กระทรวงกลาโหมเบลารุสแถลงวานนี้ (25 ธ.ค.) ว่า ขีปนาวุธทางยุทธวิธีอิสกันเดอร์ (Iskander tactical missile systems) และระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 ที่รัสเซียนำมาติดตั้งในดินแดนของเบลารุส อยู่ในสถานะ “พร้อมใช้งาน” ตามเป้าหมายที่กำหนดแล้ว
เลโอนิด คาซินสกี หัวหน้ากองอำนวยการฝ่ายอุดมการณ์ (Main Directorate of Ideology) ในสังกัดกระทรวงกลาโหมเบลารุส กล่าวในคลิปวิดีโอที่โพสต์ลงแอป Telegram ว่า “ทหารและบุคลากรของเราได้ผ่านการฝึกจนสำเร็จลุล่วงที่ศูนย์ฝึกร่วมระหว่างกองทัพสหพันธรัฐรัสเซียและสาธารณรัฐเบลารุส”
“ระบบอาวุธดังกล่าว (ขีปนาวุธอิสกันเดอร์และ S-400) ถูกนำเข้าประจำการในวันนี้ และมีความพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะปฏิบัติภารกิจตามเป้าหมายที่กำหนดไว้”
ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่า ขีปนาวุธอิสกันเดอร์ซึ่งมีศักยภาพติด “หัวรบนิวเคลียร์” ถูกส่งเข้าประจำการในเบลารุสกี่มากน้อย หลังจากที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเคยประกาศไว้เมื่อเดือน มิ.ย. ว่า มอสโกจะส่งทั้งขีปนาวุธอิสกันเดอร์ และระบบ S-400 ให้เบลารุส
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ ปูติน เดินทางไปเยือนเบลารุสเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีครึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่อกรุงมินสก์ให้ช่วยสนับสนุนปฏิบัติการโจมตียูเครนที่ยืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 10
รัสเซียเคยพยายามใช้เบลารุสเป็นฐานยิงโจมตีกรุงเคียฟของยูเครนเมื่อเดือน ก.พ. และในช่วงไม่กี่เดือนมานี้กองทัพทั้ง 2 ชาติมีการทำกิจกรรมทางทหารร่วมกันอยู่บ่อยครั้ง
ขีปนาวุธ Iskander-M ซึ่งองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ตั้งฉายาเป็นรหัสว่า ‘SS-26 Stone’ เป็นขีปนาวุธนำวิถีเคลื่อนที่รุ่นใหม่ซึ่งถูกนำมาใช้แทนที่ขีปนาวุธสกั๊ด (Scud) ในยุคโซเวียต สามารถติดตั้งได้ทั้งหัวรบดั้งเดิม หรือหัวรบนิวเคลียร์ และด้วยพิสัยการยิงสูงสุดถึง 500 กิโลเมตรทำให้มันสามารถจู่โจมเป้าหมายในประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครนและโปแลนด์ได้
สำหรับ S-400 นั้นเป็นระบบขีปนาวุธสกัดกั้นชนิดยิงจากพื้นดินสู่อากาศ (SAM) ที่สามารถโจมตีได้ทั้งเครื่องบิน โดรน รวมไปถึงขีปนาวุธร่อน
ที่มา : รอยเตอร์