โครงข่ายกระแสไฟฟ้าเกือบครึ่งหนึ่งของยูเครน ยังคงได้รับความเสียหาย บริษัทเอกชนรายใหญ่ที่สุดซึ่งดำเนินกิจการด้านนี้แถลงในวันพฤหัสบดี (1 ธ.ค.) หนึ่งสัปดาห์หลังจากรัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศนี้ในระลอกล่าสุด และหนึ่งวันภายหลังหน่วยงานฉุกเฉินของทางการเคียฟระบุว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้กว่า 100 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตไป 9 คนในรอบ 24 ชั่วโมง สืบเนื่องจากชาวยูเครนจำนวนมากละเมิดกฎความปลอดภัยด้านอัคคีภัย เมื่อพยายามหาทางทำความอบอุ่นให้ตนเอง ท่ามกลางอากาศอันหนาวเย็นแต่ไม่มีไฟฟ้าใช้
DTEK บริษัทนักลงทุนภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมพลังงานในยูเครน ระบุในคำแถลงเผยแพร่ทางโซเชียลมีเดียวันพุธว่า “รัสเซียได้ทำลายระบบพลังงานของยูเครนไป 40% ด้วยการใช้ขีปนาวุธโจมตีแบบผู้ก่อการร้าย มีพนักงานด้านพลังงานหลายสิบคนถูกฆ่าและได้รับบาดเจ็บ”
ทั้งนี้ตั้งแต่เดือนตุลาคม รัสเซียเริ่มพุ่งเป้าหมายเล่นงานสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ทางด้านพลังงาน จนเกิดความเสียหายอย่รางหนัก และทำให้เกิดการขาดแคลนไฟฟ้า โดยเฉพาะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว การโจมตีขนาดมหึมาต่อเนื่องเป็นชุดระลอกล่าสุดของรัสเซียใส่โครงสร้างพื้นฐานด้านนี้ ทำให้แคว้นต่างๆ ทั่วทั้งยูเครนตกอยู่ในความหนาวเย็นและความมืดมิด
“พวกวิศวกรไฟฟ้ากำลังทำทุกๆ อย่างทั้งที่สามารถทำได้และทั้งที่ไม่สามารถทำได้ เพื่อทำให้สถานการณ์กลับสู่เสถียรภาพในเรื่องของการจ่ายไฟฟ้า” บริษัทรายนี้ระบุ พร้อมกับย้ำว่าทีมเทคนิคทีมต่างๆ ของบริษัทกำลังทำงาน “ทั้งวันทั้งคืน” เพื่อซ่อมแซมโครงสร้างพื้นฐานทางด้านนี้ให้กลับมาใช้งานได้โดยเร็ว
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันพุธ (30 พ.ย.) สำนักงานบริการฉุกเฉินแห่งรัฐของยูเครนเพิ่งแถลงว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้เพิ่มสูงขึ้นมาก เฉพาะในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ยูเครนเกิดไฟไหม้ 131 ครั้ง ซึ่ง 106 ครั้งเกิดขึ้นในที่พักอาศัย โดยมีผู้เสียชีวิต 9 คน และบาดเจ็บ 8 คน โดยสาเหตุสำคัญเนื่องจากประชาชนพากันละเมิดกฎ ขณะพยายามบรรเทาความหนาวเย็น หลังจากการโจมตีของรัสเซียทำให้กระแสไฟฟ้าดับ
คำแถลงของสำนักงานเสริมว่า ประชาชนจำนวนมากขึ้นหันไปพึ่งพวกเครื่องปั่นไฟฉุกเฉิน เทียน และถังแก๊ส เพื่อทำให้ภายในบ้านอบอุ่นขณะที่ไฟฟ้าดับ ซึ่งถือว่า ละเมิดกฎความปลอดภัยด้านอัคคีภัย
สำนักงานแห่งนี้บอกว่า มีการใช้เครื่องปั่นไฟฟ้าฉุกเฉินโดยวางอยู่ตามระเบียง การนำเอาถังก๊าซมาไว้ในห้องพักอพาร์ตเมนต์ ตลอดจนการจุดเทียนไข นอกจากนั้นมีการใช้ผลิตภัณฑ์ซึ่งไม่ผ่านการตรวจสอบรับรอง เพื่อทำความร้อนและประกอบอาหาร กลายเป็นสาเหตุให้เกิดเพลิงไหม้และการระเบิดในอาคารสูงและอาคารส่วนตัวบ่อยขึ้นมาก
แนวโน้มการใช้พลังงานในยูเครนกำลังเพิ่มสูงขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาว โดยสำนักงานพยากรณ์อากาศระบุว่า อุณหภูมิในกรุงเคียฟจะลดลงอยู่ที่ลบ 6 องศาเซลเซียสในช่วงกลางคืน และจะลดต่ำลงอีกในเร็วๆ นี้
สถานการณ์การสู้รบ
สำหรับสถานการณ์การสู้รบ กองเสนาธิการใหญ่แห่งกองทัพยูเครนแถลงในคืนวันพุธว่า ในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีการสู้รบหนักหน่วงที่สุดเวลานี้ กองกำลังรัสเซียพยายามรุกขยายพื้นที่และระดมโจมตีหลายเมือง เป็นต้นว่า บัคห์มุต โซเลดาร์ และโอปีตเน
ส่วนแนวรบทางภาคใต้นั้น กองกำลังรัสเซียเข้ายึดที่มั่นเพื่อการป้องกัน และใช้รถถังแล่นบนรางรถไฟ, ปืนครก, และปืนใหญ่ จรวดหลายลำกล้อง ยิงใส่ที่มั่นต่างๆ ของฝ่ายยูเครน ตลอดจนถล่มใส่เมืองเคียร์ซอน ซึ่งฝ่ายรัสเซียถอนตัวออกมาก่อนหน้าในเดือนพฤศจิกายน
นอกจากนั้นยังมีรายงานกิจกรรมในสนามรบอื่นๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคกลางของยูเครนอีกด้วย
ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี้ กล่าวในการปราศรัยทางออนไลน์ที่ทำเป็นประจำทุกคืนเมื่อคืนวันพุธว่า ยูเครนกำลังวิเคราะห์เจตนาของฝ่ายรัสเซีย และเตรียมมาตรการตอบโต้ พร้อมกับคุยว่าจะเป็นมาตรการตอบโต้ที่รุนแรงยิ่งกว่าในปัจจุบันอีก
ในอีกด้านหนึ่ง ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมเป็นเวลา 2 วันเมื่อวันพุธ บรรดา รัฐมนตรีต่างประเทศของกลุ่มพันธมิตรนาโตได้ประกาศให้ความช่วยเหลือแก่เพื่อนบ้านของยูเครน อย่าง มอลโดวา จอร์เจีย และบอสเนีย-เฮอร์เซโกวีนา ที่เผชิญการกดดันจากมอสโก
วันเดียวกันนั้น อเมริกายังทำสัญญามูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์ ให้บริษัทเรย์ธีออน ของสหรัฐฯเป็นผลิตระบบขีปนาวุธจากพื้นผิวสู่อากาศขั้นสูงแห่งชาติ (NASAMS) ที่จะส่งมอบให้ยูเครน
ขณะเดียวกัน แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยังกล่าวหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียว่า พุ่งเป้าความแค้นและการโจมตีที่พลเรือนยูเครนด้วยการทำลายระบบจ่ายความร้อน น้ำประปา และไฟฟ้า พร้อมบอกว่าวิธีการของมอสโกไม่สามารถทำให้พันธมิตรที่สนับสนุนยูเครนแตกแยกกัน
ด้านเซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวตอบโต้ระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันพฤหัสฯ (1 ธ.ค.) ว่า อเมริกาและพันธมิตรในกลุ่มองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) กำลังมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงในสงคราม เนื่องจากเป็นผู้จัดหาอาวุธให้ยูเครน อีกทั้งยังจัดการฝึกทหารให้ยูเครนในดินแดนของตนเอง
ลาฟรอฟยังปกป้องการโจมตีของรัสเซียต่อโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน ที่เคียฟและตะวันตกกล่าวหาว่า เป็นการก่ออาชญากรรมต่อพลเรือน โดยบอกว่า มอสโกทำให้โรงไฟฟ้าในยูเครนทำงานไม่ได้เพื่อไม่ให้ตะวันตกเข้าไปผลิตอาวุธเพื่อเข่นฆ่าทหารรัสเซีย
ส่วน มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย กล่าววิจารณ์ในวันพุธว่า ผลการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศนาโตแสดงให้เห็นว่า พันธมิตรทางการทหารกลุ่มนี้ไม่สนใจที่จะแก้ไขความขัดแย้งในยูเครนด้วยแนวทางทางการเมืองและการทูต
(ที่มา: รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอเจนซีส์)