เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ทำการซ้อมรบร่วมทางอากาศ ซึ่งมีเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาลำหนึ่ง และฝูงบินขับไล่ล่องหนเข้าร่วมด้วย ในความเคลื่อนไหวตอบโต้ภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮับในวันพฤหัสบดี (2 ก.พ.) กระตุ้นให้เปียงยางออกมาตอบโต้ว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังผลักคาบสมุุทรเกาหลีเข้าสู่สถานการณ์ที่ล่อแหลม
เครื่องบินรบได้บินเหนือทะเลเหลืองในวันพุธ (1 ก.พ.) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างจีนและคาบสมุทรเกาหลี ในการซ้อมรบร่วมทางอากาศครั้งแรกระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐฯ ในปีนี้ จากการเปิดเผยของกองทัพเกาหลีใต้
การสำแดงแสนยานุภาพทางทหารมีขึ้น 1 วัน หลังจาก ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ และรัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ ส่งเสียงเตือนว่าจะมีการซ้อมรบลักษณะนี้เพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับการยกระดับความร่วมมือด้านความมั่นคงมากยิ่งขึ้นระหว่าง 2 ชาติพันธมิตร ในขณะที่พวกเขาต้องหาทางรับมือกับสิ่งที่เรียกว่า ภัยคุกคามจากขีปนาวุธและนิวเคลียร์ที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ จากเกาหลีเหนือ
สำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า การซ้อมรบล่าสุดเกี่ยวข้องกับเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-1B ลำหนึ่ง และฝูงบินขับไล่ F-22 กับ F-35B จากกองทัพสหรัฐฯ รวมไปถึงฝูงบินขับไล่ F-35A ของกองทัพเกาหลีใต้
"การซ้อมรบทางอากาศครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของสหรัฐฯ และศักยภาพในการมอบการป้องปรามที่เข้มแข็ง น่าเชื่อถือและครอบคลุมต่อภัยคุกคามทางนิวเคลียร์และขีปนาวุธจากเกาหลีเหนือ" สำนักข่าวยอนฮับรายงานโดยอ้างกระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้ระบุสื่อมวลชนเกาหลีใต้แห่งนี้รายงานต่อว่าการป้องปรามอย่างครอบคลุม เป็นการบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นของสหรัฐฯ ในการใช้ทรัพย์สินทางทหารเต็มพิกัด ในนั้นรวมถึงอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อปกป้องเกาหลีใต้
โซลกระตือรือร้นในความพยายามโน้มน้าวใจประชาชนที่มีความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ ให้เชื่อมั่นคำสัญญาที่เข้มแข็งของสหรัฐฯ ในด้านการป้องกันประเทศ หลังจากขวบปีที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ประกาศตนเองในฐานะมหาอำนาจนิวเคลียร์ที่ไม่อาจหันหลังกลับได้ และทำการทดสอบอาวุธต้องห้ามแทบทุกเดือน
ออสติน และรัฐมนตรีกลาโหมเกาหลีใต้ เห็นพ้อง "ขยายขอบเขตและยกระดับ" การซ้อมรบร่วมทางทหาร หลังจากถูกเปียงยางยั่วยุอย่างไม่ลดละ ในนั้นรวมถึงเหตุการณ์ส่งโดรนล่วงล้ำดินแดนเมื่อเร็วๆ นี้ จากถ้อยแถลงร่วมของรัฐมนตรีทั้ง 2 ที่เผยแพร่ในวันพุธ (1 ก.พ.)
ความตึงเครียดทางทหารในคาบสมุทรเกาหลีโหมกระพือหนักหน่วงขึ้นอย่างมากในปี 2022 ในขณะที่เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบอาวุธมากสุดเป็นประวัติการณ์ ในนั้นรวมถึงการยิงทดสอบขีนาวุธข้ามทวีปล้ำสมัยที่สุดของพวกเขา
แน่นอนว่าการซ้อมรบร่วมใดๆ ระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ จะก่อความโกรธเกรี้ยวแก่เปียงยาง ซึ่งมองการซ้อมรบดังกล่าวว่าเป็นการฝึกซ้อมเพื่อการรุกรานและบ่อยครั้งมักตอบโต้ด้วยการข่มขู่ต่างๆ เช่นเดียวกับจัดการซ้อมรบของตนเอง
ในกรณีล่าสุดก็เช่นกัน กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือ เผยแพร่ถ้อยแถลงในวันพฤหัสบดี (2 ก.พ.) ระบุการซ้อมรบร่วมระหว่างสหรัฐฯ และพันธมิตรกำลังผลักสถานการณ์เข้าสู่ภาวะล่อแหลมสุดขั้ว และเสี่ยงเปลี่ยนคาบสมุรแห่งนี้เข้าสู่คลังแสงสงครามขนาดใหญ่และเขตสงครามที่วิกฤตกว่าเดิม
ถ้อยแถลงที่เผยแพร่โดยสำนักข่าวกลางเกาหลีเหนือ (เคซีเอ็นเอ) ระบุว่าเปียงยางจะไม่สนใจการเจรจา ตราบใดที่วอชิงตันยังคงเดินหน้านโยบายที่เป็นปรปักษ์ "สถานการณ์ทางทหารและการเมืองในคาบสมุทรเกาหลีและในภูมิภาคมาถึงจุดล่อแหลมสุดขั้ว สืบเนื่องจากการซ้อมรบแบบเผชิญหน้าทางทหารที่ขาดความยั้งคิดและพฤติกรรมที่เป็นปรปักษ์ของสหรัฐฯ และกองกำลังบริวารของพวกเขา"
(ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์)