xs
xsm
sm
md
lg

สะเทือนเลื่อนลั่น!! สะพานเชื่อมรัสเซียกับแหลมไครเมีย เจอ ‘ระเบิดทรัคบอมบ์’ เสียหายตกทะเลไปบางส่วน ด้านมอสโกประกาศตั้ง ผบ.รับผิดชอบทหารทั้งหมดใน ‘ศึกยูเครน’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เกิดระเบิดครั้งใหญ่เมื่อวันเสาร์ (8 ต.ค.) ซึ่งเป็นเหตุให้ “สะพานเคิร์ช” ที่เชื่อมระหว่างแหลมไครเมียกับผืนแผ่นดินหลักของรัสเซียพังครืนลงมาเป็นบางส่วน สร้างความเสียหายให้แก่เส้นทางลำเลียงสำคัญเส้นหนึ่งไปสู่ภาคใต้ยูเครนที่มอสโกกำลังประสบความเพลี่ยงพล้ำในการสู้รบ ทั้งนี้พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของรัสเซียแถลงว่าเหตุการณ์คราวนี้เกิดจากคนร้ายใช้ระเบิดรถบรรทุก ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 3 คน





ประธานสภาแคว้นไครเมีย ได้ออกมากล่าวหายูเครนในทันทีว่าอยู่เบื้องหลังการระเบิดครั้งนี้ ถึงแม้มอสโกเองยังไม่ได้ร่วมประณามด้วยโดยตรงก็ตาม พวกเจ้าหน้าที่ยูเครนนั้นเคยข่มขู่คุกคามครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะโจมตีสะพานแห่งนี้ และในคราวนี้ก็มีบางรายออกมาสรรเสริญความเสียหายที่เกิดขึ้น ทว่า กรุงเคียฟเองยังยั้งตัวไม่กล่าวอ้างแสดงความรับผิดชอบ

เหตุระเบิดครั้งนี้เสี่ยงอย่างแรงที่จะทำให้เกิดการบานปลายขยายตัวในสงครามที่ทำกันมา 8 เดือนแล้วนี้ โดยที่มีสมาชิกรัฐสภารัสเซียบางรายกำลังเรียกร้องขอให้ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ตอบโต้ด้วยการประกาศให้มันกลาย “การปฏิบัติการตอบโต้การก่อการร้าย” แทนที่จะยังใช้คำว่า “การปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร” อย่างที่ใช้อยู่

ถ้าหากเครมลิมตกลงเห็นชอบในเรื่องนี้ จะทำให้พวกเขาสามารถเพิ่มอำนาจมากขึ้นอีกให้แก่พวกหน่วยงานความมั่นคง สั่งห้ามการชุมนุมเดินขบวน เพิ่มการเซ็นเซอร์สื่อ สั่งจำกัดการเดินทาง และขยายการระดมพลบางส่วนซึ่งปูตินได้สั่งให้ดำเนินการไปในเดือนที่แล้ว

ไม่กี่ชั่วโมงหลังเหตุระเบิดครั้งนี้ กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่า ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.อ.เซียร์เก ซูโรวิคิน จะได้รับหน้าที่เป็นผู้บัญชาการกองทหารรัสเซียทั้งหมดที่กำลังสู้รบอยู่ในยูเครน ถือเป็นครั้งแรกที่มอสโกประกาศตั้งผู้บังคับบัญชาเช่นนี้อย่างเป็นทางการ

ซูโรวิคิน ซึ่งช่วงฤดูร้อนต้นปีนี้ได้เข้าทำหน้าที่รับผิดชอบกองทหารรัสเซียในภาคใต้ยูเครนนั้น มีประสบการณ์การสู้รบในสงครามช่วงทศวรรษ 1990 หลายครั้ง ทั้งในทาจิกิสถาน และเชชเนีย เขายังเคยเป็นผู้นำกองทหารรัสเซียในซีเรียด้วย และถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ควบคุมดูแลการทิ้งระเบิดอย่างสุดโหดซึ่งได้ทำลายเมืองอาเลปโป ในซีเรียจนแหลกราญไปเป็นอันมาก

สำหรับ “สะพานเคิร์ช” ซึ่งสร้างข้ามช่องแคบเคิร์ช ที่เป็นช่องแคบเชื่อมระหว่างทะเลดำ กับ ทะเลอาซอฟนั้น ถือเป็นสัญลักษณ์ที่จับต้องได้ประการหนึ่งของการที่รัสเซียประกาศอ้างกรรมสิทธิ์เหนือไครเมีย รวมทั้งเป็นสิ่งเชื่อมต่ออย่างเป็นรูปธรรมระหว่างแผ่นดินรัสเซียกับแหลมแห่งนี้ ที่รัสเซียประกาศผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของตนเมื่อปี 2014

สะพานเคิร์ช มีความยาว 19 กิโลเมตร ถือเป็นสะพานยาวที่สุดในยุโรป มีมูลค่าประมาณ 3,600 ล้านดอลลาร์ ตัวสะพานมีทั้งถนนและรางรถไฟสร้างเคียงกัน เริ่มเปิดใช้เมื่อปี 2018 และปัจจุบันกลายเป็นกุญแจสำคัญดอกหนึ่งในการประคับประคองการปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในภาคใต้ยูเครน

ขณะที่รัสเซียสามารถบุกเข้ายึดพื้นที่ต่างๆ ของยูเครนทางตอนเหนือขึ้นไปจากแหลมไครเมีย เป็นต้นว่า แคว้นเคียร์ซอน ตั้งแต่ระยะต้นๆ ของการรุกรานยูเครน รวมทั้งสร้างพื้นที่ระเบียงทางบกไปตามแนวชายฝั่งของทะเลอาซอฟ ทางฝ่ายยูเครนก็กำลังใช้การรุกโต้กลับเพื่อกดดันแย่งชิงเอาดินแดนเหล่านี้กลับคืนไป

คณะกรรมการต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติของรัสเซีย ออกคำแถลงในวันเสาร์ว่า ระเบิดรถบรรทุก (ทรัคบอมบ์) ซึ่งคนร้ายใช้ก่อเหตุคราวนี้ ทำให้รถโบกี้รวม 7 ตู้ของขบวนรถไฟบรรทุกเชื้อเพลิงเกิดไฟไหม้ และส่งผลให้สะพาน 2 ตอนพังครืนตกลงไปยังทะเลเบื้องล่าง

ด้านคณะกรรมการสอบสวนของรัสเซียกล่าว มีชายผู้หนึ่งและหญิงผู้หนึ่งซึ่งกำลังขับรถอยู่บนสะพานเสียชีวิต แต่ไม่ได้ระบุว่าผู้เสียชีวิตรายที่ 3 เป็นใคร ขณะมีรายงานระบุว่า ชายหญิงคู่นี้อยู่ในรถที่แล่นตามหลังรถบรรทุกซึ่งระเบิดตูมขึ้นมา

ตามระเบียบปฏิบัติแล้ว ยานพาหนะทุกคันที่ข้ามสะพานแห่งนี้ต้องผ่านการตรวจเช็กหาวัตถุระเบิดด้วยเทคโนโลยีล้ำยุค เวลานี้ยังไม่ทราบว่าเกิดความบกพร่องผิดพลาดที่ตรงไหน สำหรับรถบรรทุกคันที่กลายเป็นทรัคบอมบ์นั้นเจ้าของเป็นผู้พำนักอาศัยในแคว้นคราสโนดาร์ ทางภาคใต้ของรัสเซีย พวกเจ้าหน้าที่รับผิดชอบของรัสเซียแจ้งว่า บ้านพักของชายผู้นี้ถูกตรวจค้น และผู้เชี่ยวชาญกำลังติดตามหาเส้นทางการเดินทางของรถบรรทุกคันนี้

หลังเกิดเหตุ การสัญจรข้ามสะพานทั้งทางรางรถไฟและทางถนนถูกระงับไปชั่วคราว แต่การเดินทางโดยทางถนนนั้นสามารถกระทำได้ใหม่ตั้งแต่ช่วงบ่ายวันเสาร์ โดยใช้ถนนเลนที่ยังไม่ได้รับความเสียหายจากแรงระเบิด

สำหรับการสัญจรทางรถไฟนั้นฟื้นตัวขึ้นมาช้ากว่า แต่ขบวนรถไฟโดยสาร 2 ขบวนที่ออกจาก 2 เมืองในแหลมไครเมีย คือ เซวาสโตโปล และซิมเฟโรโปล สามารถออกเดินทางผ่านสะพานแห่งนี้ในช่วงคืนวันเสาร์ ขณะที่เรือข้ามฟากรับส่งผู้โดยสารระหว่างไครเมียกับแผ่นดินใหญ่รัสเซียมีกำหนดจะเปิดให้บริการกันใหม่ในวันอาทิตย์

กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า พวกทหารในภาคใต้ยูเครนนั้นได้รับสัมภาระที่จำเป็นต่างๆ โดยผ่านพื้นที่ระเบียงทางบกเลียบตามชายฝั่งทะเลอาซอฟ และโดยการขนส่งทางทะเล ขณะที่กระทรวงพลังงานของรัสเซียระบุว่า ไครเมียมีเชื้อเพลิงใช้ได้อย่างเพียงพอเป็นเวลา 15 วัน

พวกบล็อกเกอร์โพสต์เรื่องสงครามชาวรัสเซีย ตอบโต้ข่าวการโจมตีสะพานเคิร์ชคราวนี้กันอย่างโกรธเกรี้ยว โดยพากันรบเร้ามอสโกให้แก้แค้นด้วยการโจมตีพวกโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือนของยูเครน ขณะที่ ปูติน ออกคำสั่งให้จัดตั้งคณะทำงานภาครัฐบาลชุดหนึ่งขึ้นมาเพื่อรับมือกับเหตุฉุกเฉินครั้งนี้

เกนนาดี ซีอูกานอฟ หัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์รัสเซีย ออกคำแถลงกล่าวว่า “การโจมตีแบบก่อการร้าย” คราวนี้ควรถือเป็นเสียงของนาฬิกาปลุกซึ่งปลุกให้ตื่นขึ้นมา พร้อมกับเรียกร้องให้เปลี่ยน “การปฏิบัติการพิเศษทางทหาร” ไปเป็น “การปฏิบัติการเพื่อต่อต้านการก่อการร้าย”

เลโอนิด สชัตสกี้ ประธานคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของสภาล่างรัสเซีย บอกว่า จะต้องมีผลต่อเนื่องตามมาอย่างแน่นอนที่สุด ถ้าหากยูเครนเป็นผู้รับผิดชอบก่อเหตุครั้งนี้

สำหรับฝ่ายูเครน โอเล็กซีย์ ดานิลอฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงและการป้องกันแห่งชาติของยูเครน ทวีตคลิปวิดีโอแสดงให้เห็นสะพานเคิร์ชกำลังถูกไฟไหม้ และมาริลีน มอนโก กำลังร้องเพลง “แฮปปี้เบิร์ดเดย์ มิสเตอร์เพรสซิเดนซ์” ของเธอ
ทั้งนี้ ปูติน มีอายุครบ 70 ปีในวันศุกร์ (7) ที่ผ่านมา

ขณะที่ มีคาอิโล โปโดลยัค ที่ปรึกษาประธานาธิบดียูเครน โพสต์ทางทวิตเตอร์ภาพส่วนหนึ่งของสะพานที่กำลังจมน้ำ และเขียนข้อความว่า “ไครเมีย สะพาน จุดเริ่มต้น”

“ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผิดกฎหมายต้องถูกทำลาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกขโมยไปต้องกลับคืนมาสู่ยูเครน ทุกสิ่งทุกอย่างที่รัสเซียยึดครองเอาไว้ต้องถูกขับไล่ออกไป”

ด้านสำนักงานไปรษณีย์ยูเครนประกาศว่าจะออกแสตมป์เพื่อระลึกถึงเหตุระเบิดคราวนี้ อย่างที่ทางสำนักงานได้เคยทำภายหลังการจมลงทะเลของเรือลาดตระเวน “มอสควา” ซึ่งเป็นเรือธงของกองเรือทะเลดำรัสเซีย จากการโจมตีของฝ่ายยูเครน

ในกรุงมอสโก โฆษกกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย มาเรีย ซาคาโรวา แถลงว่า “ปฏิกิริยาของระบอบปกครองเคียฟที่มีต่อการทำลายโครงสร้างพื้นฐานทางพลเรือนเช่นนี้ แสดงให้เห็นธรรมชาติแห่งการเป็นผู้ก่อการร้ายของพวกเขา”

(ที่มา : เอพี, เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น