ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ในวันอาทิตย์ (15 ม.ค.) ประณามประชาชนชาวรัสเซีย "ที่นิ่งเงียบด้วยความขี้ขลาด" ไม่กล้าส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์เหตุยิงขีปนาวุธถล่มอาคารที่พักอาศัยหลังหนึ่งในเมืองดริโปร ทางภาคตะวันออกของยูเครน ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากการโจมตีดังกล่าวเพิ่มเป็นอย่างน้อย 30 รายแล้ว
เซเลนสกี เน้นย้ำระหว่างกล่าวปราศรัยในช่วงค่ำ ว่า ยูเครนได้รับสารแห่งความเห็นใจมากมายจากทั่วโลก ตามหลังเหตุโจมตีเมื่อวันเสาร์ (14 ม.ค.) ก่อนเปลี่ยนมาพูดถึงชาวรัสเซีย โดยบอกว่าเขาอยากพูดถึงชาวรัสเซีย "ที่ตอนนี้ไม่แม้กระทั่งเปล่งคำพูดประณามการก่อการร้ายนี้"
"คุณปิดปากเงียบด้วยความขี้ขลาดตาขาว คุณพยายามรอคอยในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งมันจะจบลงด้วยข้อเท็จที่ว่า วันหนึ่งข้างหน้าก่อการร้ายแบบเดียวกันนี้จะมาหาคุณ" เซเลนสกี กล่าว
ผู้นำยูเครนบอกว่าเหยื่อของเหตุโจมตีด้วยขีปนาวุธ ในนั้นรวมถึงเด็กหญิงวัย 15 ปี และมีรายงานว่าเด็ก 2 คนต้องการเป็นเด็กกำพร้า พร้อมระบุว่าทีมกู้ภัยกำลังขุดคุ้ยใต้ซากปรักหักพัง เพื่อค้นหาผู้สูญหายอีก 30 คน
คำกล่าวอ้างเกี่ยวกับเหตุโจมตีครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่การสู้รบยังคงเป็นไปอย่างดุเดือดในแคว้นโดเนตสก์ทางภาคตะวันออกของยูเครน ดินแดนที่ทางกองกำลังรัสเซียระบุว่าสามารถยึดเมืองโซเลดาร์ได้แล้ว แต่ยูเครนปฏิเสธคำกล่าวอ้างดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ยูเครนยอมรับในวันอาทิตย์ (15 ม.ค.) ว่าพวกเขายังคงซวนเซจากเหตุรัสเซียระดมยิงขีปนาวุธขนานใหญ่ทั่วประเทศ เป็นระลอกที่ 12 หนึ่งวันก่อนหน้านี้
ยูเครเนอร์โก ผู้ปฏิบัติการโครงข่ายทางพลังงานของยูเครน เผยว่ากำลังกู้คืนระบบสาธารณูปโภค แต่ผลกระทบของการโจมตี นั่นหมายความว่าอาจมีการตัดไฟเพิ่มมากขึ้น
ยาโรสลาฟ ยานูเชฟวิช ผู้ว่าการแคว้นเคียร์ซอนของฝ่ายยูเครน บอกว่าดินแดนแห่งนี้ตกอยู่ภายใต้การโจมตีอีกครั้ง "การโจมตีของรัสเซียโดนพลเรือนและโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ ในนั้นรวมถึงที่ตั้งของกาชาดและศูนย์เพื่อเด็กพิการแห่งหนึ่ง"
อย่างไรก็ตาม กองทัพรัสเซียระบุว่าพวกเขาเล็งเป้าหมายโจมตีไปที่กองบัญชาการทหารและที่ตั้งต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน และการโจมตีบรรลุทุกเป้าหมาย
(ที่มา : เอเอฟพี)