชิดในการมอบความช่วยเหลือแก่เคียฟ
"คำแถลงในวันนี้เป็นผลลัพธ์ของการสนทนาทางการทูตที่ดี ส่วนหนึ่งของการปรึกษาหารือกันอย่างใกล้ชิดกันเป็นประจำ ระหว่างเรากับพันธมิตรและคู่หู ในด้านการมอบความช่วยเหลือด้านความมั่นคงแก่ยูเครน" เจ้าหน้าที่รายหนึ่งกล่าว พร้อมคาดหมายว่าอาจมีคำแถลงเพิ่มเติมจากพันธมิตรต่างๆ ของสหรัฐฯ ในการมอบแสนยานุภาพด้านยานเกราะเพิ่มเติมแก่เคียฟ
แหล่งข่าวเปิดเผยกับรอยเตอร์เมื่อวันอังคาร (24 ม.ค.) ว่าการตัดสินใจของสหรัฐฯ เกี่ยวกับรถถังเอบรามส์ เป็นส่วนหนึ่งในการพูดคุยกับเยอรมนี ต่อกรณีที่เบอร์ลินลังเลจัดหารถถังให้เคียฟ และเพื่อเป็นพิสูจน์ว่าคำสัญญาของอเมริกานั้นมีความสำคัญ
สหรัฐฯ จะมอบรถถังผ่านกองทุนหนึ่งที่เรียกว่า ข้อริเริ่มความช่วยเหลือด้านความมั่นคงยูเครน (Ukraine Security Assistance Initiative - USAI) ซึ่งเปิดทางให้รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน รับมอบอาวุธจากภาคอุตสาหกรรม แทนที่จะดึงอาวุธออกจากคลังแสงที่มีอยู่ในปัจจุบันของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม การจัดซื้ออาวุธเหล่านี้เป็นกระบวนการที่ล่าช้ากว่า
(ที่มา : รอยเตอร์)