กองกำลังเคียฟยึดคืนเมืองและหมู่บ้านต่างๆ ทางใต้ของยูเครนได้กว่า 40 แห่ง จากการเปิดเผยของโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครนในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) ความคืบหน้าซึ่งเกิดขึ้นหลังจากมอสโกส่งสัญญาณว่ากองทัพของพวกเขาเริ่มถอนกำลังออกจากเมืองยุทธศาสตร์เคียร์ซอน
ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ แถลงมอบแพกเกจความช่วยเหลือด้านความมั่นคงรอบใหม่แก่เคียฟอีก 400 ล้านดอลลาร์ ในนั้นจะรวมถึงระบบป้องกันตนเองและขีปนาวุธยิงจากพื้นผิวสู่อากาศ เนื่องด้วยยูเครนกำลังโซซัดโซเซจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียเมื่อเร็วๆ นี้ ที่เล็งเป้าหมายถล่มโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ
"วันนี้เรามีข่าวดีจากทางใต้" เซเลนสกีกล่าวระหว่างปราศรัยประจำวัน "ธงชาติยูเครนจำนวนหนึ่งกลับสู่สถานที่ที่เหมาะสมหลายสิบแห่ง ส่วนหนึ่งในปฏิบัติการปกป้องตนเองที่กำลังดำเนินอยู่" ประธานาธิบดีรายนี้ระบุ พร้อมบอกว่ากองกำลังยูเครนสามารถปลดปล่อยถิ่นที่อยู่ 41 แห่งจากรัสเซียผู้รุกราน
มอสโกบอกก่อนหน้านี้ว่า พวกเขาทำการตัดสินใจที่ยากลำบากสำหรับการถอนทหารออกจากเคียร์ซอน และกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) ว่ากำลังมีการโยกย้ายกำลังพลของพวกเขาในพื้นที่
เป็นเวลานานหลายสัปดาห์แล้วที่ทหารยูเครนเดินหน้าทวงคินหมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่บนเส้นทางมุ่งหน้าสู่เมืองเคียร์ซอน ในแคว้นที่มีชื่อเดียวกัน ดินแดนที่พวกผู้นำซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซีย ตัดสินใจอพยพพลเรือนออกนอกพื้นที่ ในความเคลื่อนไหวที่ทางเคียฟประณามว่าเป็นการบังคับเนรเทศที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
การล่าถอยครั้งนี้ถือเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ของรัสเซียในแคว้นหนึ่งที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพิ่งกล่าวอ้างผนวกเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนเมื่อเร็วๆ นี้ แต่บรรดาเจ้าหน้าที่เคียฟยังคงกังวล โดยไม่เชื่อว่ารัสเซียจะถอนทัพออกจากเคียร์ซอนโดยไม่สู้รบใดๆ
เซเลนสกี ซึ่งกำลังเผชิญแรงกดดันจากตะวันตกให้คืนสู่โต๊ะเจรจาสันติภาพกับรัสเซีย พูดระหว่างปราศรัย แย้มว่าไม่ปฏิเสธการเจรจา หากว่ายูเครนได้ดินแดนของพวกเขาทั้งหมดคืนมา "เราจำเป็นต้องลุยไปตลอดทางของสมรภูมิรบและผ่านการทูต เพื่อทุกดินแดนของเรา ตามเขตแดนของเราทั้งหมดที่ได้รับการรับรองจากนานาชาติ จะประดับด้วยธงของเรา ธงชาติยูเครน"
นอกจากนี้ เขายังได้กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ และประชาชนชาวอเมริกา สำหรับระบบป้องกันภัยทางอากาศ
สื่อสหรัฐฯ รายงานว่าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา รัฐบาลของประธานาธิบดีไบเดน เรียกร้องให้ เซเลนสกี แสดงท่าทีต่อสาธารณะว่ามีความตั้งใจเจรจากับรัสเซีย และในวันพุธ (9 พ.ย.) พล อ.มาร์ค มิลลีย์ นายพลระดับสูงของอเมริกา ชี้ว่าชัยชนะในด้านการทหารในสงครามนี้อาจเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ "มันมีโอกาส ประตูแห่งโอกาสสำหรับการเจรจา"
ในสมรภูมิรบ ที่เมืองมีโคลาอีฟ ทางภาคใต้ของยูเครน ซึ่งกองกำลังรัสเซียระดมยิงปืนใหญ่และขีปนาวุธถล่มต่อเนื่องมานานหลายเดือน มีสัญญาณบ่งชี้เพียงเล็กน้อยว่าทหารรัสเซียจะล่าถอย
ด้วยเหตุนี้ เซเลนสกี จึงเชื่อว่ารัสเซียอาจแค่ใช้ยุทธศาสตร์ตบตา ปั้นแต่งเรื่องขึ้นมา และไม่ได้ประสบความเสื่อมถอยครั้งใหญ่ใดๆ
บรรดาเจ้าหน้าที่ทหารในเคียฟเอง ก็เน้นย้ำท่าทีระมัดระวังเช่นกันในวันพฤหัสบดี (10 พ.ย.) "ในตอนนี้เราไม่สามารถยืนยันหรือปฏิเสธข้อมูลข่าวสารใดๆ เกี่ยวกับการที่รัสเซียถอนทหารออกจากเคียร์ซอน" โอเลคซีย์ โกรมอฟ จากคณะเสนาธิการทหารยูเครนกล่าว
การสูญเสียแคว้นเคียร์ซอนของรัสเซียจะเป็นการเปิดทางให้ยูเครนกลับเข้าถึงทะเลอาซอฟ ซึ่งมีความสำคัญมากอย่าง
เคียร์ซอน เปรียบเสมือนสะพานทางภาคพื้นที่เชื่อมรัสเซียไปยังไครเมีย ที่ทางมอสโกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014 ขณะเดียวกัน เคียร์ซอน ก็เป็นหนึ่งใน 4 แคว้นของยูเครนที่รัสเซียประกาศผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ประเมินว่ามีบุคลากรทางทหารของรัสเซียเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในยูเครนไปแล้วมากกว่า 100,000 นาย แต่ทางนายพลมิลลีย์ ยอมรับว่าในส่วนของกองกลำงเคียฟก็อาจประสบความสูญเสียพอๆ กัน
ฝ่ายรัสเซียกำลังเดินหน้ายึดเมืองบัคช์มุต ในภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออกของยูเครน ซึ่งอยู่ภายใต้การสู้รบกันอย่างดุเดือดมานานหลายสัปดาห์ "ช่วง 3 วันหลังสุดนี้ เป็นวันที่สาหัสมากขึ้นเรื่อยๆ พวกรัสเซียกำลังเดินหน้ารุกหนักยิ่งขึ้น แต่หนุ่มๆ ของเรายังรักษาที่มั่นไว้อย่างเหนียวแน่น" ทหารยูเครนรายหนึ่งเปิดเผยกับเอเอฟพี
เมืองแห่งนี้มีประชากรราว 70,000 คน และราวครึ่งหนึ่งในนั้นยังคงไม่อพยพหลบหนี แม้การสู้รบซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในแถบฝั่งตะวันออกของเมืองยืดเยื้อมานานกว่า 4 เดือนแล้ว
(ที่มา : เอเอฟพี)