วางแผงพรึ่บพรั่บเป็นที่เรียบร้อยตามวันนัดหมาย อังคารที่ 10 มกราคม 2023 สำหรับ SPARE อัตชีวประวัติของเจ้าชายแฮร์รี รัชทายาทลำดับที่ 5 แห่งราชบัลลังก์อังกฤษ และในความผิดหวังของท่านผู้ชมที่หวังจะได้เสพข้อมูลลี้ลับรายการใหม่ๆ แห่งอดีตศึกรักหักสวาทแสนอื้อฉาวระหว่างพระมารดาไดอานา กับ อดีตเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ และอดีตนางคามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ นั้น ปรินซ์แฮร์รีทรงมิได้นำเสนอในหนังสือแนวเมมมัวร์ของพระองค์
ขณะที่เจ้าชายแฮร์รี พระราชโอรสองค์สุดท้องของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสหราชอาณาจักร ทรงย้ำในความรักที่มีต่อประเทศชาติ ต่อพระมหากษัตริย์ผู้เป็นพระราชบิดา และต่อเจ้าฟ้าชายวิลเลียมผู้เป็นพระเชษฐา แต่ขณะเดียวกันก็ทรงตั้งสารพัดข้อหากับข้อติเตียนต่อทั้งสองพระองค์ ตลอดจนต่อพระราชนิกูลอื่นๆ แห่งพระราชวงศ์ เช่น การกล่าวหาดุเดือดว่าพระเชษฐาวิลเลียมทรงเคยใช้กำลังทำร้ายร่างกายพระองค์
ในการนี้ สมเด็จพระราชินีคามิลลา ผู้ทรงเป็นพระราชมารดาเลี้ยง ทรงถูกจาบจ้วงหนักพิเศษ ด้วย 2 ฉายาแสนโหดเหมือนโกรธกันมานาน ได้แก่คำว่า “นางวายร้าย” และ “บุคคลอันตราย” กับอีกหนึ่งประเด็นป้ายสีว่าทรงเป็นจอมนางผู้ปล่อยข่าวไปให้สื่อมวลชนเล่นงานปรินซ์แฮร์รี เพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่สื่อค่ายต่างๆ จะได้หมั่นนำเสนอข่าวและสกู๊ปของพระนางในทางดีงาม
พร้อมนี้ หนังสือ SPARE ตั้งข้อหาว่าแรงจูงใจที่พระนางกระทำการปล่อยข่าว คือ เพื่อจะกอบกู้ภาพลักษณ์ที่เสียหายในอดีตที่เคยเป็นมือที่สามผู้เข้าไปทำลายชีวิตครอบครัวของเจ้าหญิงไดอานากับเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ปรินซ์แห่งเวลส์
เจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวหาควีนคามิลลา “ตั้งเป้าเล่นเกมยาว แต่งงานให้ได้ แล้วมุ่งสู่พระราชบัลลังก์”
ดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกซ์ทรงเขียนถึงคุณคามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ (พระนามเดิมของสมเด็จพระราชินีคามิลลา พระวรราชชายาแห่งคิงชาร์ลส์ ก่อนการอภิเษกสมรสจดทะเบียนแต่งงานกันในปี 2005) ไว้ในหนังสือ SPARE ว่าพระองค์ทรงช่วยกันกับพระเชษฐาวิลเลียมในการกราบทูลพระบิดาว่า
“เราสนับสนุนพ่อ เรายอมรับคามิลลา ขอแค่อย่าแต่งงานนะครับ แค่ครองคู่ด้วยกันเท่านั้นนะครับ” ทั้งนี้ เป็นเหตุการณ์ในช่วงหลังมรณกรรมของเจ้าหญิงไดอานา พระมารดาของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทางบันทึกว่าทรงหวั่นเกรงว่าคุณคามิลลา จะก้าวเข้าเป็นแม่เลี้ยงใจร้าย เดลิเมลออนไลน์ สื่อยักษ์ผู้เชี่ยวชาญข้อมูลพระราชวงศ์อังกฤษรายงาน
หลังจากนั้น เจ้าชายทรงเขียนในทางตั้งข้อกล่าวหาไปถึงเหตุการณ์ในช่วงที่ควีนคามิลลายังเป็นนางคามิลลา พาร์กเกอร์ โบลส์ ว่าพระนางทรงวางแผนดำเนินการให้ได้แต่งงานและคว้ามงกุฎพระวรราชชายา ทั้งนี้ เจ้าชายทรงเขียนถึงช่วงครึ่งแรกของปี 2005 เมื่อพระบิดาทรงตัดสินพระทัยจะให้มีพระราชพิธีอภิเษกสมรสอย่างเป็นทางการ และจึงมีการจัดพบปะครั้งสำคัญระหว่างพระองค์ ว่าที่พระชายา และพระโอรสทั้งสอง โดยเจ้าชายแฮร์รีทรงเขียนว่า
“หลังจากที่มีตติ้งของเราพ่อลูก กับพระนาง ผ่านไปเพียงช่วงหนึ่งสั้นๆ พระนางก็เริ่มพัฒนายุทธศาสตร์ระยะยาวขึ้นมา โดยจะมุ่งตรงสู่การได้อภิเษกสมรสจดทะเบียนก่อน แล้วเมื่อเวลาผ่านไป ก็มุ่งสู่พระราชบัลลังก์ให้สำเร็จ (โดยได้รับการช่วยเหลือจากพระบิดาของเรา เราสองคนคาดกันอย่างนั้น)” เจ้าชายแฮร์รีทรงประพันธ์ไว้อย่างฉะฉานในหนังสืออัตชีวประวัติของพระองค์ เดลิเมลออนไลน์รายงาน
อีกหนึ่งข้อกล่าวหา: ควีนทรงป้อนข้อมูลพระราชวงศ์ให้นักข่าวเพื่อรณรงค์กอบกู้ภาพลักษณ์ตนเอง
พร้อมกันนี้ เจ้าชายแฮร์รีผู้ทรงเป็นดยุกแห่งซัสเซกซ์ ยังทรงบันทึกข้อกล่าวหาอีกหนึ่งประการฉกรรจ์ ว่าคุณคามิลลาได้ปล่อยข่าว-มอบข้อมูล ที่พูดคุยสนทนนากันเป็นการส่วนตัวภายในครอบครัว ให้แก่พวกนักข่าวอย่างละเอียด โดยดยุกแฮร์รีทรงเขียนว่า
“ต่อมาข่าวและสกู๊ปต่างๆ ก็ไปปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ทั้งหลายว่าพระนางทรงพบปะสนทนาหลายๆ ครั้งกับพี่วิลลี โดยรายงานข่าวทั้งหลายสามารถนำเสนอรายละเอียดได้แม่นยำและมากมาย ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลที่ออกมาจากพี่ของผมแน่นอนครับ ข้อมูลเหล่านั้นสามารถจะรั่วออกไปจากบุคคลเพียงคนเดียวซึ่งอยู่ตรงนั้น” เจ้าชายแฮร์รีทรงเขียนชนิดที่บ่งเป็นนัยว่าบุคคลอีกคนเดียวตรงนั้นย่อมหมายถึงคุณคามิลลาที่โยนอาหารเลี้ยงบรรดานักข่าวทั้งปวง เดลิเมลออนไลน์นำเสนออย่างนั้น
ด้าน เดอะเทเลกราฟ สื่ออังกฤษแนวอนุรักษ์นิยมและเด่นด้านความน่าเชื่อถือ นำเสนอข้อมูลชี้แจงอย่างแจ่มชัดโดยอ้างแหล่งข่าวคนวงในพระราชวงศ์ว่า ข่าวหลุดกรณีคุณคามิลลาพบปะสนทนากับเจ้าชายวิลเลียมนั้นเป็นกรณีเก่าและเกิดขึ้นครั้งเดียวเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 1998 (หลังมรณกรรมของเจ้าหญิงไดอานาผ่านไปเกือบหนึ่งปี) โดยเป็นข่าวหลุดไปสู่หนังสือพิมพ์เดอะซันค่ายเดียว และผู้ที่ปล่อยข่าวก็กระทำด้วยความพลาดพลั้ง คือ เลขานุการส่วนตัวของคุณคามิลลา
ทั้งนี้ เมื่อเดอะซันนำเสนอสกู๊ปข่าวรั่วข่าวลับดังกล่าวความยาว 5 หน้าตีพิมพ์ในฉบับวันที่ 10 กรกฎาคม 1998 ก็กลายเป็นที่ฮือฮาของสาธารณชนแม้จะไม่มีประเด็นเสียหายให้ตื่นเต้น แต่ท่านผู้ชมแห่กันซื้อไปอ่านเพราะที่ผ่านมา ไม่มีใครจะคาดคิดว่าพระคู่รักของเสด็จพ่อชาร์ลส์กับพระโอรสของเจ้าหญิงไดอานา จะมีโอกาสได้พบกันที่วังเซนต์เจมส์อันเป็นที่ประทับของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์กับพระโอรส และนั่งสนทนาด้วยดีเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง
อันที่จริง ประเด็นข้างต้นนี้มีการเฉลยเป็นที่เรียบร้อยในปี 1998 นั้นเอง โดยหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียน สื่อฝ่ายซ้ายแนวข่าวซีเรียส ทำการอธิบายข่าวว่า ในวันเกิดเหตุ 12 มิถุนายน พระโอรสทั้งสองพระองค์ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ วัย 16 พรรษา และ 13 พรรษา ทรงมิได้ประทับที่วังเซนต์เจมส์ แต่เจ้าชายวิลเลียมทรงปุบปับกลับวังก่อนเวลา และจึงได้พบกับคุณคามิลลา พระคู่รักของเสด็จพ่อ และคู่กรณีของเสด็จแม่ ทั้งสองจึงได้พบกันเป็นครั้งแรก และนั่งลงสนทนาด้วยดีโดยมีเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ปรินซ์แห่งเวลส์ ร่วมสนทนาอยู่อีกพระองค์หนึ่ง
ด้วยความที่คุณคามิลลา คุณผู้หญิงแห่งราศีเมถุน มีบุคลิกใจดี คุยสนุก เปี่ยมด้วยมุกขำมากชั้นเชิง ขณะที่เจ้าชายหนุ่มน้อยวิลเลียม หนุ่มน้อยแห่งราศีเมถุน ก็มีบุคลิกเปิดกว้าง พร้อมเป็นมิตรกับทุกคน สุภาพ ให้เกียรติผู้อื่น ดังนั้น การสนทนาจึงชื่นมื่นครึกครื้น โดยเดอะการ์เดียนอ้างแหล่งข่าววงใน รายงานว่าเกิดความคุ้นเคยในระหว่างกันอย่างรวดเร็ว และมีตอนหนึ่งที่คุณคามิลลากล่าวกับเจ้าชายวัย 16 พรรษาว่า ขอยินผสมโทนิคสักแก้วนะคะ
หลังจากนั้น เสด็จพ่อชาร์ลส์ทรงจัดให้พระโอรสองค์น้องได้พบปะทำความคุ้นเคยกับคุณคามิลลาบ้าง ทั้งนี้ แม้เจ้าชายแฮร์รีทรงบันทึกความทรงจำว่า เมื่อทรงทราบถึงกำหนดการที่เสด็จพ่อจัดเตรียม พระองค์ทรงรู้สึกแบบเดียวกับเวลาที่ต้องเดินไปให้หมอฉีดยา กระนั้นก็ตาม พระองค์เขียนในหนังสือด้วยว่า ในที่สุดพระองค์และพระเชษฐาวิลเลียมยอมรับพระคู่รักของเสด็จพ่อ และในเวลาต่อมา เมื่อมีงานพระราชพิธี ก็จะมีภาพถ่ายที่สองพระโอรสของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ทรงมีพระโมเมนต์น่ารัก พูดคุยและแซวกับพระมารดาเลี้ยง อย่างสนิทสนมเป็นกันเอง
‘แฮร์รี’ ถล่มควีนด้วยข้อหาป้อนข้อมูลให้สื่อใช้เล่นงานพระองค์ และแถมฉายาโหดให้ 2 คำ: นางวายร้าย & บุคคลอันตราย
ในการโปรโมทหนังสือ SPARE ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงประทานสัมภาษณ์แก่ผู้ดำเนินรายการ 60 มินิตส์แห่งสถานีโทรทัศน์ช่องซีบีเอสแห่งสหรัฐฯ นามว่า แอนเดอร์สัน คูเปอร์ ซึ่งคลิปนี้ถูกนำมาออกอากาศในวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม 2023 ในการนี้ ได้มีการนำประเด็นนี้มาสัมภาษณ์เจาะลึก
คำตอบของดยุกแฮร์รีต่อคำถามเจาะลึกของแอนเดอร์สัน คูเปอร์ ปรากฏเป็นการกล่าวหาสมเด็จพระราชินีคามิลลาว่า ทรงแลกเปลี่ยนข้อมูลของเจ้าชายแฮร์รีไปให้นักข่าว เพื่อที่พวกนักข่าวก็จะได้เขียนเรื่องราวด้านบวกต่างๆ ของพระองค์ออกสู่สาธารณชน พร้อมนี้ ยังชี้ประเด็นด้วยว่า “เครือข่าย” ทึ่ควีนคามิลลาทรงสร้างอยู่กับสื่อมวลชน ย่อมส่งผลให้ผู้อื่นเสียหายเดือดร้อนอย่างสาหัส เดลิเมลออนไลน์รายงาน
นอกจากนั้น ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงตั้งฉายาควีนคามิลลาด้วยคำแรงๆ ว่า “นางวายร้าย” โดยทรงเท้าความกลับไปยังบทสัมภาษณ์ปี 1995 ที่ เจ้าหญิงไดอานา ผู้เป็นพระมารดา ทรงกล่าวถึงคุณคามิลลาว่าเป็น “บุคคลที่ 3 ในชีวิตสมรสของพระองค์” แล้วดยุกแฮร์รีกล่าวกับ แอนเดอร์สัน คูเปอร์ ว่าถ้อยคำของเจ้าหญิงไดอานาส่งผลให้สื่อมวลชนมองคุณคามิลลาเป็น “นางวายร้าย” ยิ่งกว่านั้น ดยุกแฮร์รีทรงอธิบายด้วยการวิเคราะห์ว่า “พระนางจึงต้องกอบกู้ภาพลักษณ์ให้พ้นออกจากตรงนี้”
ในช็อตต่อเนื่องกัน เจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวถึงควีนคามิลลาด้วยคำโหดอีกคำหนึ่ง คือ “บุคคลอันตราย” โดยกล่าวกับคูเปอร์แห่ง 60 มินิตส์ ว่า
“(ด้วยความที่จะต้องกอบกู้ภาพลักษณ์) ทำให้พระนางเป็นบุคคลอันตราย เพราะทรงมีเครือข่ายที่ทรงสร้างอยู่กับสื่อมวลชนอังกฤษ โดยทั้งสองฝ่ายมีความยินดีพร้อมใจกันที่จะแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน” เจ้าชายแฮร์รีทรงกล่าวไปกับคูเปอร์อย่างนั้น เดลิเมลออนไลน์รายงาน
“และด้วยความที่พระราชวงศ์ทรงมีลำดับชั้นแห่งพระอิสริยยศ ซึ่งพระนางก็ทรงอยู่ในเส้นทางสู่สถานภาพพระราชินีวรราชชายาอันเป็นลำดับชั้นที่สูงยิ่ง พระนางย่อมจะต้องเคลียร์ภาพลักษณ์ติดลบออกไป ดังนั้น มันก็ต้องมีหลายศพถูกทิ้งไว้กลางถนน” ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงกล่าว
ด้านเอพีรายงานด้วยว่า ดยุกทรงเขียนใน SPARE ว่าทรงมีความรู้สึกที่ซับซ้อนเกี่ยวกับพระราชมารดาเลี้ยง โดยพระองค์เชื่อว่าพระนางได้ใช้พระองค์เป็นเครื่องสังเวยเพื่อความสำเร็จในการประชาสัมพันธ์สร้างภาพลักษณ์ดีๆ แต่ดยุกก็ทรงอยากให้ควีนคามิลลามีความสุข เผื่อว่าควีนจะทรงเป็นบุคคลอันตรายน้อยลงเมื่อทรงรู้สึกมีความสุข
พร้อมนี้ ดยุกแฮร์รีทรงขยายความว่า “หากคุณเชื่อว่า ในการเป็นสมาชิกแห่งพระราชวงศ์ การปรากฏภาพบนหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ การมีพาดหัวข่าวดีๆ การมีสกู๊ปเขียนถึงคุณในทางบวก สิ่งเหล่านี้จะปรับปรุงชื่อเสียงของคุณ หรืออย่างน้อยก็เพิ่มโอกาสให้คุณได้รับความยอมรับมากขึ้นในสายตาของพสกนิกรอังกฤษ เมื่อเชื่ออย่างนั้น การรณรงค์ผ่านสายสัมพันธ์กับนักข่าวคือสิ่งที่คุณต้องทำ” ซีเอ็นเอ็นรายงานถ้อยคำเหล่านี้ของดยุกแฮร์รี
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา: เดลิเมลออนไลน์ เดอะเทเลกราฟ เดอะการ์เดียน เอพี ซีเอ็นเอ็น)