การถอนตัวออกจากเคียร์ซอนของกองกำลังรัสเซียไม่ส่งผลกระทบต่อสถานะทางกฎหมายใดๆ ของแคว้นแห่งนี้ ตามที่พวกเขาผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน หลังการทำประชามติเมื่อเดือนที่แล้ว จากคำยืนยันของเจ้าหน้าที่มอสโก ส่วนยูเครนก็ใช้ท่าทีระมัดระวัง เตือน "สงครามยังไม่จบ" แม้ชาวบ้านออกมาเฉลิมฉลองบนท้องถนนในความสำเร็จดังกล่าว ต่อเนื่องจนถึงช่วงสุดสัปดาห์
ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของวังเครมลินเน้นย้ำว่า "แคว้นเคียร์ซอนยังคงเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐรัสเซีย และสถานะนี้ตายตัวและระบุไว้อย่างชัดเจนตามกฎหมาย ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อสถานะดังกล่าว"
ความคิดเห็นของเขามีขึ้นหลังจากกระทรวงกลาโหมแถลว่ากองกำลังรัสเซียสิ้นสุดปฏิบัติกลับเข้าไปปะจำการตามริมฝั่งแม่น้ำทางซ้ายของแม่น้ำดนิโปรเมื่อวันศุกร์ (12 พ.ย) โดยปราศจากความสูญเสียใดๆ ทั้งด้านบุคลากร อาวุธและยานพาหนะ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียยังระบุด้วยว่า ชาวบ้านทุกคนที่ปรารถนาอพยพออกมา ได้รับความช่วยเหลือและพาตัวข้ามแม่น้ำอย่างปลอดภัย แม้มีความพยายามจากกองกำลังเคียฟที่ใช้ปืนใหญ่ก่อความวุ่นวายต่อความเคลื่อนไหวของพลเรือน
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงปลายสัปดาห์ เซอร์เก ซอยกู รัฐมนตรีกลาโหมออกคำสั่งให้กองกำลังรัสเซียถอนตัวจากเคียร์ซอน เมืองเอกของแคว้นชื่อเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความสูญเสียที่ไม่จำเป็น และเข้ายึดฐานที่ตั้งป้องกันตนเองที่มีความเข้มแข็งกว่านี้ คำสั่งที่บรรดาเจ้าหน้าที่ทหารบอกว่า "เป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก และทิ้งให้เมืองแห่งนี้อ่อนแอจากการถูกยึดครองโดยทหารเคียฟ
แคว้นเคียร์ซอน กลายเป็นส่วนหนึ่งของดินแดนรัสเซียอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนที่แล้ว รวมถึงสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์ และแคว้นซาปอริซเซีย ตามหลังการจัดทำประชามติ เคียฟประณามประชามติดังกล่าวว่า "น่าอดสู" และสัญญาว่าจะเดินหน้าต่อสู่จนกว่าจะทวงทุกดินแดนที่พวกเขามองว่าเป็นของยูเครนโดยชอบธรรมคืนกลับมา
หลังจากรัสเซียถอนตัวออกจากเคียร์ซอน พวกชาวบ้านได้ออกมาเฉลิมฉลองบนท้องถนนต่อเนื่องจนถึงช่วงสุดสัปดาห์ แต่ทางเจ้าหน้าที่ยูเครนส่งเสียงเตือนว่า "สงครามนี้ยังไม่จบลง"
ตั้งแต่วันศุกร์ (11 ก.ย.) ฝูงชนส่งเสียงแสดงความยินดีต้อนรับทหารยูเครนเข้าสู่เมือง ซึ่งเป็นเมืองเอกของแคว้นหนึ่งเพียงแห่งเดียวที่อยู่ภายใต้การยึดครองของมอสโก นับตั้งแต่เปิดฉากรุกรานในเดือนกุมภาพันธ์
มีรายงานบรรยากาศเฉลิมฉลองแบบเดียวกันในแคว้นและเมืองอื่นๆ ทั่วยูเครนด้วย ในนั้นรวมถึงที่กรุงเคียฟและเมืองโอเดซา และแม้มันจะก่อความเสียหายแก่ความทะเยอทะยานของมอสโก แต่พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนยังคงแสดงท่าทีระมัดระวังต่อการถอนตัวออกจากเคียร์ซอนของทหารรัสเซีย
ยูริ ซัค ที่ปรึกษากระทรวงกลาโหมยูเครน เตือนผ่านสำนักข่าวบีบีซีว่ายังเร็วเกินไปที่จะผ่อนคลาย "เราเชื่อมาตลอดว่าเราจะปลดปล่อยเคียร์ซอนได้" เขากล่าว "และเรามั่นใจว่าเวลานี้ รัสเซียกำลังเริ่มเชื่อแล้วว่าพวกเขาจะไม่มีวันเอาชนะสงครามนี้ เราเห็นความตื่นตระหนกในกำลังพลของพวกเขา เราเห็นความตื่นตระหนกในกลไกโฆษณราชวนเชื่อของพวกเขา"
"แน่นอน มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญอย่างมาก แต่สงครามนี้ยังห่างไกลจากจุดจบ"
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ออกมาเปิดเผยในวันเสาร์ (12 พ.ย.) ว่ากองกำลังรัสเซียทำลายโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเมืองเคียร์ซอน ทางภาคใต้ของประเทศ ก่อนหลบหนีไป พร้อมระบุเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเริ่มเข้ารักษาความเสถียรภาพแก่เมืองแห่งนี้แล้ว
"ก่อนหลบหนีออกจากเคียร์ซอน พวกผู้รุกรานทำลายทุกโครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ การสื่อสาร น้ำ ความร้อนและไฟฟ้า ทุกที่ของรัสเซียมีเป้าหมายเดิม คือลบหลู่ผู้คนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่เราจะฟื้นฟูทุกอย่าง เชื่อผมเถอะ"
เซเลนสกีเผยว่า ทหารยูเครนสามารถเข้าควบคุมถิ่นพักอาศัยในแคว้นเคียร์ซอนได้เพิ่มเติมอีกมากกว่า 60 แห่ง "ตำรวจเริ่มใช้มาตรการรักษาเสถียรภาพ กำลังมีการดำเนินมาตรการรักษาเสียรภาพในเคียร์ซอน" เขากล่าว พร้อมเน้นว่าจนถึงตอนนี้ได้จัดการกับทุ่นระเบิด ลวดหนาม และระเบิดที่ยังไม่ทำงาน ได้เกือบ 2,000 รายการ
นอกจากนี้ ด้วยที่กองกำลังฝักใฝ่มอสโกยกระดับต่อสู้ดุเดือดในที่อื่นๆ ทางเซเลนสกีจึงเชื่อว่าการสู้รบในแคว้นโดเนตสก์ ทางภาคตะวันออกของประเทศคงไม่ต่างอะไรจากนรก
ประธานาธิบดีเซเลนสกีบอกว่า ปฏิบัติต่างๆ ในเคียร์ซอนและที่อื่นๆ ประสบความสำเร็จ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการต้านทานในแคว้นโดเนตสก์ ซึ่งเผชิญการโจมตีจากรัสเซียซ้ำแล้วซ้ำเล่า "มันไม่ต่างอะไรจากนรก ที่นั่นมีการสู้รบดุเดือดมากในทุกวัน" เขาก่ล่าว "แต่กำลังพลของเรากำลังปกป้องด้วยความกล้าหาญ พวกเขายืนหยัดต้านทานแรงกดดันจากพวกผู้รักษา รักษาไว้ซึ่งแนวป้องกันของเรา"
(ที่มา : บีบีซี/เอเอฟพี/อาร์ทีนิวา)