ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศในวันพุธ (19 ต.ค.) บังคับใช้กฎอัยการศึกใน 4 แคว้นของยูเครนที่แดนหมีขาวเพิ่งประกาศผนวกเป็นส่วนหนึ่งของตน ขณะที่ประชาชนบางส่วนของเมืองเคียร์ซอน พากันอพยพออกไปโดยทางเรือภายหลังได้รับคำเตือนว่าฝ่ายเคียฟกำลังจะบุกโจมตีแล้ว ด้านผู้บัญชาการคนใหม่ของ “การปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ของรัสเซีย ยอมรับสถานการณ์ในสนามรบ “ตึงเครียด”
ภาพของประชาชนที่กำลังหลบหนีออกจากเมืองเคียร์ซอน ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ของยูเครน และอยู่เหนือขึ้นไปจากแหลมไครเมีย ได้รับการแพร่ภาพทางทีวีแห่งรัฐของรัสเซีย ซึ่งแสดงให้เห็นการอพยพจากฝั่งขวาไปยังฝั่งซ้ายของแม่น้ำดนิโปร ในความพยายามที่จะเคลียร์พลเรือนออกจากตัวเมืองแห่งนี้ ก่อนที่มันจะกลายเป็นพื้นที่สู้รบ
คิริลล์ สเตรมูซอฟ รองประธานคณะบริหารเคียร์ซอนที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย เรียกร้องผ่านวิดีโอในวันพุธ (19) ให้ประชาชนอพยพ หลังจากกองกำลังรัสเซียในบริเวณดังกล่าวถูกโจมตีล่าถอยราว 20-30 กิโลเมตรในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา และเสี่ยงถูกตรึงไว้ที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดนิโปรที่มีความยาว 2,200 กิโลเมตร และไหลผ่ากลางแบ่งครึ่งยูเครน
ขณะที่ปูตินแจ้งให้สภาความมั่นคงแห่งชาติของเขาทราบถึงการบังคับใช้กฎอัยการศึกใน 4 แคว้นดังกล่าว ซึ่งได้แก่ เคียร์ซอน ซาโปริซเซีย ลูฮันสก์ และโดเนตสก์ โดยผู้สังเกตการณ์ตะวันตกมองว่า น่าจะเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อช่วยให้รัสเซียสามารถควบคุม 4 แคว้นดังกล่าวได้มั่นคงขึ้น
การใช้กฎอัยการศึกนี้ นอกจากทำให้สามารถบังคับใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยต่างๆ ได้อย่างเข้มงวดขึ้นแล้ว ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าจะมีผลกระทบอะไรมากกว่านี้อย่างไรหรือไม่
หลังจากรัสเซียบุกรุกรานมา 8 เดือน เวลานี้ยูเครนที่ได้รับความสนับสนุนด้านอาวุธหนักทันสมัยจากฝ่ายตะวันตกเพิ่มขึ้น กำลังตอบโต้กลับครั้งใหญ่ทั้งในภาคตะวันออกและภาคใต้ เพื่อชิงดินแดนคืนให้ได้มากที่สุดก่อนถึงฤดูหนาว
เมืองเคียร์ซอน ที่เป็นเมืองเอกของแคว้นชื่อเดียวกัน ถือเป็นตัวเมืองที่มีประชากรมากที่สุดในบรรดาพื้นที่ซึ่งมอสโกยึดไปได้ใน “ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ในยูเครน นับจากวันที่ 24 กุมภาพันธ์
สเตรมูซอฟ ย้ำว่า เคียร์ซอนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝั่งขวาของแม่น้ำดนิโปรอาจถูกกองกำลังยูเครนถล่มด้วยปืนใหญ่ปืนครกและจรวดหลายลำกล้อง และเสริมว่า ประชาชนที่อพยพจะมีที่พักอาศัยในรัสเซีย พร้อมยืนยันว่า รัสเซียไม่มีแผนทิ้งเมืองดังกล่าวและจะต่อสู้จนนาทีสุดท้าย
ด้านสำนักข่าวทาสส์ของทางการรัสเซียรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของประธานคณะบริหารแคว้นเคียร์ซอนที่ได้รับการแต่งตั้งจากรัสเซียว่า ประชาชนราว 50,000-60,000 คนจะอพยพไปยังรัสเซียและฝั่งซ้ายของแม่น้ำดนิโปรใน 6 วันข้างหน้า
ขณะเดียวกัน วลาดิมีร์ ซัลโด เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เผยว่า ยูเครนกำลังระดมพลเพื่อโจมตีครั้งใหญ่
การเรียกร้องให้อพยพครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่ พล.ท.เซียร์เก ซูโรวิกิน ผู้บัญชาการกองกำลังรัสเซียในยูเครนคนใหม่ ประเมินว่า สถานการณ์ในพื้นที่ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร “ตึงเครียด” และเสริมว่า สถานการณ์ในเคียร์ซอนตอนนี้ยากลำบาก เนื่องจากศัตรูกำลังระดมโจมตีโครงสร้างพื้นฐานและอาคารที่พักอาศัย
ไม่เพียงที่เคียร์ซอนเท่านั้น วลาดิมีร์ โรกอฟ สมาชิกสภาปกครองแคว้นซาโปริซเซียที่ได้รับแต่งตั้งจากรัสเซีย เผยว่า กองกำลังยูเครนโจมตีเมืองอิเนอร์โฮดาร์ที่รัสเซียยึดครองอยู่อย่างหนักเมื่อคืนวันอังคาร (18) โดยเมืองดังกล่าวเป็นที่อยู่อาศัยของพนักงานจำนวนมากของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย
โรกอฟเสริมว่า ยูเครนยิงปืนใหญ่ถล่มชานเมืองอิเนอร์โฮดาร์ นอกจากนั้นยังมีการโจมตีรอบสถานีไฟฟ้าพลังงานความร้อน 10 ระลอก
ทว่า ดมิโทร ออร์ลอฟ ที่ยูเครนระบุว่า เป็นนายกเทศมนตรีอิเนอร์โฮดาร์ โทษว่า รัสเซียต่างหากเป็นฝ่ายโจมตีตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึงเช้าวันพุธ
ทั้งนี้ ราฟาเอล กรอสซี ผู้อำนวยการทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (ไอเออีเอ) คาดว่า จะเดินทางกลับไปยูเครนท่ามกลางการเจรจาเพื่อจัดตั้งเขตป้องกันทั่วโรงไฟฟ้าซาโปริซเซีย ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดของยุโรป
ขณะเดียวกัน กองทัพยูเครนแถลงเมื่อวันพุธว่า กองกำลังรัสเซียยังคงใช้ขีปนาวุธร่อนและขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานถล่มโจมตีหลายแคว้นทั่วยูเครน ซึ่งรวมถึงเคียฟและซาโปริซเซีย ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา รวมทั้งยังใช้โดรนชาเฮด-163 ที่ผลิตในอิหร่าน 14 ลำเข้าโจมตีด้วย แต่ถูกสอยร่วงไป 10 ลำ
(ที่มา : รอยเตอร์, เอเอฟพี)
