โดนกดดัน! ที่ปรึกษา ปธน.ยูเครนขอลาออก หลังชี้เหตุขีปนาวุธรัสเซียพุ่งใส่ตึกที่พักดนิโปรเป็นฝีมือเคียฟ

โอเล็กซีย์ อาเรสโตวิช ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ขอลาออกจากตำแหน่ง หลังบ่งชี้ว่าขีปนาวุธของรัสเซียที่พุ่งโดนอาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในเมืองดมิโปร คร่าชีวิตผู้คนอย่างน้อย 45 ราย เป็นผลจากการถูกสอยร่วงโดยเคียฟ

ความคิดเห็นของ อาเรสโตวิช ก่อความขุ่นเคืองในวงกว้างในยูเครน และถูกเจ้าหน้าที่รัสเซียใช้เป็นข้ออ้างในการกล่าวโทษยูเครน กระตุ้นให้เขาต้องรุดออกมาขอโทษ และบอกว่าตนเองทำผิดพลาดครั้งใหญ่

ที่ปรึกษารายนี้คือบุคคลซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เพราะเขาอัปเดตทุกๆ วันบนยูทูบ และมีผู้เข้าชมหลายล้านคน

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการตัดสินใจของ อาเรสโตวิช

ไม่กี่ชั่วโมงหลังเกิดเหตุการณ์ขีปนาวุธพุ่งโดนอพาร์ตเมนต์หลังหนึ่งในเมืองดนิโปร ของยูเครน เมื่อวันเสาร์ (14 ม.ค.) ทาง อาเรสโตวิช ระบุในเบื้องต้นว่า ดูเหมือนขีปนาวุธรัสเซียได้ตกใส่อาคารแห่งนี้ หลังจากถูกสอยร่วงโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน

ยูเครนระบุว่า อาคารถูกขีปนาวุธ Kh-22 ของรัสเซียพุ่งใส่ ในขณะที่พวกเขาไม่มีศักยภาพพอที่จะสอยร่วงขีปนาวุธดังกล่าว และยืนยันว่ารายงานข่าวเกี่ยวกับความเห็นของ อาเรสโตสิช ที่ถูกรัสเซียใช้เป็นข้ออ้างในการกล่าวโทษยูเครน ไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง

ชาวยูเครนเองก็แสดงปฏิกิริยาขุ่นเคืองต่อความเห็นในเบื้องต้นของ อาเรสโตวิช โดยบางส่วนกล่าวหาเขา ช่วยเสริมสถานะแก่พวกนักโฆษณาชวนเชื่อรัสเซีย ให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น และสมาชิกรัฐสภายูเครนบางส่วนลงนามในหนังสือร้องเรียนฉบับหนึ่ง เรียกร้องให้ปลด อาเรสโตวิช พ้นจากสถานะเจ้าหน้าที่รัฐบาล

ต่อมา อาเรสโตวิช โพสต์หนังสือลาออกของเขา และยอมรับว่าเขาทำผิดพลาดครั้งสำคัญ "ผมอยากขอโทษด้วยความจริงใจแก่เหยื่อและญาติๆ พลเมืองดนิโปร และทุกๆ คนที่ได้รับความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง จากเหตุผลเข้าใจผิดอย่างมหันต์ต่อเหตุการณ์ขีปนาวุธรัสเซียโจมตีอาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่ง" เขาโพสต์บนเทเลแกรม

ก่อนหน้าการลาออก ความคิดเห็นของเขาถูกเจ้าหน้าที่รัสเซียใช้กล่าวโทษเคียฟต่อเหตุโจมตีดังกล่าว โดย ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน บอกว่ารัสเซียไม่ได้โจมตีอาคารที่พักอาศัยดังกล่าว และมันมีต้นตอจากระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน ผลสรุปที่เขาอ้างว่าตัวแทนบางส่วนของฝ่ายยูเครนก็เห็นตามนั้น

ทีมกู้ภัยยกเลิกปฏิบัติการค้นหาเหยื่อในเหตุการณ์นี้แล้วในวันอังคาร (17 ม.ค.) ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 45 ราย และมีอีก 20 คนที่ยังสูญหาย

เจ้าหน้าที่เผยว่าเหยื่ออายุน้อยสุดมีอายุเพียง 11 เดือน ขณะที่หนึ่งในร่างไร้วิญญาณที่สามารถเก็บกู้ขึ้นจากซากปรักหักพังได้เพิ่มเติมในวันอังคาร (17 ม.ค.) ก็เป็นเด็กตัวเล็กๆเช่นกัน

ยอดรวมผู้เสียชีวิตของเหตุการณ์เมื่อวันเสาร์ (14 ม.ค.) ส่งผลให้มันกลายเป็นเหตุโจมตีเข่นฆ่าชีวิตผู้คนครั้งเลวร้ายที่สุดหนหนึ่ง นับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ส่งทหารเข้ารุกรานยูเครนเมื่อเกือบ 11 เดือนก่อน

นอกจากผู้เสียชีวิตข้างต้นแล้ว ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 79 คน ในนั้นเป็นเด็กถึง 16 ราย

หลังเกิดเหตุการณ์นี้ ยูเครนเดินหน้ากดดันขออาวุธเพิ่มเติมจากตะวันตก และ พล.อ.วาเลรี ซาลุซนีย์ ผ้บัญชาการกองทัพยูเครน พบปะกับ พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมแห่งสหรัฐฯ เป็นครั้งแรก ในโปแลนด์

พล.อ.มิลลีย์ และ พล.อ.ซาลุซนีย์ หารือเป็นเวลา 2 ชั่วโมง ในสถานที่ใกล้พรมแดนยูเครน-โปแลนด์ โดยมันมีขึ้นในขณะที่สหรัฐฯ และชาติตะวันตกกำลังส่งยุทโธปกรณ์มูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ให้แก่ยูเครน เพื่อใช้ในการรับมือการรุกรานของรัสเซีย

(ที่มา : บีบีซี/เอเอฟพี)