อุทัยธานี - อดีตเมียเผยนาทีสามีเก่าที่แยกกันอยู่มาร่วมครึ่งปีบุกกระหน่ำฟันคาร้านขายข้าวสารกลางตลาดหนองฉาง ยันไม่ทนแล้ว ไม่ยอมความแน่ ให้ร้องถึง “ปวีณา” ก็จะทำ
ความคืบหน้ากรณี นายบุญมา ล้าทองคำ วัย 55 ปี บุกใช้มีดกระหน่ำฟันอดีตภรรยาวัย 50 ปี คาร้านจำหน่ายข้าวสาร กลางตลาดสดเขตเทศบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี เมื่อเวลาประมาณ 12.16 น.ของวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา โดยอ้างเหตุความคับแค้นใจ-ปักใจว่าฝ่ายอดีตภรรยาแอบนอกใจ จนเป็นเหตุทำให้ต้องเลิกรากันมาแล้วประมาณ 6 เดือน ก่อนที่พ่อค้าแม่ค้าจะเข้าไปช่วยเหลือระงับเหตุการณ์ครั้งนี้ไว้ได้ทัน ทำให้ฝ่ายภรรยาได้รับบาดเจ็บและถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหนองฉางในเวลาต่อมา
ล่าสุดเช้าวันนี้ (6 ม.ค. 66) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านพักของอดีตภรรยา วัย 50 ปี ในพื้นที่หมู่ 9 ต.หนองยาง อ.หนองฉาง เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว ซึ่งบรรยากาศที่บ้านพักของทั้งคู่นั้นยังคงปิดเงียบ ฝ่ายครอบครัวของผู้บาดเจ็บยังไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติมใดๆ ส่วนผู้บาดเจ็บขณะนี้พ้นขีดอันตราย และยังพักรักษาตัวอยู่ภายในโรงพยาบาลหนองฉาง
ขณะที่นายใหญ่ธีร์ อินเล็ก ผู้ใหญ่บ้านที่อดีตสามีภรรยาอาศัยอยู่ เปิดเผยว่า นายบุญมา ผู้ก่อเหตุพื้นเพเป็นคนต่างจังหวัด และได้มาอาศัยอยู่บ้านของฝ่ายภรรยา อยู่กินกันมาจนลูกโตและบวชเรียนแล้ว ปกติก็เป็นคนนิสัยดี เป็นคนทำมาหากิน อาจจะมีข้อเสียเรื่องดื่มสุราอยู่บ้าง ขณะที่ก่อนหน้านี้ทั้งคู่มีอาชีพขายขนมครกด้วยกัน มาพักหลังนางศุภาวรรณ ผู้บาดเจ็บ ได้ไปเป็นลูกจ้างที่ร้านขายข้าวสาร ก็ไม่มีเหตุทะเลาะอะไรรุนแรง
แต่ด้วยช่วงหลังฝั่งอดีตภรรยาได้ฟ้องหย่า ซึ่งตนเองก็ไม่รู้เรื่องภายในอะไรมากแต่รู้ว่าแยกกันอยู่พักหนึ่งแล้ว โดยนายบุญมา เคยมากดน้ำที่ตู้หน้าบ้านของตนเอง และบอกว่าภรรยาหนีจะฆ่าทิ้ง ซึ่งตอนนั้นตนก็ยังห้ามปรามว่าอย่าทำแบบนั้นเลย ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นคาดว่าคงไม่ได้ตั้งใจถึงกับเอาชีวิต แต่อาจจะคล้ายกับว่าเป็นการข่มขู่ เพราะหากจะฆ่ากันจริงๆ แล้วด้วยมีดที่มีความยาวขนาดนั้นฟันทีเดียวก็ตายแล้ว
ต่อมา นางศุภาวรรณ ผู้บาดเจ็บ ได้ติดต่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้สื่อข่าวผ่านวิดีโอคอล ว่าตอนนี้ยังมีอาการปวดศีรษะและเจ็บระบมตามร่างกาย ซึ่งวันที่เกิดเหตุอดีตสามีของตนได้เดินเข้ามาภายในร้านขายข้าวสารแล้วใช้มีดกระหน่ำฟันทันทีโดยที่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ
“ก่อนหน้านี้นายบุญมาเคยทำร้ายร่างกายฉันมาหลายครั้งมาก แต่ไม่ได้ไปแจ้งความดำเนินคดี จนมาครั้งนี้ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงขอแยกทาง เพราะทำร้ายรุนแรงมากเกินไปจริงๆ จึงไม่ยอมให้อภัยแล้ว จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และไม่มีทางที่จะกลับไปคืนดีด้วยอีกแล้ว หากต้องร้องไปถึงมูลนิธิปวีณา หงสกุล ฉันก็จะทำ” นางศุภาวรรณกล่าว