รัสเซียเปิดเผยว่า กองกำลังของพวกเขารุกคืบในภาคตะวันออก และเคียฟแสดงความสงสัยว่ามอสโกกำลัง "มีแผนบางอย่าง" ในทางภาคใต้ ขณะที่นาโต้ในวันพุธ (30 พ.ย.) หาทางยกระดับการป้องกันประเทศอื่นๆ ที่หวั่นเกรงต่อภาวะไร้เสถียรภาพจากฝีมือของมอสโก
คณะเสนาธิการทหารของยูเครน เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า ทหารของพวกเขาสามารถปัดเป่าการโจมตีของรัสเซีย 6 ระลอกในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ในภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออกของประเทศ ขณะเดียวกัน รัสเซียยิงปืนใหญ่อย่างไม่หยุดหย่อนข้ามแม่น้ำดนิโปร ในนั้นรวมถึงเล็งเป้าใส่เมืองเคียร์ซอน ทางภาคใต้ของประเทศ
คีรีโล ทีโมเชนโก รองหัวหน้าคณะทำงานทำเนียบประธานาธิบดียูเครน เผยว่า เวลานี้สามารถกู้คืนไฟฟ้าที่จ่ายป้อนแก่พวกผู้บริโภคในเคียร์ซอนได้แล้วราวๆ 65% ในขณะที่รัสเซียยังคงระดมยิงปืนใหญ่เข้าใส่เมืองแห่งนี้ นับตั้งแต่ถอนกำลังออกไปเมื่อช่วงกลางเดือน
สภาพอากาศฤดูหนาวเป็นอุปสรรคต่อการสู้รบในภาคสนาม และทางประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เตือนประชาชนว่ารัสเซียอาจระดมโจมตีครั้งใหญ่ เล็งเป้าหมายเล่นงานโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานอันเปราะบางของยูเครนอีกระลอกในสัปดาห์นี้ หลังจากเดินหน้าถล่มอย่างต่อเนื่องเป็นรายสัปดาห์ มาตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม
แอนโทนี บลิวเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวหลังจากเสร็จสิ้นการประชุมนาโต้ในบูคาเรตส์ ว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย เพ่งเล็งไฟแห่งความโกรธเคืองของเขาไปที่พลเรือนยูเครน ด้วยการโจมตีระบบพลังงานที่ป้อนไฟฟ้าและน้ำ มากกว่า 1 ใน 3 ของประเทศ แต่ บลิงเคน บอกว่ายุทธศาสตร์ดังกล่าวจะไม่ได้ผล
นอกจากนี้ บลิวเคน เผยด้วยว่าพันธมิตรทหารแห่งนี้ที่นำโดยสหรัฐฯ ยังแสดงความกังวลเช่นกันต่อความร่วมมือระหว่างจีนกับรัสเซีย
เยน สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการนาโต้ เปิดเผยว่า พันธมิตรนาโต้ได้เสนอมอบความช่วยเหลือแก่ มอลโดวา จอร์เจีย และบอสเนีย ประเทศใกล้เคียงความขัดแย้ง โดยบอกว่าทั้งหมดอยู่ภายใต้แรงกดดันจากรัสเซีย "บทเรียนหนึ่งจากยูเครนก็คือ เราจำเป็นต้องสนับสนุนพวกเขาเดี๋ยวนี้เลย" เขากล่าว ส่วนรัฐมนตรีต่างประเทศเอสโตเนีย เสริมว่า "สัตว์ร้ายต้องการควบคุมทางตะวันตกของแถบบอลข่านเช่นกัน"
เซเลนสกี เผยว่า กองกำลังรัสเซียโจมตีพื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลยูเครนในแคว้นโดเนตส์กและแคว้นลูฮันสก์ ซึ่งรวมกันเป็นภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออกของประเทศ เช่นเดียวกับที่แคว้นคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดินแดนที่ยูเครนเดินหน้ารุกไล่จนพวกเขาล่าถอยไปในเดือนกันยายน
"สถานกาณ์ในแนวหน้ายากลำบากมาก" ประธานาธิบดียูเครนกล่าวปราศรัยผ่านวิดีโอที่ค่ำคืนวันอังคาร (29 พ.ย.) "แม้ประสบความสูญเสียมหาศาล แต่พวกผู้รุกรานยังคงพยายามรุกคืบในภาคตะวันออกและพวกเขามีแผนทำบางอย่างในทางภาคใต้" เขากล่าวโดยปราศจากให้รายละเอียดใดๆ
ในเวลาต่อมา รัสเซียเผยว่ากองกำลังของพวกเขาควบคุมถิ่นพักอาศัย 3 แห่งในแคว้นโดเนตส์ ประกอบด้วย อันดริฟกา เบโลโกรอฟกา และ Pershye Travnya ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว รวมถึงทำลายคลังอาวุธแห่งหนึ่งในแคว้นดนีโปรเปตรอฟสค์ ทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งใช้เป็นสถานที่เก็บระบบจรวดหลายลำกล้อง HIMARS ที่ผลิตโดยสหรัฐฯ
บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศของนาโต้ ซึ่งประชุมกัน 2 วันในบูคาเรสต์ สัญญาว่าจะช่วยเหลือยูเครน รับมือกับสิ่งที่ สโตลเทนเบิร์ก เรียกว่าเป็นความพยายามของรัสเซีย ในการใช้สภาพอากาศหนาวเหน็บ "เป็นอาวุธแห่งสงคราม" และเดินหน้าหนุนหลังยุทธการทางทหารของเคียฟต่อไป
มาเรีย ซาคาโรวา โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ระบุผลการประชุม แสดงให้เห็นว่านาโต้ไม่ได้สนใจหาทางออกทางการเมืองและทางการทูตในยูเครนแม้แต่น้อย
ที่กรุงเคียฟ หิมะตกลงมาแล้วและคาดหมายว่าอุณหภูมิจะอยู่ในระดับต่ำกว่าจุดเยือกแข็งต่อไป ในขณะที่ประชาชนหลายล้านคนทั้งในและรอบๆ เมืองหลวงต้องดิ้นรนหาความร้อนสร้างความอบอุ่นแก่ที่พักอาศัย ตามหลังปฏิบัติการโจมตีระลอกแล้วระลอกเล่าของรัสเซีย ซึ่งก่อความเสียหายแก่โครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานอย่างกว้างขวาง ในสิ่งที่เคียฟและตะวันตกประณามว่าเล็งเป้าหมายทำร้ายพลเรือน และเทียบเท่ากับเป็นการก่ออาชญากรรมสงคราม
รัสเซีย บอกว่ายูเครนสามารถยุติความทุกข์ทรมานด้วยการยอมรับข้อเรียกร้องของพวกเขา ที่ไม่ได้ระบุว่าคืออะไร อย่างไรก็ตามยูเครนยืนกรานว่าจะสู้ต่อไปจนกว่ารัสเซียถอนกำลังออกไปทิ้งหมด "สงครามจะจบลงเมื่อเราชนะ หรือเมื่อรัสเซียต้องการยุติสงคราม" เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับนิวยอร์กไทม์สในวันพุธ (30 พ.ย.) "สหพันธรัฐรัสเซียอาจต้องการมัน เมื่อครั้งที่พวกเขารู้สึกว่าตนเองกำลังอ่อนแอ โดดเดี่ยวและไม่มีคู่หู"
สหภาพยุโรประบุว่าพวกเขามีเป้าหมายเดินหน้ากระบวนการนำทรัพย์สินด้านการลงทุนของรัสเซียที่พวกเขาอายัดไว้ไปช่วยเหลือยูเครน ชดเชยความเสียหายต่างๆ ที่รัสเซียก่อไว้ และเสนอจัดตั้งศาลแห่งหนึ่งขึ้นมา ในความพยายามดำเนินคดีอาชญากรรมจากการรุกรานของรัสเซีย
ยูเครน แสดงความยินดีกับความเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยบอกว่าเป้าหมายของมอสโกในการรุกรานยูเครนนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย ในขณะที่ปฏิบัติการรุกรานดังกล่าวที่เริ่มมาตั้งแต่ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ทำประชาชนหลายล้านคนต้องโยกย้ายถิ่นฐาน มีพลเรือนเสียชีวิตหลายหมื่นคน เมืองและหมู่บ้านต่างๆ เหลือแต่ซากปรักหักพัง
รัสเซีย บอกว่าการอายัดทรัพย์สินคือการขโมย และปฏิเสธว่าการรุกราน ซึ่งพวกเขาเรียกมันว่าเป็นปฏิบัติการพิเศษด้านการทหารเพื่อปลดอาวุธยูเครน ไม่เข้าองค์ประกอบของอาชญากรรมสงครามจากการรุกราน
(ที่มา : รอยเตอร์)