เคียฟเตือนพลเมืองพร้อมอพยพถ้าไม่มีน้ำ-ไฟใช้ สื่อเผยมะกันซุ่มคุยรัสเซียหวั่นสงครามบานปลาย

ประธานาธิบดียูเครนเตือนรัสเซียอาจโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานต่อเนื่องต่อไปอีก ด้านนายกเทศมนตรีเคียฟเรียกร้องประชาชนเตรียมตัวอพยพชั่วคราวถ้าไม่มีไฟฟ้า-น้ำประปาใช้ ขณะสื่อดังอเมริกันรายงานทำเนียบขาวซุ่มหารือเจ้าหน้าที่รัสเซียเพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์ในยูเครนลุกลามมากขึ้น

ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน กล่าวระหว่างปราศรัยประจำทุกคืนทางออนไลน์เมื่อคืนวันอาทิตย์ (6 พ.ย.) ว่า รัสเซียกำลังรวมศูนย์กำลังและอาจหมายถึงการโจมตีใหญ่ต่อโครงสร้างพื้นฐานของยูเครนต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านพลังงาน และเสริมว่า ขณะนี้ประชาชนกว่า 4.5 ล้านคนไม่มีไฟฟ้าใช้ ท่ามกลางความกังวลว่าการสนับสนุนยูเครนของนานาชาติอาจหยุดชะงัก หากสงครามยังคงส่งผลกระทบต่อราคาพลังงานและอาหารในช่วงฤดูหนาว

ก่อนหน้านั้น มิกไคโล โปโดลแยค ที่ปรึกษาของผู้นำยูเครน ทวีตว่า ยูเครนจะยืนหยัดต่อไปแม้ถูกรัสเซียโจมตีโครงสร้างพื้นฐาน ด้วยการจัดกำลังทางอากาศปกป้องโครงสร้างพื้นฐานและปรับวิธีการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ดี เมื่อวันจันทร์ (7) เซียร์เก โควาเลนโก ประธานบริหารของยาสโน ผู้ให้บริการกระแสไฟฟ้ารายใหญ่ในเคียฟ โพสต์บนเฟซบุ๊กโดยคาดการณ์ว่า ยูเครนอาจขาดแคลนไฟฟ้า 32%

คำเตือนนี้มีขึ้นหลังจากวิตาลี คลิตช์โก นายกเทศมนตรีกรุงเคียฟ เรียกร้องเมื่อวันเสาร์ (5) ให้ประชาชน “พิจารณาทางเลือกทั้งหมด” ซึ่งรวมถึงสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่เคียฟอาจไม่มีไฟฟ้าและน้ำประปาใช้ และประชาชนควรพิจารณาไปอาศัยอยู่กับญาติมิตรในเมืองอื่นชั่วคราว พร้อมกล่าวหาประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย จงใจโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน

นอกจากที่กรุงเคียฟ ซึ่งตั้งอยู่ในภาคกลางตอนเหนือของประเทศ ทางด้านภาคใต้ของยูเครน ซึ่งเวลานี้มีรายงานว่ากองกำลังยูเครนพยายามบุกตีเมืองเคียร์ซอน ปรากฏว่า ยาโรสลาฟ ยานูเชฟวิช ผู้ว่าการแคว้นเคียร์ซอน ของฝ่ายเคียฟ กล่าวหาว่า กองกำลังรัสเซียทำลายสายส่งไฟฟ้าระยะทาง 1.5 กม. ที่ป้อนกระแสไฟฟ้าให้เมืองเบอริสลาฟ ซึ่งอาจทำให้เมืองดังกล่าวไม่มีไฟฟ้าใช้จนกว่าจะปลดแอกจากรัสเซียได้ และสำทับว่า สายส่งไฟฟ้าไปยังเคียร์ซอนถูกทำลายเช่นเดียวกัน

ส่วนสำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียอ้างเมื่อวันอาทิตย์ว่า กองทัพยูเครนโจมตีด้วยระบบจรวดหลายลำกล้อง HIMARS ที่ได้รับจากอเมริกา ทำให้เขื่อนโนวาคาคอฟกา ซึ่งเป็นเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ที่สร้างกั้นแม่น้ำดนีเปอร์ในแคว้นเคียร์ซอน และเวลานี้ยังอยู่ในพื้นที่ยึดครองของรัสเซีย ได้รับความเสียหาย ถือเป็นความพยายามเพื่อทำให้เกิดภัยพิบัติด้านมนุษยธรรมขึ้นมา

วันเดียวกันนั้น สื่อวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานว่า เจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ที่เดินทางไปเคียฟเมื่อวันศุกร์ (5) และยืนยันว่า วอชิงตันจะยังสนับสนุนยูเครนต่อไปนั้น ได้หารือแบบลับๆ กับยูริ ยูชาคอฟ ผู้ช่วยของเครมลิน และนิโคไล ปาทรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงของรัสเซียหลายครั้งในช่วงหลายเดือนมานี้เพื่อหาทางป้องกันไม่ให้สถานการณ์ในยูเครนลุกลาม

ทั้งนี้ ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มีการเปิดเผยเกี่ยวกับการติดต่อระหว่างเจ้าหน้าที่อเมริกัน-รัสเซียน้อยมาก ขณะที่วอชิงตันยืนกรานว่า การเจรจาเพื่อยุติสงครามควรเป็นเรื่องระหว่างมอสโกกับเคียฟเท่านั้น

ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวล่าสุดครั้งนี้ อย่างไรก็ดี ข่าวนี้ออกมาหลังจากสื่อวอชิงตันโพสต์รายงานเมื่อวันเสาร์ว่า อเมริการบเร้าให้ยูเครนส่งสัญญาณว่าพร้อมเปิดเจรจากับรัสเซีย ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เอง
ระบุว่ามอสโกกำลังทำให้สถานการณ์ลุกลามและไม่มีความตั้งใจจริงจังที่จะเจรจาสันติภาพ

วอชิงตันโพสต์อ้างแหล่งข่าวที่ไม่ระบุนามหลายรายบอกว่า คำขอของอเมริกาไม่ได้มีเป้าหมายกดดันให้ยูเครนกลับสู่โต๊ะเจรจา แต่เป็นความพยายามที่ผ่านการคำนวณมาแล้วเพื่อให้มั่นใจว่า เคียฟจะยังคงได้รับการสนับสนุนจากประเทศอื่นๆ

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม เซเลนสกีลงนามในกฤษฎีกาประกาศอย่างเป็นทางการว่า ยูเครนจะไม่เจรจากับปูตินเด็ดขาด แต่ยังเปิดช่องไว้สำหรับการเจรจากับรัสเซียก็ตาม

ทางด้านสภาความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นว่า รายงานข่าวนี้ถูกต้องหรือไม่ ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ย้ำจุดยืนเดิมว่า หากรัสเซียพร้อมเจรจาก็ควรหยุดโจมตีและถอนกำลังออกจากยูเครน

(ที่มา : รอยเตอร์)