กองกำลังรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีสถานีไฟฟ้าพลังงานน้ำของยูเครนและที่ตั้งทางพลังงานอื่นๆ เมื่อตอนเช้าวันจันทร์ (31 ต.ค.) ส่งผลให้ประชาชนจำนวนมากต้องอยู่ไม่มีไฟฟ้าใช้และน้ำใกล้หมดแล้ว ในนั้นรวมถึงกรุงเคียฟ ที่พบเห็นชาวบ้านต้องต่อแถวรอรับน้ำยาวเหยียด ปฏิบัติการที่ทางประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ประกาศกร้าวว่าเป็นการแก้แค้นเหตุโจมตีกองเรือรัสเซียในไครเมีย
ระเบิดตูมสนั่นหลายรอบสั่นสะเทือนกรุงเคียฟ และพบเห็นกลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นเหนือเมืองหลวงของยูเครน ตามหลังปฏิบัติการโจมตีด้วยโดรนและขีปนาวุธของรัสเซีย ที่ทางนายกรัฐมนตรีเดนีส ชมีฮาล แห่งยูเครน ระบุว่าเล็งเป้าหมายถล่มแคว้นต่างๆ ของยูเครน 10 แห่ง และก่อความเสียหายแก่ที่ตั้งทางพลังงานราวๆ 18 แห่ง
ชมีฮาล ระบุไฟฟ้าถูกตัดในถิ่นพักอาศัยหลายร้อยแห่งทั่วยูเครน แม้กองทัพอากาศเผยว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศของพวกเขา สามารถสอยร่วงขีปนาวุธที่รัสเซียยิงออกมา ได้ถึง 44 ลููก จากทั้งหมด 50 ลูก
ประชาชนต่อแถวรอรับน้ำยาวเหยียดในบางพื้นที่ของกรุงเคียฟ หลังนายกเทศมนตรีวิตาลี คลิตช์โก เผยว่า ชาวบ้านราวๆ 80% ต้องอยู่โดยไม่มีน้ำอุปโภคบริโภค และเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นระบุว่ามีประชาชนในเมืองหลวงมากกว่า 350,000 ครัวเรือน ที่ต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้า
ในอีกหลายชั่วโมงต่อมา คลิตช์โก อัปเดตสถานการณ์ ระบุว่าที่พักอาศัยราวๆ 270,000 แห่งยังคงปราศจากไฟฟ้าใช้ และ 40% ของประชาชนยังไม่มีน้ำอุปโภคบริโภค เจ้าหน้าที่ต้องประกาศดับไฟฉุกเฉินทั่วประเทศเพื่อประหยัดพลังงานและดำเนินการซ่อมแซม
เจอร์มาน กาลูชเชนโก รัฐมนนตรีพลังงานยูเครนเขียนบนเฟซบุ๊ก "อีกหนึ่งการโจมตีอันป่าเถื่อนต่อระบบพลังงานของยูเครน เกิดขึ้นในตอนเช้าวันนี้ สถานีไฟฟ้าย่อย โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำและโรงไฟฟ้าให้กำเนิดความร้อน ถูกเล่นงานด้วยจรวด"
"สถานีไฟฟ้าพลังงานน้ำในเมืองเครเมนชุค ทางภาคกลางของยูเครน ถูกโจมตี" ผู้ว่าการแคว้นระบุ และภาพที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ พบเห็นโรงไฟฟ้าคล้ายกันหลายแห่งในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศถูกโจมตีเช่นกัน
กระทรวงกลาโหมยูเครนระบุในถ้อยแถลงที่เผยแพร่บนทวิตเตอร์ว่า "เนื่องในวาระวันฮาโลวีน รัสเซียตัดสินใจดำเนินการก่อการร้ายด้วยขีปนาวุธอีกรอบ"
อ้างถึงระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังและขีปนาวุธพิสัยไกลที่จัดหาให้โดยสหรัฐฯ ทางกระทรวงกลาโหมยูเครนระบุว่า "นักบุญเจฟลิน และนักบุญไฮมาร์ส จะปราบวิญญาณชั่วร้าย"
ในกรุงเคียฟ ชาวบ้านที่ต่อแถวรอรับน้ำ ก็ส่งเสียงท้าทายรัสเซียเช่นกัน "พวกเหยียดผิว (รัสเซีย) ทำลายทุกๆ อย่างที่นี่ และพวกเขาคงมีความสุขกับมัน แต่เราสามารถยืนหยัดได้ และพวกเขาจะไม่สามารถรับมือกับสิ่งนี้ได้ เพราะว่าเราจะตีโต้กลับพวกเขา ไม่มีหนทางอื่น" ผู้หญิงวัย 74 ปีรายหนึ่งกล่าว
รัสเซียยกระดับโจมตีโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานและเมืองต่างๆ นับตั้งแต่กล่าวโทษยูเครนต่อเหตุระเบิดที่ก่อความเสียหายแก่สะพานแห่งหนึ่งที่เชื่อมทางภาคใต้ของรัสเซียกับดินแดนผนวกไครเมีย มอสโกอ้างว่าพวกเขาเล็งเป้าโจมตีที่ตั้งทางทหารและพลังงาน แต่อาคารที่พักอาศัยจำนวนมากก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน
ขณะเดียวกัน ในวันจันทร์ (31 ต.ค.) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน บอกว่าการโจมตีของรัสเซียถล่มโครงสร้างพื้นฐานของยูเครน และการตัดสินใจระงับเข้าร่วมโครงการส่งออกธัญพืชผ่านทะเลดำที่มีสหประชาชาติเป็นคนกลาง เป็นการตอบโต้เหตุโดรนโจมตีกองเรือของรัสเซียในไครเมีย ซึ่งเขากล่าวโทษไปที่ยูเครน
ปูตินระบุระหว่างแถลงข่าวในวันจันทร์ (31 ต.ค.) กล่าวหาว่าโดรนโจมตีเหล่านั้นใช้แนวกันชนทางทะเลเดียวกับที่ใช้ขนส่งธัญพืชออกจากท่าเรือต่างๆ ของยูเครน ภายใต้ข้อตกลงที่มีสหประชาชาติเป็นคนกลาง
เคียฟไม่กล่าวอ้างความรับผิดชอบเหตุโจมตีดังกล่าวและยืนกรานว่าไม่ได้ใช้แนวกันชนด้านความปลอดภัยในโครงการส่งออกธัญพืชเพื่อจุดประสงค์ทางทหาร ส่วนสหประชาชาติโต้แย้งว่าไม่มีเรือขนส่งธัญพืชลำใดที่ใช้เส้นทางทะเลดำในวันเสาร์ (29 ต.ค.) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียอ้างว่ากองเรือของพวกเขาในไครเมียถูกโจมตี
"มันยังไม่ใช่ทั้งหมดที่เราจะทำ" ปูตินกล่าว บ่งชี้ว่าอาจมีความเคลื่อนไหวอื่นๆ ตามมา
เจ้าหน้าที่ยูเครนบอกว่าโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน ในนั้นรวมถึงเขื่อนพลังงานน้ำ ถูกโจมตี ทำไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้าง อุปทานน้ำและทำความร้อนถูกตัด
นอกเหนือจากกรุงเคียฟและเมืองอื่นๆ ข้างต้น โอเลห์ ซีเนฮูบอฟ ผูัว่าการแคว้นคาร์คิฟ ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระบุผ่านเทเลแกรมว่า มีชาวบ้านราว 140,000 คนที่ต้องอยู่โดยปราศจากไฟฟ้าหลังถูกโจมตี ในนั้นรวมถึง 50,000 คนในคาร์คิฟ เมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของยูเครน
(ที่มา : รอยเตอร์)