รัฐมนตรีของยูเครน แนะนำให้ประชาชนที่ลี้ภัยสงครามออกจากยูเครนหลังการรุกรานของรัสเซีย ใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนต่อไปในช่วงฤดูหนาวปีนี้ สืบเนื่องจากปัญหาไฟฟ้าดับผลพวงจากปฏิบัติการโจมตีทางอากาศของรัสเซียถล่มโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานที่สำคัญ
ไอรีนา เวเรสชุค รองนายกรัฐมนตรียูเครน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แห่งชาติที่ออกอากาศในวันอังคาร (25 ต.ค.) แจ้งกับชาวยูเครนซึ่งปัจจุบันหลบภัยอยู่ในต่างแดน ว่าพวกเขาควรรอจนกว่าเข้าฤดูใบไม้ผลิ แล้วค่อยเดินทางกลับมา "ฉันอยากขอให้พวกเขาอย่าเพิ่งเดินทางกลับ เราจำเป็นต้องอยู่รอดในช่วงฤดูหนาว"
นับตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคมเป็นต้นมา รัสเซียเปิดฉากโจมตีด้วยขีปนาวุธและโดรนระลอกแล้วระลอกเล่า เล็งเป้าหมายถล่มโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานของยูเครน ซึ่งทางเคียฟเผยว่ามันก่อความเสียหายแก่ระบบพลังงานของประเทศไปแล้วราวๆ 40%
เจ้าหน้าที่รายหนึ่งในกรุงเคียฟ เตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พลเมืองจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับการอยู่โดยปราศจากไฟฟ้าใช้เป็นเวลาหลายวัน หรือกระทั่งหลายสัปดาห์
การโจมตีโครงสร้างพื้นฐานในยูเครน เกิดขึ้นท่ามกลางราคาพลังงาน อาหารและสินค้าอื่นๆ ที่พุ่งสูงทั่วยุโรป ดินแดนที่ผู้ลี้ภัยจากยูเครนส่วนใหญ่ จากทั้งหมดหลายล้านคนไหลบ่าเข้าไปพักพิง ตามหลังการรุกรานของรัสเซียเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์
ราคาที่พุ่งสูงนี้ก่อปัญหาเพิ่มเติมแก่พวกผู้ลี้ภัย จำนวนมากประสบปัญหาในการหางานที่มีรายได้ดีและงานถาวรในประเทศที่พักอาศัยใหม่ของพวกเขา ดังนั้นหลายคนจึงอยากเดินทางกลับยูเครน
อย่างไรก็ตาม เวเรสชุค เตือนว่าโครงข่ายพลังงานของประเทศ "คงไม่รอด" หากว่าพวกผู้ลี้ภัยเดินทางกลับจากต่างแดน และสถานการณ์มีแต่จะเลวร้ายลง "การกลับมาในตอนนี้จะทำให้คุณและลูกหลานของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง"
เศรษฐกิจของยูเครนได้รับความเสียหายอย่างเลวร้ายนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี เรียกร้องขอความช่วยเหลือจากทั่วโลกเป็นการเร่งด่วนสำหรับชดเชยตัวเลขขาดดุลงบประมาณ ที่คาดหมายว่าจะอยู่ที่ 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีหน้า
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่ายูเครนจะต้องการเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในทุกเดือน เพื่อความอยู่รอดในปีหน้า และอาจเพิ่มเป็น 5,000 ล้านดอลลาร์ หากว่ามอสโกยกระดับโจมตีหนักหน่วงขึ้น
เชอร์ฮีย์ คิราล รองนายกเทศมนตรีเมืองลวิว ทางภาคตะวันตกของประเทศ ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีเมื่อวันเสาร์ (22 ต.ค.) ว่ายุทธศาสตร์ของรัสเซีย ต้องการก่อความเสียหายแก่โครงสร้างพื้นฐานสำคัญๆ ก่อนเข้าฤดูหนาว และผลักสงครามสู่พื้นที่ต่างๆ ที่อยู่ไกลออกไปจากแนวหน้า
รัสเซียเริ่มโจมตีเครือข่ายพลังงานของยูเครน ในการแก้แค้นเหตุโจมตีสะพานรถไฟและถนนของรัสเซียที่เชื่อมไปยังไครเมียเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม ขณะที่พื้นที่ต่างๆ ซึ่งเป็นเป้าหมายของการโจมตีระลอกล่าสุด ในนั้นรวมถึงแคว้นเชอร์คาซี ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเคียฟ และเมืองคเมลนิตสกี ไกลออกไปทางตะวันตก
ก่อนหน้านี้เมื่อวันศุกร์ (21 ต.ค.) เซเลนสกี กล่าวหารัสเซียวางทุ่นระเบิดที่เขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำแห่งหนึ่งในแคว้นเคียร์ซอน ทางภาคใต้ของยูเครน ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกองกำลังมอสโก
เขาบอกว่าหากเขื่อนไฟฟ้าพลังงานน้ำคาคอฟคาถูกทำลาย ประชาชนหลายแสนคนจะตกอยู่ในอันตรายจากอุทกภัย อย่างไรก็ตาม ทางรัสเซียปฏิเสธว่าไม่ได้มีแผนระเบิดเขื่อนดังกล่าว และบอกว่าเป็นฝ่ายยูเครนที่ยิงจรวดเข้าใส่เขื่อน
นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ หน่วยงานด้านลี้ภัยของสหประชาชาติพบว่ามีผู้ลี้ภัยจากยูเครนราวๆ 7.7 ล้านคนทั่วยุโรป ในนั้นรวมถึงรัสเซีย จากประชากรทั้งหมดประมาณ 44 ล้านคน
(ที่มา : บีบีซี/รอยเตอร์)