รัสเซียสั่งถอนทหารออกจากเมืองเคียร์ซอน ทางภาคใต้ของยูเครนเมื่อวันพุธ (9 พ.ย.) ท่ามกลางปฏิบัติการโจมตีตอบโต้ของยูเครน อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเคียฟคลางแคลงใจในเรื่องนี้ ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เตือนว่ายูเครนจำเป็นต้องเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ส่วนผู้นำสหรัฐฯ เชื่อว่ามอสโกกำลังเจอปัญหาต่างๆ ในสงคราม
"เริ่มถอนทหารออกมาแล้ว" เซอร์เก ซอยกู รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซียกล่าวระหว่างประชุมร่วมกับ เซอร์เก ซูโรวิคิน ผู้บัญชาการทหารของรัสเซียในยูเครน ที่มีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ผู้บัญชาการรายนี้เสนอการตัดสินใจที่ยากลำบากในการถอนกำลังออกจากเคียร์ซอน และจัดตั้งแนวป้องกันริมฝั่งตะวันออกของแม่น้ำดนิโปร
เคียร์ซอน ถือเป็นศูนย์กลางตัวเมืองแห่งแรกที่ถูกรัสเซียยึดครองระหว่างปฏิบัติการพิเศษด้านการทหาร และเป็นเพียงเมืองเอกเดียวในภูมิภาคที่ถูกควบคุมโดยกองกำลังรัสเซีย นับตั้งแต่เปิดฉากรุกรานในวันที่ 24 กุมภาพันธ์
เป็นเวลานาน 4 สัปดาห์ที่ทหารยูเครนจู่โจมยึดคืนหมู่บ้านต่างๆ ตามเส้นทางที่มุ่งหน้าสู่เมืองเคียร์ซอน ใกล้ทะเลดำ ทำให้พวกผู้นำที่ได้รับการแต่งตั้งจากเครมลินในเคียร์ซอน ตัดสินใจอพยพพลเมืองออกมา
อย่างไรก็ตาม พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนและพลเมืองต่างตอบสนองด้วยความคลางแคลงใจต่อถ้อยแถลงถอนกำลังของรัสเซีย โดยทาง มีคาอิโล โพโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน บอกว่าทหารรัสเซียบางส่วนยังคงอยู่ในเมือง
"เราไม่เห็นสัญญาณว่ารัสเซียกำลังออกจากเคียร์ซอนโดยไม่สู้รบ" เขาเขียนบนทวิตเตอร์ "ยูเครนกำลังปลดปล่อยดินแดนต่างๆ บนพื้นฐานของข้อมูลข่าวกรองเท่านั้น ไม่ใช่จากถ้อยแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์"
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ระบุในวันพุธ (9 พ.ย.) ว่ายูเครนกำลังเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังอย่างยิ่ง หลังรัสเซียประกาศถอนกำลังออกจากเมืองเคียร์ซอน "ศัตรูคงไม่มอบของขวัญให้เรา คงไม่ทำมันด้วยความปรารถนาดีหรอก เราจะคว้าชัยชนะทั้งหมด"
"เพราะฉะนั้น เรากำลังเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวังอย่างมาก ปราศจากอารมณ์ความรู้สึก ปราศจากความเสี่ยงใดๆ ที่ไม่จำเป็น เพื่อประโยชน์ของการปลดปล่อยดินแดนของเราทั้งหมดและเพื่อให้โอกาสพ่ายแพ้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
ในส่วนของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในวันพุธ (2 พ.ย.) เชื่อว่าการถอนตัวของรัสเซียอกจากเมืองยุทธศาสตร์ "เคียร์ซอน" แสดงให้เห็นว่ามอสโกกำลังเจอปัญหาอย่างแท้จริงในสงคราม "มันเป็นหลักฐานในข้อเท็จจริงที่ว่าพวกเขามีปัญหาแท้จริงบางประการ รัสเซียและทหารรัสเซีย"
ไบเดน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังศึกเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ ซึ่งดูเหมือนว่าพรรคเดโมแครตของเขาจะสูญเสียการควบคุมสภาผู้แทนราษฎรแก่รีพับลิกัน ซึ่งสมาชิกบางส่วนประกาศว่าจะทบทวนเงินช่วยเหลือด้านการทหารและมนุษยธรรมที่สหรัฐฯ มอบให้แก่ยูเครน "ในขอบเขตด้านนโยบายต่างประเทศ ผมหวังว่าเราจะเดินหน้าในแนวทางความร่วมมือทั้ง 2 พรรค ในการเผชิญหน้าการรุกรานยูเครนของรัสเซีย"
ขณะเดียวกัน ฝ่ายสนับสนุนเครมลินก็รุดออกมาให้เหตุผลต่อการตัดสินใจครั้งนี้ โดย มาร์การิตา ซิมอนยาน ผู้อำนวยการอาร์ทีนิวส์ สื่อมวลชนแห่งรัฐรัสเซีย บอกว่าการถอนกำลังเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อไม่ปล่อยให้ทหารรัสเซียที่อยู่ตามแนวริมตลิ่งทางตะวันตกของแม่น้ำดนิโปร ตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมและเปิดทางสู่ไครเมีย ส่วน รัมซาน คาดีรอฟ ผู้นำเชเชน บอกว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบากแต่ชอบธรรมแล้ว
การสูญเสียแคว้นเคียร์ซอนของรัสเซียจะเป็นการเปิดทางให้ยูเครนกลับเข้าถึงทะเลอาซอฟ ซึ่งมีความสำคัญมากอย่าง
เคียร์ซอน เปรียบเสมือนสะพานทางภาคพื้นที่เชื่อมรัสเซียไปยังไครเมีย ที่ทางมอสโกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในปี 2014 ขณะเดียวกัน เคียร์ซอน ก็เป็นหนึ่งใน 4 แคว้นของยูเครนที่รัสเซียประกาศผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนในเดือนกันยายนที่ผ่านมา
ความเคลื่อนไหวผนวกดินแดนดังกล่าว มีขึ้นไม่นานหลังจากรัสเซียถอนกำลังออกจากพื้นที่อันกว้างขวางในแคว้นคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน
ในขณะที่ทหารยูเครนรุกคืบอย่างค่อยเป็นค่อยไปในทางภาคใต้ของประเทศ ซูโรวิคิน บอกกับซอยกูในวันพุธ (9 พ.ย.) ว่าได้มีการอพยพประชาชนราว 115,000 คน ออกจากแนวฝั่งของแม่น้ำดนิโปร ซึ่งในนั้นรวมถึงเมืองเคียร์ซอนด้วย
"เราทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ในส่วนของเรา เพื่อรับประกันความปลอดภัยแก่พวกเขาระหว่างการอพยพ" ซูโรวิคินกล่าว ทั้งนี้ ทางฝ่ายยูเครนให้คำจำกัดความความเคลื่อนไหวอพยพพลเรือนไปยังรัสเซียหรือดินแดนต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของรัสเซียว่าเป็นการ "บังคับเนรเทศ"
แม้ปฏิบัติการรุกรานของรัสเซียเข้าสู่เดือนที่ 9 แล้ว แต่บรรดามหาอำนาจตะวันตกยังคงยกระดับความช่วยเหลือด้านการทหารและการเงินแก่เคียฟ
ถ้อยแถลงล่าสุด ทางคณะกรรมาธิการยุโรประบุในวันพุธ (9 พ.ย.) เสนอแพกเกจช่วยเหลือยูเครนอีก 18,000 ล้านยูโร ในปี 2013 ในรูปแบบของเงินกู้ยืม กระตุ้นให้ทาง เซเลนสกี ออกมากล่าวขอบคุณและยกย่องเงินช่วยเหลือครั้งนี้ว่าเป็นการแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแท้จริง
(ที่มา : เอเอฟพี)