กระทรวงกลาโหมรัสเซียในวันพุธ (4 ม.ค.) กล่าวโทษการลักลอบใช้โทรศัพท์มือถือของบรรดานายทหารว่าเป็นต้นตอของเหตุยูเครนยิงขีปนาวุธโจมตี ที่สังหารกำลังพลของมอสโกไป 89 ราย ถือเป็นการปรับเพิ่มตัวเลขนายทหารที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวจากเดิมอีกหลายสิบนาย
ก่อนหน้านี้ มอสโกบอกว่ามีทหารรัสเซีย 63 นายเสียชีวิตในเหตุโจมตีเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ และปฏิกิริยาล่าสุดของทางกระทรวงกลาโหมมีขึ้นท่ามกลางความขุ่นเคืองของบรรดาผู้สันทัดกรณีขาวรัสเซีย ซึ่งส่งเสียงโวยวายหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ต่อสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นการทำสงครามแบบไม่กระตือรือร้นในยูเครน
ความโกรธเคืองส่วนใหญ่บนสื่อสังคมออนไลน์พุ่งตรงไปที่เหล่าผู้บัญชาการกองทัพแทนประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ผู้ซึ่งยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ ต่อเหตุโจมตีดังกล่าว ซึ่งกลายเป็นความเสียหายครั้งใหญ่อีกครั้งที่เกิดขึ้นกับกองกำลังรัสเซีย หลังจากต้องล่าถอยในสมรภูมิหลักหลายสมรภูมิในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเผยว่า ขีปนาวุธยูเครน 4 ลูก พุ่งตรงใส่ค่ายทหารชั่วคราวแห่งหนึ่งของรัสเซีย ในวิทยาลัยอาชีวะแห่งหนึ่งในเมืองมากีอีฟกา เมืองแฝดของเมืองเอกแห่งแคว้นโดเนตสก์ ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของมอสโก ทางภาคตะวันออกของยูเครน
แม้ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนอย่างเป็นทางการ แต่ทางกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า เหตุผลหลักของเหตุโจมตีครั้งนี้ ชัดเจนว่าเป็นการลอบใช้โทรศัพท์มือถือกันเป็นจำนวนมากของบรรดากำลังพล "ปัจจัยนี้เปิดทางให้ศัตรูแกะรอยและระบุตำแหน่งที่ตั้งของเหล่าทหารสำหรับการโจมตีด้วยขีปนาวุธ" ถ้อยแถลงระบุ
กองทัพยูเครนระบุว่า พวกเขาทำการโจมตีที่ทำให้รัสเซียสูญเสียยุทโธปกรณ์ และเป็นไปได้อาจรวมถึงบุคลากรทางทหาร ใกล้เมืองมากีอิฟกา แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม
พวกบล็อกเกอร์ชาตินิยมรัสเซียและเจ้าหน้าที่ฝักใฝ่รัสเซี่ยบางส่วนในพื้นที่ เชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตในเมืองมากีอีฟกา อาจเป็นหลักหลายร้อยนาย แต่บางส่วนมองว่าตัวเลขดังกล่าวเป็นการคาดการณ์ที่เกินเลยความเป็นจริง
ในอีกด้านหนึ่ง พล.อ.วาเลรี ซาลุจนี ผู้บัญชาการทหารสูงสุดยูเครน เผยว่าสถานการณ์ในแนวหน้าใกล้เมืองบัคช์มุต ทางภาคตะวันออกของประเทศกำลังหนักหนาสาหัสอย่างมาก
ซาลุจนี เขียนบนเทเลแกรมว่า กองกำลังรัสเซียลงมือซ้ำๆ ในความพยายามยึดคืนบัคช์มุต และพื้นที่โดยรอบ แต่บอกว่าทหารยูเครนกำลังยืนหยัดต่อต้านอย่างสุดกำลัง
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า วอชิงตันเห็นรายงานข่าวที่ว่า "กองทัพยูเครนโจมตีค่ายทหารของรัสเซีย ที่ใช้จัดเก็บกระสุนภายในดินแดนยูเครน และนำมาซึ่งการเสียชีวิตจำนวนมากของฝ่ายรัสเซีย" พร้อมระบุ "เราได้อ่านรายงานข่าวเช่นกันว่าในบรรดาทหารเหล่านั้น จำนวนมากเป็นทหารเกณฑ์ใหม่"
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่ ปูติน มีแผนพูดคุยกับประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกีในวันพุธ (4 ม.ค.) จากการเปิดเผยของดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน ถือเป็นการสนทนารอบล่าสุดระหว่างทั้งคู่ นับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น
ตุรกี ทำหน้าที่เป็นคนกลางเช่นเดียวกับสหประชาชาติในปีที่แล้ว ในการจัดทำข้อตกลงเปิดทางลำเลียงธัญพืชออกจากท่าเรือต่างๆ ของยูเครน แต่โอกาสของการเจรจาสันติภาพอย่างจริงจังนั้นยังคงดูห่างไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่การสู้รบยังเป็นไปอย่างดุเดือด
พล.อ.ซาลุจนี ได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมสหรัฐฯ ในวันอังคาร (3 ม.ค.) และใช้โอกาสนี้ขอบคุณอเมริกาสำหรับคำรับประกันมอบความช่วยเหลือด้านระบบอาวุธต่อต้านขีปนาวุธ ซึ่งเคียฟบอกว่าช่วยสอยขีปนาวุธรัสเซียที่เล็งเป้าหมายถล่มโรงงานไฟฟ้าได้ลูกแล้วลูกเล่า
นอกจากนี้ พล.อ.ซาลุจนี เผยว่าเขายังได้หารือกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับยุทโธปกรณ์ที่ยูเครนต้องการ สำหรับเพิ่มโอกาสแห่งชัยชนะเหนือรัสเซีย
"ณ ตอนนี้คือช่วงเวลาที่เรา และกำลังพันธมิตรของเราต้องร่วมมือกัน เราควรเสริมความเข้มแข็งแก่การป้องกันตนเองของเรา" ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี กล่าวก่อนหน้านี้
(ที่มา : รอยเตอร์)