xs
xsm
sm
md
lg

ฉาวไปกันใหญ่! เจ้าชายแฮร์รียอมรับเคยเสพ ‘กัญชา-โคเคน’ อ้างช่วยให้รู้สึกแตกต่าง-มองเห็น ‘ความจริง’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เจ้าชายแฮร์รียอมรับผ่านหนังสือบันทึกความทรงจำ ‘Spare’ ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่เร็วๆ นี้ว่า เคยเสพ “โคเคน กัญชา และเห็ดเมา” โดยทรงเชื่อว่าสารเสพติดที่ออกฤทธิ์หลอนประสาทเหล่านี้ช่วยให้พระองค์ได้เห็น “ความเป็นจริง”

หนังสือพิมพ์เดอะเทเลกราฟอ้างข้อมูลจากหนังสือบันทึกความทรงจำของดยุกแห่งซัสเซกซ์ซึ่งเริ่มวางจำหน่ายแล้วในสเปน โดยเจ้าชายระบุว่า ทรงใช้สารเสพติดทั้งเพื่อ “ความสนุก” และเพื่อ “บำบัดรักษา” ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี และถึงขั้นเคยเสพกัญชาภายในสวนของพระราชวังเคนซิงตัน รวมถึงที่โรงเรียนอีตัน

เจ้าชายแฮร์รีทรงอ้างว่า ฤทธิ์ของสารเสพติดช่วยให้พระองค์มองเห็น “อีกโลกหนึ่งที่ไม่มีม่านหมอกสีแดงปกคลุม” และมันช่วยให้พระองค์สามารถ “หลีกหนี” และ “กำหนดคำนิยามใหม่” ให้แก่ชีวิตจริง แม้เมื่อหมดฤทธิ์ยาแล้วก็ยังทรงสามารถมองเห็นอีกโลกหนึ่งที่ “เป็นจริงและสวยงามขึ้นอีกเท่าตัว”

“มีเพียงความจริงเท่านั้นที่คงอยู่” เจ้าชายระบุ

พระองค์ยอมรับว่าเคยเสพกัญชาหลายครั้ง และตอนที่เสด็จฯ ไปแคลิฟอร์เนียกับพระสหายเมื่อเดือน ม.ค. ปี 2016 ก็ได้ทรงดื่มเตกีล่า และทดลองเสพเห็ดเมาจนกระทั่งประสาทหลอน ทรงเห็นถังขยะในห้องน้ำ “จ้องหน้า” พระองค์ ก่อนจะมี “หัว” งอกออกมา จากนั้นมันก็เริ่ม “พูดคุย” กับพระองค์

เจ้าชายแฮร์รียังเคยเสพโคเคนที่บ้านในชนบทของพระสหายระหว่างยังทรงเป็นวัยรุ่น ซึ่งทรงยอมรับว่าไม่สนุกและไม่ได้ทำให้มีความสุข แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้สึก “แตกต่าง” และทรงมองว่านั่นคือจุดประสงค์หลัก เพราะสำหรับพระองค์ในตอนนั้นซึ่งเป็น “เด็กหนุ่มอายุ 17 ที่ไม่มีความสุขเลย” ทรงพร้อมที่จะลองทำทุกอย่างเพื่อให้หลุดพ้นจากกฎระเบียบที่ถูกเซ็ตขึ้นมา

ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงตระหนักในเวลาต่อมาว่า การใช้สารเสพติดเหล่านี้มีโทษมากกว่าคุณ และหากถูกจับได้ก็อาจส่งผลกระทบกระเทือนถึงสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ซึ่งในตอนนั้นเป็นช่วงใกล้พระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปีพอดีด้วย

เจ้าชายยังทรงเล่าว่า เคยมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งอ้างว่าได้รูปถ่ายของพระองค์ขณะกำลังเสพโคเคน และขอให้ประทานสัมภาษณ์เพื่อแลกกับการไม่ตีพิมพ์ภาพดังกล่าว ทว่าเจ้าชายแฮร์รีทรงปฏิเสธ และยืนยันหนักแน่นว่าไม่เคยมีพฤติกรรมแบบนั้น ปรากฏว่ากลยุทธ์ดังกล่าวได้ผล และภาพนั้นไม่เคยถูกเผยแพร่มาก่อน

ที่มา : The Telegraph


กำลังโหลดความคิดเห็น