เสมือนหนึ่งเจ้าชายแฮร์รีจะถูกพสกนิกรในอังกฤษพร้อมใจกันบอยคอตโดยมิได้นัดหมาย ทั้งนี้ ในขณะที่บริษัทผู้จัดพิมพ์ SPARE ประกาศว่าบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี ทำสถิติยอดขาย 24 ชั่วโมงแรกสูงถึง 1.4 ล้านฉบับ แต่มหกรรมเปิดตัวหนังสือ SPARE ซึ่งประเดิมเริ่มขายกันตั้งแต่ 00.00 น.ของวันแรกแห่งการวางแผง มีบรรยากาศหลอนอย่างยิ่ง นอกจากจะไม่มีปรากฏการณ์ที่ผู้คนแห่แหนไปเข้าคิวรอซื้อเป็นแถวยาวเหยียดแบบที่เกิดขึ้นกับหนังสือสุดยอดขายดีทั้งหลายแล้ว ภายในห้างขายหนังสือเจ้าใหญ่เจ้าดังในลอนดอนยังมีสื่อมวลชนรอทำข่าวมากกว่าจำนวนคนเข้าร้าน บางแห่งมีลูกค้าไม่ถึง 2 คน
ในห้วงเดียวกัน คะแนนนิยมของปรินซ์แฮร์รี ดยุกแห่งซัสเซกซ์ ก็ง่อยหนักกว่าที่เคยเสื่อมจัดๆ ในปี 2022 โดยอยู่ในสถานการณ์ที่เรตติ้งความนิยมสุทธิถดถอยลงเรื่อยๆ ภายในแดนลบ กล่าวก็คือ ติดลบแล้วติดลบอีก ทั้งนี้ ผลสำรวจครั้งใหม่เอี่ยมเมื่อวันที่ 12-13 มกราคม 2023 เรตติ้งความนิยมสุทธิของพระองค์ดิ่งทรุดสู่ระดับนิวโลว์ ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ คืออยู่ที่ -44 ทั้งนี้ เรตติ้งดังกล่าวเป็นนิวโลว์ใหม่ที่ย่ำแย่กว่านิวโลว์ของเมื่อสัปดาห์แรกแห่งปีกระต่ายซึ่งอยู่ที่ -38
‘หนังสือ SPARE ของปรินซ์แฮร์รี เป็นหนังสือกลุ่มที่ไม่ใช่นิยายที่ขายได้เร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ครับ’ รอยเตอร์รายงานอย่างนั้นตั้งแต่วันแรกที่หนังสือวางแผงอังคารที่ 10 มกราคม 2023 โดยในช่วงค่ำวันนั้นของอังกฤษ ยอดขายวิ่งไปถึง 400,000 เล่ม
“ทางเรามองเห็นมาตลอดนะครับว่าหนังสือเล่มนี้จะปลิวว่อนไปสู่มือนักอ่าน แต่ขนาดว่าเราคาดไว้ว่าจะแรงสุดๆ นี่มันเกินกว่าที่เราคาดเสียอีก” เอพีรายงานถ้อยแถลงของ แลร์รี ฟินเลย์ กรรมการผู้จัดการแห่งสำนักพิมพ์เพนกวิน แรนดอม เฮาส์ ไว้อย่างนั้น
กก.ผจก.นามว่า ฟินเลย์ อวดโอ่เพิ่มเติมด้วยว่า เท่าที่ได้ทราบมา หนังสือที่ทำยอดขายวันแรกได้สูงกว่า SPARE ของเจ้าชายแฮร์รี คือบรรดาหนังสือที่มีพระเอกเป็นอีกหนึ่ง แฮร์รี ผู้โด่งดังของชาวโลก คือ แฮร์รี ที่นามสกุลว่า พอตเตอร์
ในวันต่อมา เพนกวิน แรนดอม เฮาส์ บริษัทผู้จัดพิมพ์หนังสือค่ายมหึมาที่สุดของโลก ประกาศ ว่ายอดขาย SPARE ทั้งหมดที่เกิดขั้นในสหรัฐอเมริกา แคนาดา และอังกฤษ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกของการเปิดขาย พุ่งสูงมากกว่า 1.4 ล้านเล่ม โดยรวมหมดทั้งกลุ่มปกแข็ง กลุ่มอี-บุ๊ก และกลุ่มหนังสือเสียง
ตัวเลขดังกล่าวนี้ทำลายสถิติหนังสือกลุ่มที่ไม่ใช่หนังสือนิยายนิทานที่มียอดจำหน่ายพุ่งรวดเร็วที่สุด คือ หนังสือเรื่อง Becoming อัตชีวประวัติของ มิเชล โอบามา อดีตสุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ Becoming ใช้เวลา 1 สัปดาห์กว่าที่ยอดขายจะพุ่งถึงระดับ 1.4 ล้านเล่มในปี 2018 เอพีรายงาน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของยอดขายที่หน้าร้าน ซึ่งมีกิจกรรมส่งเสริมการขายพิเศษเพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัวหนังสือ SPARE วางแผงวันแรกนั้น บรรยากาศซบเซาเป็นอย่างยิ่ง
นึกว่าคนจะแห่เข้าคิวซื้อ SPARE ยาวเหยียดถึงหัวถนน นี่มีฉันมารอคนเดียว
ห้างขายหนังสือในกรุงลอนดอนหลายแห่งเปิดบริการตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างในวันที่ 10 มกราคม 2023 เพื่อฉลองการเปิดตัววันแรกของ SPARE หนังสือบันทึกความทรงจำของเจ้าชายแฮร์รี วางแผงอย่างหรู แต่สภาพการณ์ที่นักข่าวและช่างภาพได้พบคือ แทนที่จะมีกองทัพนักอ่านและแฟนคลับของดยุกแห่งซัสเซกซ์แห่กันไปท่วมท้นห้างร้านบุ๊กชอปต่างๆ กลับมีลูกค้าไม่กี่รายไปอุดหนุน เดลิเมลออนไลน์ สื่อหัวสีค่ายใหญ่ยักษ์ของอังกฤษรายงาน
ณ พิคคะดิลลี จัตุรัสใจกลางกรุงลอนดอน ห้างวอเตอร์สโตนส์ ห้างขายหนังสือใหญ่ยักษ์ที่สุดของยุโรปด้วยพื้นที่ขายหนังสือรวม 7 ชั้น เปิดขายตั้งแต่รุ่งสาง ได้จัดอีเวนต์พิเศษให้แฟนหนังสือสามารถกรูกันเข้าไปจับจองแย่งซื้อหนังสือ SPARE ได้ตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง แทนที่จะต้องรอให้ห้างเปิดตามตารางเวลาปกติ ณ 09.00 น. กระนั้นก็ตาม มีคุณลูกค้า แคโรไลน์ เลนนอน วัย 59 กะรัตเพียงรายเดียวที่เดิน 2 ไมล์จากที่พักในถิ่นเบธนัล กรีน ไปเข้าคิวรอซื้อ “SPARE” ตอนที่วอเตอร์สโตนส์เปิดบริการเวลา 06.00 น.
“นึกว่าคนจะแห่เข้าคิวซื้อ SPARE ยาวเหยียดถึงหัวถนน” เลนนอน สาวสูงวัย กล่าวกับนักข่าวและช่างภาพที่ด้านหน้าวอเตอร์สโตนส์ นอกจากนั้น ได้ให้สัมภาษณ์เดลิเมลออนไลน์ว่า
“ดิฉันไม่แคร์นะคะใครจะพูดอะไร คนคงจะวิจารณ์ดิฉันแล้วบอกว่า ‘คนโง่อะไรอย่างนี้ที่ไปชอบปรินซ์แฮร์รี คนโง่อะไรอย่างนี้ที่ไปเข้าคิวรอซื้อหนังสือปรินซ์’ แต่ดิฉันไม่แคร์นะคะที่ใครจะพูดอะไร
“ความรู้สึกที่ดิฉันมีต่อปรินซ์แฮร์รีกับปรินซ์วิลเลียม คือ ทั้งสองควรจะร่วมมือกันแก้ปัญหา เห็นแก่พระเจ้าเถิดค่ะ ชีวิตคนเรานั้นสั้นนัก” คาโรไลน์ เลนนอน ให้สัมภาษณ์แก่เดลิเมลออนไลน์
หลังจากนั้นก็เดินออกจากห้างหนังสือพร้อม SPARE ที่เธอสอยมา 1 เล่ม และเปิดโอกาสให้บรรดาช่างภาพจากสารพัดค่ายได้ถ่ายรูปเธออย่างพรึ่บพรั่บที่ประตูห้าง
นอกจากสาวเลนนอนแล้ว ในท้ายๆ ชั่วโมงแรกที่วอเตอร์สโตนส์ เปิดให้บริการ ณ อังคารที่ 10 มกราคมนั้น ห้างขายหนังสือไซส์มหึมาสุดหรูแห่งนี้มีลูกค้ารายอื่นอีก 2 คน หนึ่งในนั้นคือ เจมส์ แบรดลีย์ วัย 61 กะรัต หนุ่มใหญ่จากถิ่นแฮมเมอร์สมิธในเวสต์ลอนดอน เขาซื้อ SPARE ไป 1 เล่ม โดยกะจะหยิบขึ้นอ่านในช่วงวันหยุดที่จะไปเที่ยวกับเพื่อน
“ผมคิดว่าหนังสือเล่มนี้สร้างความเสียหายมากมายแก่ปรินซ์แฮร์รีครับ” หนุ่มใหญ่นามแบรดลีย์ ให้ความเห็นแก่เดลิเมลออนไลน์ และบอกด้วยว่าพระราชวงศ์อังกฤษไม่น่าจะได้รับความเสียหายเดือดร้อนอันใดจากสิ่งที่หนังสือ SPARE นำเสนอ
“พวกเราเจอเรื่องทำนองนี้กันมาหลายทศวรรษแล้วครับ แล้วทุกอย่างก็ดำเนินต่อไป มันเป็นแค่เรื่องเดิมๆ ที่เพิ่มขึ้นมาหน่อยเท่านั้น แต่ละพระองค์ก็แค่ยักไหล่ แล้วดำเนินชีวิตเป็นพระราชวงศ์กันต่อไป เดี๋ยวอีก 6 เดือนข้างหน้า พวกเราก็จะเลิกพูดถึงเรื่องราวเหล่านี้แล้วล่ะครับ”
คุณแบรดลีย์กล่าว และให้ความเห็นแบบคนมองโลกแง่ดีว่า เรื่องปรินซ์แฮร์รีช่วยเบี่ยงเบนความรู้สึกของคนอังกฤษออกจากปัญหารอบตัว ทั้งปัญหานัดหยุดงานและปัญหาอื่นๆ มากมายที่ต้องเผชิญในฤดูหนาวอันหฤโหด เพราะนี่เป็นความบันเทิงเบาๆ ให้ได้ลืมชีวิตจริงกันบ้าง
ห้างหนังสือ WH Smith จัดมหกรรมอีเวนต์ SPARE เปิดขายตั้งแต่ 00.00 น. ของวันดีเดย์ 10 ม.ค.2023
มีลูกค้ากลุ่มกะทัดรัด 3-4 รายรออุดหนุนอัตชีวประวัติของเจ้าชายแฮร์รี ตอนที่ห้างหนังสือ WH Smith สาขาสถานีรถไฟวิคตอเรีย เซ็นทรัลลอนดอน เปิดประตูเพื่อเริ่มอีเวนต์พิเศษที่จัดขึ้นสำหรับการเปิดตัวหนังสือ SPARE ณ เวลา 00.00 น. ของวันดีเดย์ 10 มกราคม 2023
ในกลุ่มนี้มีโปรเฟสเซอร์คริส อิมาฟิดอน ประธานกลุ่มการกุศล The Excellence in Education (EIE) เดินทางจากเคาน์ตีเอสเซกซ์ มายืนหัวคิวรอซื้อหนังสือ SPARE ตั้งแต่เวลาประมาณ 21.30 น. ของวันที่ 9 มกราคม
โปรเฟสเซอร์อิมาฟิดอน จึงได้เป็นลูกค้ารายแรกของ WH Smith ที่อุดหนุนผลงานประพันธ์ของเจ้าชายแฮร์รี โดยสอยไปมากถึง 3 เล่ม และได้ให้สัมภาษณ์ว่าตนเป็นแฟนคลับของพระราชวงศ์ เพราะพระราชวงศ์ทรงประทานความช่วยเหลือแก่ EIE มากกว่านักการเมืองรายใด และบอกด้วยว่าต้องการทราบข้อมูลของปรินซ์เฮนรีจากพระโอษฐ์ของปรินซ์เอง
คะแนนนิยม ‘แฮร์รี’ ดิ่งแล้วดิ่งอีก ทำ “นิวโลว์” ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ -44 และ คน 64% มองปรินซ์ในแง่ลบ
ราวกับว่าเจ้าชายแฮร์รี พระราชโอรสพระองค์เล็กของสมเด็จพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 จะถูกพสกนิกรในอังกฤษพร้อมใจกันบอยคอตโดยมิได้นัดหมาย จนกระทั่งว่าคะแนนนิยมที่ทรงได้รับนับวันแต่จะย่ำแย่สาหัสยิ่งๆ ขึ้นไป
เจ้าชายแฮร์รี เคยเป็นที่รักและเอ็นดูของพสกนิกรทั้งในกลุ่มผู้เฒ่าผู้แก่ ไปจนถึงกลุ่มวัยรุ่น ซึ่งมองว่าพระองค์เป็นราชนิกุลที่ทันสมัย ติดดิน และน่าสงสารที่กำพร้าแม่ คะแนนนิยมที่ทรงได้รับจากสาธารณชนเคยไต่ขึ้นสูงถึงระดับ +70% ในปี 2017 หรือก็คือ 1 ปีก่อนที่จะทรงเสกสมรสกับนางเมแกน มาร์เคิล นักแสดงสาวชาวอเมริกัน
6 ปีผ่านไป คะแนนนิยมของพระองค์ถดถอยง่อยหนักอย่างต่อเนื่อง และตั้งแต่ปี 2021 มาจนปัจจุบัน คะแนนนิยมสุทธิของพระองค์ได้ตกเข้าสู่ระดับติดลบซึ่งก็คือมีผู้ที่ไม่นิยมชมชอบพระองค์มากกว่าผู้ที่นิยม หลังการให้สัมภาษณ์แก่รายการ โอปราห์ โชว์ ซึ่งทรงโจมตีพระราชวงศ์อังกฤษเสียๆ หายๆ
เมื่อเปิดศักราช 2023 ขึ้นมา ผลสำรวจรอบใหม่โดย YouGov ในสัปดาห์นี้เมื่อ 12-13 มกราคม ปรากฏว่าเรตติ้งความนิยมสุทธิที่ดยุกแฮร์รีแห่งซัสเซกส์ได้รับ (ผลต่างระหว่างผู้ที่ไม่ชมชอบพระองค์กับผู้ที่ชมชอบ) มีการดิ่งลึกอย่างน่าตกใจโดยถดถอยอยู่ในแดนลบอย่างต่อเนื่อง และร่วงลงทำนิวโลว์ระดับใหม่อยู่ที่ -44 หลังจากที่เพิ่งทำนิวโลว์ระดับใหม่ที่ -38 ในสัปดาห์ที่แล้วอันเป็นสัปดาห์ฟ้าใหม่ของปีนี้ เดลิเมลออนไลน์รายงาน
พร้อมกันนี้ YouGov ประกาศด้วยว่าเกือบ 7 ใน 10 คนอังกฤษ มองเจ้าชายแฮร์รีด้วยความรู้สึกติดลบ ซึ่งแปรเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ที่ 68% หรือก็คือว่าเหลือคนไม่ถึงหนึ่งในสี่ที่มองพระองค์ในทางบวก
ยิ่งกว่านั้น ในกลุ่มผู้สูงวัยชาวอังกฤษอายุสูงกว่า 65 ปี สัดส่วนของผู้ที่มองเจ้าชายแฮร์รีด้วยทัศนคติติดลบสูงถึง 73% สูงกว่าสัดส่วน 60% ที่มองด้วยทัศนคติติบลบต่อเจ้าชายแอนดรูว์ เสด็จอาผู้อื้อฉาวของเจ้าชายแฮร์รี และเป็นผู้ที่ถูกเจ้าชายขบกัดไว้ ในหนังสือ SPARE ว่า จะอย่างไรเสียตัวพระองค์ไม่มีความเสื่อมเสียในเรื่องอาชญากรรมทางเพศ
ในเวลาเดียวกัน กลุ่มผู้สูงวัยราว 2 ใน 5 เชื่อว่าแรงจูงใจที่ทำให้เจ้าชายแฮร์รีทรงโจมตีครอบครัวของพระองค์มาจากความต้องการเงิน
ส่วนสำหรับเรตติ้งความนิยมที่ดยุกแห่งซัสเซกซ์ทรงมีเหลืออยู่บ้างนั้น อยู่ที่ระดับ 24% ณ ห้วงการสำรวจโดย YouGov ในสัปดาห์นี้ โดยต่ำกว่าสมเด็จพระราชินี พระวรราชชายา ประมาณครึ่งต่อครึ่งเพราะเรตติ้งที่ควีนคามิลลา ทรงได้รับอยู่ที่ 46%
แต่เรตติ้งหมวดนี้ของดยุกแฮร์รียังไม่ถึงกับรั้งท้าย กล่าวคือ ยังดีกว่าดยุกแอนดรูว์แห่งยอร์ก ซึ่งได้เรตติ้งความนิยมกะลิบกะร่อยที่ 7%
ทั้งนี้ การสำรวจดังกล่าวโดย YouGov ใช้ขนาดของกลุ่มตัวอย่างชาวอังกฤษวัยผู้ใหญ่จำนวน 1,691 ราย เดลิเมลออนไลน์ให้รายละเอียดไว้อย่างนั้น
โดย รัศมี มีเรื่องเล่า
(ที่มา : เดลิเมล์ออนไลน์, เอพี, รอยเตอร์)