“ไบเดน” ย้ำอีกดอก “เซเลนสกี” ไม่มีหลักฐานยืนยันว่าขีปนาวุธของยูเครนไม่ใช่ต้นเหตุการระเบิดในโปแลนด์ ด้านประธานเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯ เตือนมีโอกาสน้อยมากที่เคียฟจะชนะศึกในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากมอสโกยังมีกำลังพลจำนวนมากในยูเครน ขณะเดียวกัน มีรายงานในวันพฤหัสฯ (17) ว่า มอสโกยังคงยิงขีปนาวุธโจมตีระลอกใหญ่ ซึ่งรวมถึงการเล่นงานโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ขณะที่อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว และบริษัทผู้ให้บริการเตือนเกี่ยวกับการดับไฟทั่วยูเครน
ถึงแม้ที่ประชุมฉุกเฉินเอกอัครราชทูตองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) และประธานาธิบดีอันแชย์ ดูดา ของโปแลนด์ แถลงเมื่อวันพุธ (16) ว่า เหตุระเบิดในโปแลนด์ใกล้ชายแดนยูเครนเมื่อวันอังคาร (15) ที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน เกิดจากจรวดรุ่นเอส-300 ที่ผลิตในสหภาพโซเวียตและไม่มีหลักฐานว่ายิงมาจากรัสเซีย แต่มีแนวโน้มสูงว่ามาจากระบบต่อต้านอากาศยานของยูเครน
ทว่า ในวันเดียวกันนั้น ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนยังคงยืนยันว่า รายงานจากกองทัพยูเครนระบุว่า ขีปนาวุธที่ระเบิดไม่ใช่ของยูเครน
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเมื่อวันพฤหัสฯ (17) ที่กรุงวอชิงตัน หลังกลับจากร่วมประชุมซัมมิตในเอเชียว่า สิ่งที่เซเลนสกีกล่าวถึงไม่ใช่หลักฐาน
ด้านกระทรวงการต่างประเทศรัสเซียแถลงว่า การกล่าวหาว่ารัสเซียมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการต่อต้านรัสเซียอย่างเป็นระบบของตะวันตก
สำหรับสถานการณ์การสู้รบในยูเครนนั้น กองทัพเคียฟแถลงเมื่อวันพฤหัสฯ ว่า รัสเซียยิงขีปนาวุธหนึ่งลูกโจมตีเมืองโอเดสซา และเมืองซาโปริซเซีย ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ และสื่อท้องถิ่นรายงานเหตุระเบิดหลายระลอกในเมืองดนิโปร ในภาคกลาง
ขณะที่สำนักข่าวอินเทอร์แฟกซ์-ยูเครน รายงานว่า มีเสียงระเบิดในหลายพื้นที่ทั่วยูเครน ซึ่งรวมถึงเมืองโอเดสซา เคียฟ ดนิโปร และมีการออกประกาศเตือนให้พลเรือนหาที่หลบภัยการโจมตีทางอากาศ
นายกรัฐมนตรีเดนิส ชมีฮัล ของยูเครน ระบุว่า เป้าหมายการโจมตีของรัสเซียคราวนี้ ครอบคลุมถึงโรงงานยักษ์ผลิตขีปนาวุธ “ปิฟเดนมาซ” ในเมืองดนิโปร และโรงงานผลิตก๊าซ ขณะที่รัฐวิสาหกิจพลังงาน “นัฟโตกาซ” แจกแจงว่า สถานที่เกี่ยวกับการผลิตก๊าซหลายแห่งในภาคตะวันออกของประเทศถูกทำลาย หรือได้รับความเสียหาย
โอเลก นิโคเลนโก โฆษกกระทรวงการต่างประเทศยูเครน แถลงว่า รัสเซียเปิดฉากโจมตีโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของยูเครนด้วยขีปนาวุธระลอกใหญ่เมื่อเช้าวันพฤหัสฯ และว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ต้องการให้ชาวยูเครนนับล้านไม่มีไฟฟ้าและไม่มีไออุ่นจากเครื่องทำความร้อนใช้ท่ามกลางความหนาวเย็นยะเยือก
วันเดียวกันนั้น บริษัทพลังงานยูเครเนอร์โก เตือนเกี่ยวกับการดับไฟทั่วประเทศ เนื่องจากมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นหลังอุณหภูมิลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ โอเลคซี อาเรสโตวิช ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน ยังแถลงทางออนไลน์ว่า มีการสู้รบอย่างหนักในแคว้นโดเนตสก์ทางตะวันออก ซึ่งรวมถึงเมืองพาฟลิฟกา วูเลดาร์ มาร์ยินกา และบัคมุต
ขณะที่ โอเลห์ แซดนอฟ นักวิเคราะห์ด้านการทหารของยูเครน โพสต์บนยูทูบว่า กองกำลังยูเครนสามารถขับไล่ทหารรัสเซียที่เข้าโจมตีเมืองอัฟดิฟกาและบิโลโฮริฟกาในโดเนตสก์
ทั้งนี้ กองกำลังรัสเซียล่าถอยจากเมืองเคียร์ซอนทางใต้ของยูเครนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังเคียฟรุกตอบโต้ครั้งใหญ่ โดยเคียร์ซอนเป็นเมืองเอกเพียงแห่งเดียวที่มอสโกยึดได้นับจากบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ และเป็นการถอนกำลังครั้งใหญ่ครั้งที่ 3 ของรัสเซียในสงครามยูเครน
กระนั้น อาเรสโตวิช เสริมว่า กองกำลังรัสเซียที่ถอนจากเคียร์ซอนบางส่วนจะถูกส่งไป “ปลดปล่อย” แคว้นโดเนตสก์และแคว้นลูฮันส์ที่เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมทางตะวันออกและรวมกันเรียกว่า ดอนบาส
ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครนผู้นี้ยังบอกอีกว่า กองกำลังจากเคียร์ซอนเข้าโจมตีแคว้นซาโปริซเซียทางใต้ และอาจกำลังวางแผนโจมตีครั้งใหม่ในคาร์คีฟ ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือ หลังจากถอยร่นออกมาในไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
ทว่า วลาดิมีร์ โรก็อด เจ้าหน้าที่ที่รัสเซียแต่งตั้งในพื้นที่ควบคุมในซาโปริซเซีย เผยว่า ยูเครนยิงขีปนาวุธหนึ่งลูกโจมตีหมู่บ้านในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 คน และบาดเจ็บ 9 คน
ขณะเดียวกัน พล.อ.มาร์ก มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการร่วมของสหรัฐฯ เตือนว่า มีโอกาสน้อยมากที่กองทัพยูเครนจะชนะในอนาคตอันใกล้ โดยตั้งข้อสังเกตว่า แม้ถอยร่นแต่รัสเซียยังมีกำลังพลจำนวนมากในยูเครน
"ยูเครนประสบความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า และรัสเซียล้มเหลวในทุกๆ ครั้ง พวกเขาล้มเหลวทางยุทธศาสตร์ ล้มเหลวในด้านปฏิบัติการ และผมขอเน้นย้ำว่าพวกเขาล้มเหลวในทางเทคนิค" นายทหารประจำการตำแหน่งสูงสุดของกองทัพสหรัฐฯ รายนี้ระบุ
อย่างไรก็ตาม เขาชี้ว่ามอสโกยังยึดครองดินแดนของยูเครนได้ราวๆ 20% และมีความเป็นไปได้ว่าทหารยูเครนคงไม่สามารถขับไล่กองกำลังรัสเซียออกนอกประเทศเร็ววันนี้ "หากคำนิยามของชัยชนะทางทหารของยูเครน คือการเตะรัสเซียออกนอกดินแดนทั้งหมดของยูเครน ความเป็นไปได้ที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้คงมีไม่มากนัก"
มิลเลอร์ กล่าวย้ำสิ่งที่เขาเสนอเอาไว้ในช่วงหลังๆ มานี้ที่ว่า ในช่วงหลายเดือนของฤดูหนาวนี้ แนวโน้มการสู้รบในยูเครนน่าจะเบาบางลง จึงอาจเปิดทางสำหรับการเจรจาหาทางออกจากวิกฤต
"ถ้าการสู้รบทางเทคนิคเบาบางลงจริงๆ ถ้ามันเกิดขึ้น เมื่อนั้นมันจะกลายเป็นหน้าต่างสำหรับการหาทางออกทางการเมือง หรืออย่างน้อยๆ ก็เป็นหน้าต่างสำหรับเริ่มเจรจา ริเริ่มหาทางออกทางการเมือง"
"กองทัพรัสเซียได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแท้จริง ดังนั้น คุณจึงต้องการเจรจาในตอนที่คุณเข้มแข็ง และฝ่ายตรงข้ามของคุณอยู่ในสภาพอ่อนแอ" เขากล่าว
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี, เอพี)