รัสเซียเลือกหนทางแห่ง "การยุทธ์ข่มขวัญ" เล็งเป้าหมายเล่นงานพลเรือนของยูเครน หลังจากไม่สามารถบรรลุเป้าหมายต่างๆ ทั้งในด้านยุทธศาสตร์ ปฏิบัติการและทางเทคนิคของการรุกรานยูเครน จากความเห็นของนายพลระดับสูงรายหนึ่งของสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (16 ต.ค.) อย่างไรก็ตามเขายอมรับว่าคงอีกนานกว่าที่กองทัพเคียฟจะสามารถขับไล่ทหารรัสเซียออกไปจากประเทศ
ส่วน ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ แสดงความคิดเห็นระหว่างแถลงข่าวร่วมกัน เชื่อมั่นว่า ด้วยความช่วยเหลือทางทหารที่พันธมิตรมอบให้แก่ยูเครน ฝ่ายเคียฟน่าจะมีความได้เปรียบเหนือกองทัพรัสเซียในฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน
พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐฯ กล่าวระหว่างแถลงข่าวว่า แม้ดูเหมือนยูเครนจะไม่สามารถใช้กำลังทหารขับไล่รัสเซียออกจากดินแดนยึดครองทั้งหมด แต่ฤดูหนาวที่จะชะลออุณหภูมิความร้อนแรงของการสู้รบ อาจเปิดหนทางสู่การหาทางออกทางการเมือง
"รัสเซียกำลังใช้การยุทธ์ข่มขวัญ การยุทธ์ก่อความทุกข์ทรมานแก่พลเรือนยูเครนให้มากที่สุด เพื่อทำลายขวัญกำลังใจของชาวยูเครน" เขากล่าว
ปฏิบัติการโจมตีของรัสเซียเมื่อเร็วๆ นี้ ในนั้นรวมถึงการระดมยิงห่าฝนขีปนาวุธทั่วยูเครนในวันอังคาร (15 พ.ย.) ซึ่ง พลอ.มิลลีย์ ชี้ว่าอาจจะหนักหน่วงสุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น ได้เล็งเป้าหมายไปที่โครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน
"การจงใจเล่นงานโครงข่ายพลังงานทางพลเรือนก่อความเสียหายร้ายแรงในวงกว้าง และสร้างความทุกข์ทรมานแก่พลเรือนโดยไม่จำเป็น คือการก่ออาชญากรรมสงคราม" พล.อ.มิลลีย์ กล่าว
ทั้งนี้ ปฏิบัติการโจมตีของรัสเซียที่เล็งเป้าเล่นงานโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน มีขึ้นหลังจากมอสโกประสบความล้มเหลวในเป้าหมายด้านการทหารต่างๆ และทาง พล อ.มิลลีย์ เชื่อว่ามันน่าจะทำให้ยูเครนเผชิญกับฤดูหนาวที่แสนสาหัส
"ยูเครนประสบความสำเร็จครั้งแล้วครั้งเล่า และรัสเซียล้มเหลวในทุกๆ ครั้ง พวกเขาล้มเหลวทางยุทธศาสตร์ ล้มเหลวในด้านปฏิบัติการ และผมขอเน้นย้ำว่าพวกเขาล้มเหลวในทางเทคนิค" นายพลรายนี้ระบุ
พล.อ.มิลลีย์ กล่าวต่อว่า รัสเซียไม่ประสบความสำเร็จใจเป้าหมายโค่นล้มประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี และรัฐบาลของเขา เช่นเดียวกับเป้าหมายเฉพาะเจาะจงบางอย่าง เช่น การยึดภูมิภาคดอนบาส "กรอบยุทธศาสตร์ในเป้าหมายต่างๆ ของพวกเขา ของการรุกรานอย่างไม่ชอบด้วยกฎหมาย ล้วนประสบความล้มเหลว ทุกอย่างทั้งหมด"
อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกันนั้น มอสโกยึดครองดินแดนของยูเครนได้ราวๆ 20% และทาง พล.อ.มิลลีย์ ยอมรับมีความเป็นไปได้ว่าทหารยูเครนคงไม่สามารถขับไล่กองกำลังรัสเซียออกนอกประเทศเร็ววันนี้ "หากคำนิยามของชัยชนะทางทหารของยูเครน คือการเตะรัสเซียออกนอกดินแดนทั้งหมดของยูเครน ความเป็นไปได้ที่มันจะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้คงมีไม่มากนัก"
กระนั้นด้วยที่แนวโน้มการสู้รบน่าจะเบาบางลงในช่วงหลายเดือนของฤดูหนาว พล.อ.มิลลีย์ มองว่ามันอาจเปิดทางสำหรับการเจรจาหาทางออกจากวิกฤต "ถ้าการสู้รบทางเทคนิคเบาบางลงจริงๆ ถ้ามันเกิดขึ้น เมื่อนั้นมันจะกลายเป็นหน้าต่างสำหรับการหาทางออกทางการเมือง หรืออย่างน้อยๆ ก็เป็นหน้าต่างสำหรับเริ่มเจรจา ริเริ่มหาทางออกทางการเมือง"
"กองทัพรัสเซียได้รับบาดเจ็บหนักอย่างแท้จริง ดังนั้นคุณจึงต้องการเจรจาในตอนที่คุณเข้มแข็ง และฝ่ายตรงข้ามของคุณอยู่ในสภาพอ่อนแอ" เขากล่าว
ด้าน ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พูดข้างๆ พล.อ.มิลลีย์ ระบุว่า ความช่วยเหลือทางทหารที่บรรดาพันธมิตรมอบให้ยูเครน น่าจะมอบความได้เปรียบแก่กองกำลังยูเครน ในฤดูหนาวที่กำลังมาเยือน "เราผลักดันชุดสู้รบฤดูหนาวจำนวนมหาศาลเข้าสู่ยูเครน ขอบคุณประเทศต่างๆ อย่างเช่นแคนาดา และอื่นๆ ที่ใจกว้างอย่างมาก"
นอกจากนี้ ออสติน มองว่า ด้วยรัสเซียกำลังสู้รบในต่างแดน และเผชิญการโจมตีเส้นทางลำเลียงเสบียง นั่นจึงเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับทหารมอสโกที่จะเข้าถึงชุดการสู้รบที่จำเป็นในช่วงฤดูหนาว "ผมคิดว่ายูเครนจะเหนือกว่าในการสู้รบนี้ เช่นเดียวกับที่เป็นอยู่ในตอนนี้ และพวกเขาจะยังคงรักษาความได้เปรียบตอนที่เข้าสู่ฤดูหนาว"
(ที่มา : รอยเตอร์)
