รัสเซียในวันเสาร์ (29 ต.ค.) ระงับการเข้าร่วมข้อตกลงธัญพืชที่มีสหประชาชาติเป็นคนกลาง อ้างว่ายูเครนใช้โดรนโจมตีครั้งใหญ่ต่อกองเรือของพวกเขาในไครเมีย ส่งผลเสียต่อความพยายามคลี่คลายวิกฤตอาหารโลก
กระทรวงกลาโหมรัสเซียเปิดเผยว่า ยูเครนโจมตีกองเรือทะเลดำใกล้เมืองเซวาสโตโพล ในแหลมไครเมีย ที่มอสโกผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของดินแดน ด้วยโดรน 60 ลำ ในช่วงเช้าวันเสาร์ (29 ต.ค.) และมีผู้เชี่ยวชาญของกองทัพเรืออังกฤษคอยช่วยประสานงานการโจมตีแบบ "ก่อการร้าย" ดังกล่าว
มอสโกสกัดการโจมตีได้สำเร็จ และแม้มันก่อความเสียหายเพียงเล็กน้อยแก่เรือกวาดทุ่นระเบิดลำหนึ่ง แต่เรือหลายลำที่ตกเป็าเป้าหมายนั้นเกี่ยวข้องกับรับรองความปลอดภัยแก่แนวกันชนด้านอาหาร ช่องทางขนส่งธัญพืชออกจากท่าเรือต่างๆ ริมทะเลดำของยูเครน
"ฝ่ายรัสเซียขอระงับการมีส่วนร่วมในการบังคับใช้ข้อตกลงด้านการส่งออกผลผลิตทางการเกษตรจากท่าเรือต่างๆ ของยูเครน" กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุในถ้อยแถลง
รัสเซียระบุว่า มาตรการนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการโจมตีด้วยโดรน และการมีส่วนร่วมของพวกผู้เชี่ยวชาญอังกฤษ ซึ่งมันจะทำให้ยูเครนหมดหนทางในการส่งออกธัญพืชจากท่าเรือต่างๆ ริมทะเลดำที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง
อังกฤษในวันเสาร์ (29 ต.ค.) ตอบโต้ว่า คำกล่าวอ้างของรัสเซีย ในนั้นรวมถึงกรณีที่หาว่าบุคลากรกองทัพเรืออังกฤษระเบิดท่อลำเลียงนอร์ดสตรีมเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นคำกล่าวหาอันเป็นเท็จและมีเป้าหมายเบี่ยงเบนความสนใจออกจากความล้มเหลวทางทหารของรัสเซียในยูเครน
อันดรีย์ เยอร์มัค หัวหน้าคณะทำงานของ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน กล่าวหารัสเซียจัดฉากการก่อการร้ายปลอมๆ ถล่มกองเรือของตนเอง ส่วน ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศระบุว่า มอสโกกำลังใช้คำกล่าวอ้างอันเป็นเท็จฉีกข้อตกลง "ผมขอให้ทุกประเทศเรียกร้องรัสเซียหยุดเกมหิวโหยของพวกเขาและกลับมาปฏิบัติตามพันธสัญญา"
ข้อตกลงส่งออกธัญพืชที่มีสหประชาชาติเป็นคนกลางมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อตลาดอาหารโลก มันเปิดทางการส่งออกธัญพืชจากยูเครน หนึ่งในชาติผู้ส่งออกธัญพืชรายใหญ่ของโลก แต่การส่งออกดังกล่าวต้องหยุดชะงักลงตามหลังการรุกรานของรัสเซีย
นับตั้งแต่รัสเซียและยูเครนลงนามในโครงการริเริ่ม แบล็ก ซี เกรน อินิชิเอทีฟ (Black Sea Grain Initiative) ที่มีสหประชาชาติเป็นคนกลางในตุรกี เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม มีการส่งออกข้าวโพด ข้าวสาลี ผลิตภัณฑ์ดอกทานตะวัน ข้าวบาร์เลย์ ผักกาดก้านขาวและถั่วเหลือง จากยูเครนแล้วมากกว่า 9 ล้านตัน
แต่ก่อนหน้าข้อตกลงจะหมดอายุลงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ทางรัสเซียพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่ามีปัญหากับข้อตกลงนี้ ที่ทางตะวันตกบอกว่ามันช่วยคลี่คลายวิกฤตอาหารโลก
ดมิทรี โพลยานสกี รองเอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติ กล่าวว่า รัสเซียจะแจ้งกับ อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติ อย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการระงับข้อตกลงส่งออกธัญพืชจากท่าเรือต่างๆ ริมทะเลดำของยูเครน
ส่วนทางโฆษกของสหประชาชาติเผยว่าทางสหประชาชาติอยู่ระหว่างติดต่อประสานงานกับเจ้าหน้าที่รัสเซียเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าว
มาร์ติน กริฟฟิธส์ รองเลขาธิการฝ่ายความช่วยเหลือมนุษยธรรมของสหประชาชาติ เพิ่งบอกเมื่อวันพุธ (26 ต.ค.) ว่าเขาค่อนข้างมองในแง่บวกว่าจะมีการขยายกรอบเวลาข้อตกลงนี้ยืดยาวออกไปจากช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน
ขณะเดียวกัน ไม่ถึง 24 ชั่วโมงก่อนรัสเซียระงับการมีส่วนร่วมในข้อตกลงดังกล่าว โฆษกของเลขาธิการใหญ่แห่งสหประชาชาติอีกคนเพิ่งร้องขอให้ทุกฝ่ายต่ออายุข้อตกลงนี้
ทูซาน โอกุซ นักวิเคราะห์กลาโหมชาวตุรกีมองว่า "แม้ราคาในตลาดตะวันตกลดลง แต่รัสเซียไม่ได้อะไรเลยจากข้อตกลงนี้ ผมคิดว่านี่คือเหตุผลหลักของการถอนตัวของรัสเซีย คือตะวันตกไม่แยแสรัสเซีย"
กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียระบุว่า ตามหลังการโจมตีกองเรือของรัสเซีย "ฝ่ายรัสเซียไม่สามารถการันตีความปลอดภัยของเรือสินค้าพลเรือนที่เข้าร่วมในโครงการ Black Sea Initiative อีกต่อไป และขอระงับการนำไปปฏิบัติการตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอย่างไม่มีกำหนด"
ดมิทรี ปาตรูเชฟ รัฐมนตรีเกษตรกรรมของรัสเซีย ระบุในวันเสาร์ (29 ต.ค.) รัสเซียพร้อมป้อนอุปทานธัญพืชสูงสุด 500,000 ตันแก่บรรดาประเทศยากจนทั้งหลายในช่วง 4 เดือนข้างหน้าโดยไม่คิดเงิน ภายใต้ความช่วยเหลือจากตุรกี ทดแทนอุปทานธัญพืชของยูเครน
(ที่มา : รอยเตอร์)