xs
xsm
sm
md
lg

ปรินซ์แฮร์รีเชื่อว่าทรงถูกสร้างให้เป็น ตัวสำรอง & อวัยวะอะไหล่ แก่พระเชษฐาวิลลี อาจจะไตหรือไขกระดูก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เจ้าชายแฮร์รี พระราชโอรสพระองค์เล็กของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 ทรงเป็นลูกรักลูกหัวแก้วหัวแหวนของพระราชบิดา ไม่ว่าเจ้าชายจะทรงตกเป็นข่าวอื้อฉาวราวใด ทั้งเรื่องเสพยา เรื่องชกต่อย พระราชบิดาก็ทรงพระราชทานความเข้าใจและความช่วยเหลือ เพื่อให้พระองค์มีโอกาสที่จะเริ่มต้นใหม่ ตลอดจนมีพื้นที่ยืนในเวลาที่ทรงฟื้นพระองค์ออกมาจากการทดลองใช้ชีวิตแบบต่างๆ  อย่างไรก็ตาม เจ้าชายแฮร์รีทรงมองไม่เห็น อีกทั้งยังทรงเชื่อว่าพระราชบิดาทรงให้กำเนิดแก่พระองค์ เพื่อให้เป็นผู้ถวายอวัยวะอะไหล่แด่พระราชโอรสพระองค์โต คือ พระเชษฐาวิลเลียมของพระองค์ ในภาพนี้ เจ้าชายแฮร์รีทรงฉลองวันสำเร็จการศึกษาระดับมัธยมปลายจากวิทยาลัยอีตันในปี 2002
เจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นเอามาก และทรงมโนไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ หากมิใช่ว่าทรงเขียนไว้ในบันทึกความทรงจำของพระองค์เอง ก็ไม่น่าจะมีผู้ใดคาดคิดได้ว่าพระองค์จะทรงด้อยค่าในตนเองได้อย่างเหลือเกิน ทั้งนี้ ในความเป็นเด็กกำพร้าแม่ วัยรุ่นเกเร ทหารผ่านศึก ราชนิกูลไร้สุข ฯลฯ ของเจ้าชายแฮร์รีนั้น ปมร้าวใจเหนืออื่นใดมีอยู่ว่า พระองค์ทรงไม่พึงพอใจที่ทรง “ได้รับน้อยกว่า” พระเชษฐา แม้พระองค์จะทรงได้รับเสรีภาพที่จะใช้ชีวิตได้มากกว่า อีกทั้งยังไม่ต้องการเป็น “เจ้าชายสำรอง” ให้แก่พระเชษฐาวิลเลียม ผู้เป็นรัชทายาทพระองค์หลักแห่งพระราชบัลลังก์อังกฤษ

แต่ที่ชวนให้อึ้งเป็นอย่างยิ่งอยู่ในข้อที่ว่า เจ้าชายทรงเชื่อว่าพระองค์ถูกให้กำเนิดมาเป็นอวัยวะอะไหล่ถวายแด่พระเชษฐา

เรื่องเล่าใน SPARE จึงมากมายด้วยการชิงดีชิงเด่นกับเจ้าชายวิลเลียม ซึ่งเจ้าชายแฮร์รีทรงมุ่งมั่นจะต้องชนะเสมอ เอพีรายงานและเล่าถึงเกร็ดชีวิตที่ทรงไฝ้วกับพระเชษฐาวิลเลียม

การไฝ้วครั้งที่ร้ายแรงที่เจ้าชายแฮร์รีทรงเล่าไว้ คือ เหตุการณ์ที่พระเชษฐากระชากคอเสื้อของพระองค์ และกระแทกพระองค์หงายหลังลงไปแบอยู่กับพื้นและทับชามอาหารสุนัขทรงเลี้ยง รุนแรงกระทั่งว่าชามแตกเป็นเสี่ยงๆ บาดเข้าไปถึงเนื้อแผ่นหลัง กลายเป็นรอยแผลและรอยฟกช้ำ (อ่านละเอียดที่ https://mgronline.com/around/detail/9660000001403)

แต่ความหมางพระทัยของเจ้าชายแฮร์รีมีความลึกล้ำลงไปอีก โดยนิวยอร์กโพสต์รายงานว่าในตอนหนึ่งของบันทึกความทรงจำ เจ้าชายทรงเขียนว่า นอกจากความเป็น “SPARE - ตัวสำรอง” แล้ว พระองค์ยังทรงต้องเป็น “SPARE – อวัยวะอะไหล่” ให้แก่พระเชษฐาหากองค์รัชทายาทมีความจำเป็นจะต้องได้รับอวัยวะใหม่

ปรินซ์วิลเลียมทรงถูกบ่มเพาะให้คอยดูแลพระอนุชา และยิ่งเมื่อพระมารดาไดอานาทรงจากโลกไปก่อนวัยอันควร ปรินซ์วิลเลียมและปรินซ์แฮร์รีทรงดูแลและประคับประคองกันและกัน แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้นมา ต่างมีเส้นทางของพระองค์เอง ขณะที่ปรินซ์แฮร์รีก็ทวีความรู้สึกในทางแข่งขันกับพระเชษฐา ตลอดจนมีการแซวกันแรงๆ ซึ่งพระเชษฐาก็ทรงถอยให้เสมอ กระทั่งว่าพระสหายของปรินซ์วิลเลียมให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชน ติเตียนปรินซ์วิลเลียมว่าตามใจพระอนุชามากเกินไป กระทั่งว่าปรินซ์วิลเลียมกลายเป็นกระสอบทรายรองรับอารมณ์ของพระอนุชา
“พี่วิลลีโตกว่าผม 2 ปี แต่พี่วิลลีได้เป็นองค์รัชทายาท ขณะที่ผมต้องเป็น SPARE” นิวยอร์กโพสต์ถอดประโยคชุดนี้ของดยุกแฮร์รีขึ้นมารายงานในสกู๊ป พร้อมกับนำเสนอต่อเนื่องอีกหลายประโยคว่า

“ผมเป็นคนในเงาเบื้องหลัง เป็นตัวสนับสนุน เป็นแผนสอง ผมถูกนำสู่โลกนี้เผื่อว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่วิลลี”

ปรินซ์แฮร์รีเขียนว่าพระองค์ทรงเข้าใจในบทบาทนี้ ซึ่งหมายถึงว่า

“หากจำเป็น ผมก็จะเป็นอะไหล่ให้แก่พระเชษฐาวิลเลียม อาจจะเป็นไต หรือการถ่ายเลือด หรือไขกระดูก” ทรงเขียนลงรายละเอียดอย่างน่าหดหู่ นิวยอร์กโพสต์รายงาน

นอกจากนั้น พระองค์เขียนอีกว่า พระบิดาซึ่งบัดนี้เป็นพระราชบิดาแล้ว จะไม่เดินทางด้วยเครื่องบินลำเดียวกับพระเชษฐาของพระองค์ “จะต้องไม่ให้รัชทายาทลำดับที่ 1 และลำดับที่ 2 แห่งพระราชบัลลังก์จากโลกนี้ไปพร้อมกัน”

“แต่ไม่มีใครสนใจเลยว่า ตัวผมจะเดินทางไปกับใคร ตัวสำรองต้องเป็นตัวสำรองวันยังค่ำ” ปรินซ์ทรงตัดพ้อชีวิตไว้มากมายปานนั้น

ปรินซ์แฮร์รีทรงเขียนละเลงภาพของพระราชบิดาไว้เสียๆ หายๆ ในหนังสืออัตชีวประวัติของพระองค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีเหน็บกัดว่าหลังจากพระราชบิดาทรงยิงมุกกับพระชายาไดอานาว่าพระชายาได้ให้เจ้าชายทายาทและเจ้าชายสำรองแก่พระองค์แล้ว พระภารกิจของพระองค์เสร็จเรียบร้อยแล้ว ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นพระราชบิดาก็หายหน้าไป ไปหาแฟนสาวของพระองค์ ในเวลาที่ปรินซ์แฮร์รีทรงเขียนติเตียนพระราชบิดา พระองค์น่าจะทรงลืมแล้วว่าในวิกฤตชีวิตครั้งหนึ่งของพระองค์ที่ทรงสวมเครื่องแบบนาซีไปร่วมงานปาร์ตี และภาพถ่ายของพระองค์ในชุดเครื่องแบบนาซีถูกมือดีส่งไปให้สื่อมวลชน จนกลายเป็นข่าวอื้อฉาวไปทั่วโลกนั้น แม้ปรินซ์ทรงยอมเข้าใจความผิดพลาดของตนเอง แต่ทว่านักการเมืองเรียกร้องให้ปรินซ์ออกมาขออภัยประชาชนบนจอโทรทัศน์ ในครั้งนั้น พระบิดามิได้ทรงยอมตามแรงกดดัน หากแต่ทรงปกป้องพระราชโอรสอย่างหนักแน่นด้วยคำอธิบายว่า ปรินซ์แฮร์รีได้กราบบังคมทูลขอพระราชทานอภัยจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ปรินซ์แฮร์รีเขียนเล่าด้วยว่าคำว่าตัวสำรอง มิใช่จะถูกใช้กันในบรรดาสื่อมวชนเท่านั้น แต่สมาชิกแห่งพระราชวงศ์ก็ใช้คำศัพท์นี้ ซึ่งรวมถึง “มะมี้” หรือก็คือเจ้าหญิงไดอานา และ “คุณย่า” สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ด้วย นิวยอร์กโพสต์รายงาน

ในหนังสืออัตชีวประวัติเล่มนี้ ปรินซ์แฮร์รี ซึ่งได้รับพระราชทานพระอิสริยยศจากสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 อัยยิกาเจ้า ให้เป็นดยุกแห่งซัสเซกซ์สมฐานะแห่งความเป็นเจ้าชาย ทรงเขียนด้วยว่า เมื่อทรงมีอายุได้ 20 พรรษา พระองค์ได้ข้อมูลจากใครบางคนที่ทำให้ทรงตระหนักว่าทรงถูกให้กำเนิดเพื่อมาเป็น เจ้าชายสำรอง

ในการนี้ ปรินซ์แฮร์รีทรงได้รับการบอกเล่ามาว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ พระบิดาของพระองค์ทรงแสดงความยินดีที่เจ้าหญิงไดอานา ให้กำเนิดพระโอรสพระองค์ที่สองแก่พระองค์ แล้วพระบิดาทรงตรัสขำๆว่า

“ยอดเยี่ยมเลย! ตอนนี้เธอให้เจ้าชายทายาทและเจ้าชายสำรองแก่ผม – ภารกิจของผมเสร็จเรียบร้อยแล้ว” ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงเขียน และทรงเล่าต่อมาว่า

“อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องขำๆ” ดยุกแฮร์รีทรงประพันธ์อย่างนั้น นิวยอร์กโพสต์รายงานพร้อมกับระบุว่าดยุกทรงเดินหน้าเขียนโจมตีสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 โดยตั้งข้อกล่าวหาพระราชบิดาด้วยการอ้างคำบอกเล่าของใครบางคนว่า “ไม่กี่นาทีหลังจากที่ปล่อยมุกนี้แล้ว ป๋าก็หายหน้าไป ไปหาแฟนสาวของป๋า”

ในความเป็นพระเชษฐา-อนุชาที่ผูกพันกันมาแต่เก่าก่อน หลังจากปรินซ์วิลเลียมและปรินซ์แฮร์รีทรงจบการศึกษาระดับไฮสกูลจากวิทยาลัยอีตันแล้ว ทรงมีเหตุที่ต้องทรงใช้ชีวิตด้วยกันช่วงหนึ่งสั้นๆ ในการเข้าฝึกอบรมเฮลิคอปเตอร์ทหารเมื่อปี 2009 โดยทรงพักในกระท่อมแห่งเดียวกัน และทรงมีการปล่อยมุกกับบีบีซีว่า นี่จะเป็นการใช้ชีวิตด้วยกันครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
นิวยอร์กโพสต์นำเสนอต่อมาว่า แม้เจ้าชายแฮร์รีทรงตั้งชื่อเรื่องให้แก่บันทึกความทรงจำเล่มนี้ว่า “ตัวสำรอง – SPARE” และทรงใช้ความไม่พึงพอใจในประเด็นนี้เป็นเครื่องสร้างความชอบธรรมให้แก่การตีจากออกจากพระราชวงศ์ กระนั้นก็ตาม เจ้าชายทรงยอมรับว่าในช่วงแรกนั้น ทรงยอมรับบทบาทนี้

“ผมเคยไม่ถือสากับเรื่องนี้ ผมเคยไม่เก็บเรื่องนี้มาเป็นอารมณ์” นิวยอร์กโพสต์รายงานว่าปรินซ์แฮร์รีเขียนไว้อย่างนั้นในหนังสืออัตชีวประวัติเล่มนี้ โดยโยงไปถึงความรู้สึกยอมรับว่าพระองค์มีชีวิตที่เปี่ยมไปด้วยสิ่งดีๆ มากมายกว่าชีวิตของใครต่อใคร และทรงเขียนว่า

“เด็กชายและเด็กหญิงทุกคน ล้วนมีสักครั้งในชีวิตที่จะจินตนาการว่าตนเองเป็นเจ้าชายหรือเจ้าหญิง ดังนั้น ไม่ว่าผมจะเป็นตัวสำรองหรือไม่ได้เป็นตัวสำรองของใครก็ตาม มันไม่ใช่อะไรเลวร้ายที่จะได้เป็นเจ้าชายจริงๆ” ปรินซ์แฮร์รีทรงยอมรับความเป็นจริงของพระองค์เอง

แต่ในไม่ช้า หลายสิ่งเปลี่ยนแปลง โดยที่เจ้าชายทรงรู้สึกว่ามีการบูชายัญเจ้าชายตัวสำรองต่อสายตาของสาธารณชน เพื่อเชิดชูความดีงามของพระราชนิกูลพระองค์อื่นๆ โดยเริ่มตั้งแต่ที่พระองค์ตกเป็นข่าวหน้าหนึ่งในปี 2002 ซึ่งเล่นงานไลฟ์สไตล์ของพระองค์ว่าทรงเป็นเจ้าชายสายปาร์ตี-เจ้าชายพี้ยา

บรรดาสื่อมวลชนรายงานข่าวอย่างเอิกเกริกในเรื่องที่เจ้าชายแฮร์รีทรงพี้ยาเสพติดเมื่อปี 2002 ครั้นเมื่อปรินซ์ทรงจัดทำบันทึกคววามทรงจำ ทรงเท้าความถึงกรณีนี้ในการโจมตีพระราชวงศ์ มีการบูชายัญพระองค์ต่อต่อสายตาของสาธารณชน เพื่อเชิดชูความดีงามของพระราชนิกูลพระองค์อื่นๆ
ยิ่งกว่านั้น เมื่อดยุกวิลเลียมและดัชเชสแคเธอรินทรงมีพระโอรสกับพระธิดา 3 พระองค์ ดยุกแฮร์รีก็สูญเสียอันดับรัชทายาทแห่งพระราชบัลลังก์ลำดับที่ 2 และถดถอยลงสู่ลำดับที่ 5 นิวยอร์กโพสต์รายงานว่าปรินซ์แฮร์รีทรงเขียนไว้อย่างนั้น ก่อนที่จะสรุปว่า

พระองค์ “จึงไม่ได้เป็นแม้กระทั่งเจ้าชายสำรองของเจ้าชายตัวสำรอง” ซะด้วยซ้ำ

ด้าน บ.ก.วิคกี วอร์ด บรรณาธิการข่าวและคอลัมนิสต์ของเอ็นบีซี ซึ่งบอกว่าเธออ่าน SPARE รวดเดียวจบ ได้เขียนถึงเจ้าชายแฮร์รีไว้บนเว็บข่าววันที่ 12 มกราคม ว่าเรื่องราวที่เจ้าชายเขียนนั้น “นับเป็นโศกนาฏกรรมของพระราชวงศ์”

พร้อมกันนี้ บรรณาธิการข่าวของเอ็นบีซีวิเคราะห์ว่าเจ้าชายแฮร์รีทรงเป็นคนที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้สึกไม่มั่นคง มากกว่าจะขับเคลื่อนด้วยหลักการที่สูงส่ง โดยความรู้สึกไม่มั่นคงไม่ปลอดภัยนี้ได้หล่อหลอมจิตใจของพระองค์ตั้งแต่วัยเด็กมาโดยตลอด จรดจนถึงวัยผู้ใหญ่ก็ยังไม่หายคลายจางไปไหน ฉากชีวิตล่าสุดของพระองค์ที่ทรงประทับอยู่กับพระชายาเมแกนได้ยืนยันให้เห็นถึงใจที่คร่ำครวญมาตลอดพระชนม์ชีพ

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา: เอพี นิวยอร์กโพสต์ เอ็นบีซี)


กำลังโหลดความคิดเห็น