นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 36.95 บาทต่อดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นจากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 37.27 บาทต่อดอลลาร์ และมองกรอบเงินบาทวันนี้คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 36.80-37.10 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทแข็งค่าอย่างรวดเร็วและมากกว่าที่เราคาดของเงินบาทในช่วงคืนที่ผ่านมา ตามภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดที่กดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและโฟลว์ธุรกรรมขายทำกำไรทองคำ หลังราคาทองคำปรับตัวขึ้นใกล้โซนแนวต้าน อาจทำให้ภาพในเชิงเทคนิคัลของเงินบาทเปลี่ยนแปลงในระยะสั้น ซึ่งหากตลาดยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยงต่อ เงินบาทมีโอกาสแข็งค่าขึ้นใกล้โซนแนวรับใหม่แถว 36.80-36.90 บาทต่อดอลลาร์ได้
นอกจากนี้ การแข็งค่าอย่างรวดเร็วของเงินบาทล่าสุด อาจทำให้ในเชิงจิตวิทยาผู้ส่งออกบางส่วนอาจปรับลดระดับของเงินบาทเพื่อรอขายเงินดอลลาร์ โดยอาจมีการรอขายเงินดอลลาร์ในช่วง 37.50-37.70 บาทต่อดอลลาร์ จากช่วงก่อนหน้าที่ส่วนใหญ่จะรอแถว 38.00 บาทต่อดอลลาร์หรือสูงกว่านั้น ทำให้โซนแนวต้านของเงินบาทจะขยับลงมา
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดย ดัชนี S&P500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นราว +0.56% หนุนโดยรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ที่ยังคงออกมาดีกว่าคาด นอกจากนี้ แม้ว่าผู้เล่นในตลาดต่างรอจับตาผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ แต่ผลสำรวจส่วนใหญ่ที่คาดว่าพรรครีพลับริกันจะกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ นั้น ได้ส่งผลให้ผู้เล่นในตลาดคลายกังวลโอกาสที่พรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะเดินหน้าคุมเข้มภาคธุรกิจ โดยเฉพาะบริษัทเทคฯ รวมถึงการปรับขึ้นภาษีบริษัทเอกชน อย่างไรก็ดี เรามองว่าผู้เล่นในตลาดจะยังไม่ปรับเปลี่ยนสถานะถือครองที่ชัดเจนจนกว่าจะรับรู้ผลการเลือกตั้งว่าพรรครีพลับริกันจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ ได้ตามคาด
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ของยุโรป เดินหน้าปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.78% นำโดยการปรับตัวขึ้นของหุ้นเทคฯ เช่น ASML +5.2% Adyen +2.7% ปัจจัยบวกที่สนับสนุนการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นยุโรปยังคงเป็นรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนที่ส่วนใหญ่ยังคงออกมาดีกว่าคาด รวมถึงบรรยากาศในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในภาวะเปิดรับความเสี่ยง นอกจากนี้ ท่าทีของรัฐบาลยูเครนที่เริ่มส่งสัญญาณอยากให้มีการเจรจาสันติภาพก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้ผู้เล่นลดความกังวลสถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครนได้บ้าง
ส่วนในฝั่งตลาดบอนด์ ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับไม่ได้ช่วยหนุนให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นแต่อย่างใด กลับกันมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ประเมินว่า หากพรรครีพลับริกันกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนอาจกดดันการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยิ่งสนับสนุนโอกาสที่เฟดจะชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย โดยมุมมองดังกล่าวได้กดดันให้บอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.13%
ในฝั่งตลาดค่าเงิน ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงิน และมุมมองของผู้เล่นในตลาดที่คาดหวังเฟดชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ย หากพรรครีพลับริกันครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนได้กดดันให้เงินดอลลาร์ปรับตัวอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ทำให้ดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวลดลงหลุดโซนแนวรับสำคัญที่ 110 จุด สู่ระดับ 109.6 จุด นอกจากนี้ การอ่อนค่าลงของเงินดอลลาร์และการปรับตัวลดลงของบอนด์ยิลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้ช่วยหนุนให้ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค.) ปรับตัวขึ้นแรงสู่ระดับ 1,713 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งใกล้กับโซนแนวต้าน ทำให้ผู้เล่นในตลาดบางส่วนอาจทยอยขายทำกำไรทองคำและเราคาดว่าโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวอาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นได้
สำหรับวันนี้ ในส่วนรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอาจมีไม่มากนัก โดยผู้เล่นในตลาดจะรอจับตารายงานยอดสต๊อกน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ เพื่อประเมินความต้องการใช้พลังงาน ซึ่งจะมีผลต่อทิศทางราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นได้ นอกจากนี้ ถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดจะเป็นอีกปัจจัยที่ผู้เล่นในตลาดต่างรอติดตาม เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของเฟด หลังจากที่ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณในการประชุม FOMC ล่าสุด ว่าเฟดอาจเริ่มพิจารณาชะลอการเร่งขึ้นดอกเบี้ยได้ แต่การขึ้นดอกเบี้ยยังจะต้องดำเนินต่อไปจนกว่าเฟดจะคุมปัญหาเงินเฟ้อได้
อนึ่ง อีกปัจจัยสำคัญที่ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯ (the US Midterm Election) ซึ่งอาจใช้เวลาในการนับคะแนนพอสมควร ทำให้กว่าที่จะทราบผลเป็นแน่ชัดว่า พรรคไหนจะสามารถครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนและวุฒิสภาอาจจะใช้หลายวัน ทำให้ตลาดการเงินอาจผันผวนไปตามผลการเลือกตั้งเบื้องต้นได้