ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ ยูเครน ในวันพุธ (16 พ.ย.) ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าเหตุระเบิดที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 รายในโปแลนด์ มีต้นตอจากขีปนาวุธของรัสเซีย ไม่ใช่ยูเครน พร้อมเรียกร้องขอเคียฟมีส่วนร่วมในการสืบสวน แม้ตะวันตกและนาโต้ต่างยืนยันว่ามันน่าจะเป็นขีปนาวุธของฝ่ายยูเครนเอง
มีผู้เสียชีวิต 2 รายในวันอังคาร (15 พ.ย.) หลังขีปนาวุธอย่างน้อย 1 ลูก พุ่งใส่หมู่บ้านเชวาดูฟ (Przewodow) ทางตะวันออกของโปแลนด์ ใกล้ชายแดนยูเครน ท่ามกลางปฏิบัติการโจมตีทางอากาศขนานใหญ่ของรัสเซีย โดยเป้าหมายเล่นงานโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนภายในยูเครน
ในทันทีหลังจากเกิดเหตุ มันก่อความกังวลว่าอาจโหมกระพือสถานการณ์ลุกลามบานปลายในความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน อย่างไรก็ตาม ในวันพุธ (16 พ.ย.) โปแลนด์แถลงว่าขีปนาวุธลูกดังกล่าวน่าจะมีที่มาจากระบบป้องกัยภัยทางอากาศของยูเครน และทางวอชิงตันก็เห็นด้วยกับทฤษฎีดังกล่าว
"เราต้องการสรุปทุกรายละเอียด ทุกข้อเท็จจริง นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องการเข้าถึงทุกข้อมูลที่พันธมิตรของเรามี และจุดที่เกิดระเบิด" เซเลนสกี กล่าวปราศรัยในช่วงค่ำ
ก่อนหน้านี้ เซเลนสกี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ ยูเครน ระบุว่า เคียฟไม่เห็นข้อพิสูจน์ใดๆ ที่ชี้ชัดว่าขีปนาวุธลูกดังกล่าวเป็นของยูเครน และบอกว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ยูเครนต้องเป็นส่วนหนึ่งของคณะสืบสวน และได้รับอนุญาตให้เข้าถึงจุดเกิดเหตุ
"ผมไม่มีข้อสงสัยเลยว่ามันไม่ใช่ขีปนาวุธของเรา" เขากล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนยูเครน พร้อมเชื่อว่าเหตุระเบิดในวันอังคาร (15 พ.ย.) มีต้นตอจากขีปนาวุธรัสเซีย โดยอ้างว่าข้อสรุปดังกล่าวของเขานั้นมาจากกองทัพยูเครน ซึ่งเชื่อถือได้
เซเลนสกี เผยด้วยว่าเคียฟยังไม่ได้รับข้อเสนอจากมอสโกสำหรับเริ่มเจรจาสันติภาพ ความคิดเห็นซึ่งมีขึ้นหลังจาก ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลิน กล่าวเมื่อช่วงกลางสัปดาห์ว่า ยูเครนไม่สนใจจัดการเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย "พวกเขาไม่ได้ติดต่อสื่อสารกับเรา" เซเลนสกี ระบุ
รัสเเซีย บอกว่าเหตุระเบิดในโปแลนด์ในวันอังคาร (15 พ.ย.) มีต้นตอจากขีปนาวุธป้องกันภัยทางอากาศลูกหนึ่งของยูเครน และชี้แจงว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียในยูเครน อยู่ห่างจากชายแดนโปแลนด์มากกว่า 35 กิโลเมตร ทั้งนี้ มอสโกเน้นย้ำพวกเขาไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้และเรียกอุปทูตโปแลนด์เข้าพบ เพื่อตำหนิต่อปฏิกิริยาในเบื้องต้น
นอกจากนี้ ในวันพุธ (16 พ.ย.) รัสเซียกล่าวหาประเทศตะวันตกบางชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโปแลนด์ ต่อปฏิกิริยาตีโพยตีพาย พร้อมกับชมสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่แสดงให้เห็นถึงความอดทนอดกลั้น
กระทรวงกลาโหมของรัสเซียระบุว่า "ภาพถ่ายในโปแลนด์ที่เผยแพร่ในช่วงเย็นของวันที่ 15 พฤษภาคม ภาพของเศษซากที่พบในหมู่บ้านเชวาดูฟ ได้รับการระบุอย่างชัดเจนจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญในภาคอุตสาหกรรมกลาโหมของรัสเซีย ว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของขีปนาวุธนำวิถีต่อต้านอากาศยาน ในระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 ของกองทัพยูเครน"
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลิน ตำหนิหลายประเทศที่ออกถ้อยแถลงโดยปราศจากหลักฐาน เกี่ยวกับความเกี่ยวข้องของรัสเซีย ทั้งที่ไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น "เราได้พบเห็นการตีโพยตีพายอีกครั้ง ปฏิกิริยาเกลียดกลัวรัสเซีย ซึ่งไม่ได้อยู่บนพื้นฐานข้อมูลที่แท้จริงใดๆ"
กระนั้น เปสคอฟชมว่าประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่แสดงให้เห็นถึงความสุขุมในการรับมือเหตุการณ์นี้ หลังจาก ไบเดน บอกว่าจากการประเมินในเบื้องต้น พบว่าขีปนาวุธไม่น่าจะถูกยิงออกมาจากรัสเซีย
"อีกครั้ง ผมอยากเชื้อเชิญพวกคุณมุ่งความสนใจไปที่ปฏิกิริยาอดทนอดกลั้นของอเมริกา ซึ่งสวนทางกับปฏิกิริยาตีโพยตีพายของฝ่ายโปแลนด์และประเทศอื่นๆ อีกหลายชาติ" เปสคอฟ ระบุ "ทำไมเรื่องแบบนี้ถึงเกิดขึ้น? บางทีคุณควรไปถามวอร์ซอ และร้องขอให้เจ้าหน้าที่โปแลนด์อดทนอดกลั้นมากกว่านี้ สมดุลมากกว่านี้ และมีความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ ยามที่พวกเขาพูดถึงประเด็นที่อ่อนไหวและหัวข้อที่เป็นไปได้ว่าจะก่ออันตราย"
แหล่งข่าวนาโต้เผยว่า ไบเดน ได้แจ้งกับกลุ่มจี7 และพันธมิตรในนาโต้ ว่า เหตุระเบิดในโปแลนด์ ชาติสมาชิกนาโต้ มีต้นตอจากระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครน
ในเวลาต่อมา ประธานาธิบดีอันแชย์ ดูดา ของโปแลนด์ แถลงว่า จากข้อมูลที่ปรากฏ จรวดลูกนี้เป็นจรวดแบบเอส-300 ผลิตในสหภาพโซเวียต เป็นจรวดเก่าและไม่มีหลักฐานใดๆ ว่ายิงมาจากทางรัสเซีย และบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะยิงมาจากระบบต่อสู้อากาศยานของยูเครน
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)