พันธมิตรนาโต้ในวันอังคาร (29 พ.ย.) สัญญาจัดหาอาวุธเพิ่มเติมและอุปกรณ์ สำหรับช่วยกู้ไฟฟ้าและความร้อนแก่ยูเครน หลังโครงข่ายทางพลังงานได้รับความเสียหายร้ายแรงจากปฏิบัติการโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนของรัสเซีย ท่ามกลางเสียงร้องขอของเคียฟเกี่ยวกับระบบป้องกันขีปนาวุธแพทริออต อย่างไรก็ตามมันกระตุ้นเสียงเตือนจากมอสโก ที่บอกว่าเหล่านั้นจะกลายเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรมของพวกเขาในทันที
เสียงไซเรนเตือนการถูกโจมตีทางอากาศดังระงมทั่วยูเครนเป็นครั้งแรกในสัปดาห์นี้ กระตุ้นให้ประชาชนหลบหนีออกจากท้องถนนไปหาที่กำบัง ทั้งนี้ แม้ต่อมาได้มีการยกเลิกคำเตือนและปิดเสียงไซเรนทั่วประเทศ แต่มีรายงานว่าในแคว้นโดเนตส์ก ทางภาคตะวันออก กองกำลังรัสเซียได้ยิงถล่มเป้าหมายต่างๆ ของยูเครน ด้วยปืนใหญ่ ปืนครกและรถถัง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศจากพันธมิตรนาโต้ ในนั้นรวมถึง แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เริ่มการประชุม 2 วันในบูคาเรสต์ ในความพยายามหาหนทางช่วยมอบปลอดภัยและความอบอุ่นแก่ประชาชนชาวยูเครน รวมไปถึงสนับสนุนกองทัพเคียฟ ให้ผ่านพ้นสงครามฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน
ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศของยูเครน บอกกับผู้สื่อข่าวรอบนอกการประชุมนาโต้ พาดพิงถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศต่างๆ ของตะวันตก "เราต้องการการป้องกันภัยทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็น ไอริส ฮอว์ก และแพทริออต และเราต้องการหม้อแปลงสำหรับความจำเป็นทางพลังงานของเรา" เขากล่าว "โดยสรุปแล้ว แพทริออตและหม้อแปลงไฟฟ้า เป็นสิ่งที่ยูเครนต้องการมากที่สุด"
คำขอดังกล่าวกระตุ้นเสียงตอบโต้จาก ดมิทรี เมดเวเดฟ อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย ที่ออกมาเตือนนาโต้ต่อการมอบระบบป้องกันขีปนาวุธแพทริออตแก่ยูเครน และตำหนิพันธมิตรทหารข้ามแอตแลนติกแห่งนี้ว่าเป็น "องค์กรอาชญากรรม" สำหรับป้อนอาวุธแก่สิ่งที่เขาเรียกว่า "ยูเครนผู้บ้าคลั่ง"
"ตามที่ เยนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ พูดเป็นนัย ถ้านาโต้มอบระบบแพทริออตแก่ยูเครนผู้บ้าคลั่ง เช่นเดียวกับบุคลากรของนาโต้ พวกมันจะกลายเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรมสำหรับกองกำลังของเราในทันที" เมดเวเดฟเขียนบนเทเลแกรม
สโตลเทนเบิร์ก กล่าวก่อนหน้านี้ว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย "กำลังพยายามใช้อากาศอันหนาวเหน็บเป็นอาวุธแห่งสงคราม" หลังจากกองทัพรัสเซียประสบความปราชัยในสมรภูมิรบ
ในถ้อยแถลงฉบับหนึ่ง บรรดารัฐมนตรีของนาโต้ประณามรัสเซียต่อการโจมตีอย่างไม่ลดละและไร้สามัญสำนึก เล็งเป้าเล่นงานโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนและพลังงานของยูเครน และยืนยันการตัดสินใจในปี 2008 ที่ว่า ท้ายที่สุดแล้วยูเครนจะได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกของพันธมิตรทหารแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ระบุถึงมาตรการที่เป็นรูปเป็นร่างหรือกรอบเวลาที่ชัดเจนใดๆ
พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ และยุโรปเผยว่าบรรดารัฐนตรีนาโต้ จะมุ่งเน้นพูดคุยกันในเรื่องความช่วยเหลือที่ไม่ใช่อาวุธสังหาร เช่น ด้านเชื้อเพลิง เสบียงทางการแทพย์และอุปกรณ์สำหรับใช้ในฤดูหนาว เช่นเดียวกับความช่วยเหลือด้านการทหาร ในขณะที่วอชิงตัน ระบุว่าจะมอบเงิน 53 ล้านดอลลาร์สหรัฐสำหรับซื้ออุปกรณ์โครงข่ายไฟฟ้า
รัฐมนตรีต่างประเทศลิทัวเนีย เรียกร้องให้สมาชิกนาโต้ ตัดสินใจทางการเมือง จัดหารถถังประจัญบานทันสมัยแก่เคียฟ เพื่อความได้เปรียบด้านการทหารเหนือกองกำลังรัสเซีย แต่ดูเหมือนมหาอำนาจตะวันตกลังเลที่จะทำตามข้อเรียกร้องดังกล่าว ด้วยความกังวลว่ามันอาจโหมกระพือความขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซีย
รัสเซียปฏิบัติการโจมตีทางอากาศขนานใหญ่เล็งเป้าหมายถล่มโครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าและความร้อนของยูเครน เกือบทุกสัปดาห์มาตั้งแต่เดือนตุลาคม ในสิ่งที่เคียฟและพันธมิตรบอกว่า เป็นการโจมตีที่จงใจทำร้ายพลเรือน ซึ่งเท่ากับเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม
มอสโกอ้างว่าพวกเขาไม่ได้เล็งเป้าหมายเล่นงานพลเรือน แต่ระบุความทุกข์ทรมานของประชาชนจะจบลงก็ต่อเมื่อเคียฟยอมรับข้อเรียกร้องของพวกเขา ซึ่งไม่ได้บอกว่าคืออะไร ทั้งนี้ แม้เคียฟสอยร่วงห่าขีปนาวุธที่พุ่งเข้ามาได้เป็นส่วนใหญ่ แต่มันก่อความเสียหายสะสมและผลกระทบของการโจมตีแต่ละครั้งก็หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
การโจมตีครั้งหนักหน่วงที่สุดเกิดขึ้นในวันที่ 23 พฤศจิกายน ทำให้ประชาชนชาวยูเครนหลายล้านคน ต้องอยู่ท่ามกลางความหนาวเหน็บและมืดมิด ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เตือนชาวยูเครนเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ คาดหมายว่าอาจต้องเผชิญการโจมตีอีกระลอกเร็วๆ นี้
ปัจจุบันไม่มีการเจรจาทางการเมืองใดๆ ในการยุติสงคราม โดยมอสโกที่ผนวกดินแดนของยูเครนไปก่อนหน้านี้ ประกาศกร้าวว่าจะไม่มีวันยอมปล่อยมือ ส่วน ยูเครน ก็ยืนยันว่าจะสู้รบจนกว่าจะทวงดินแดนที่ถูกยึดครองคืนกลับมาได้ทั้งหมด
เคียฟบอกว่าพวกเขาต้องการอาวุธเพื่อช่วยยุติสงคราม ด้วยชัยชนะ "ไม่มีคำใดที่จะดีไปกว่าการลงมือที่เป็นรูปธรรม แพทริออต เอฟ-16 หรือลีโอพาร์ด สำหรับยูเครน" มีไคโล โพโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนกล่าว อ้างถึงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานและเครื่องบินขับไล่ของสหรัฐฯ และรถถังของเยอรมนี
ในกรุงเคียฟ มีหิมะตกและอุณหภูมิดำดิ่งแตะระดับจุดเยือกแข็ง ในขณะที่ประชาชนหลายล้านคนทั้งในและรอบเมืองหลวงเผชิญปัญหาในการสร้างความอบอุ่นแก่ที่พักอาศัย ทั้งนี้ 1 สัปดาห์ หลังพยายามกู้ระบบไฟฟ้าจากการถูกโจมตีระลอกล่าสุด ทางยูเครเนอร์โก บริษัทผู้ดูแลโครงข่ายไฟฟ้าแห่งชาติ ยอมรับว่าระบบไฟฟ้ายังป้อนพลังงานไม่เพียงพอต่อความต้องการอยู่ราวๆ 30%
(ที่มา : รอยเตอร์)