หน่วยความมั่นคงกลางของรัสเซีย (FSB) ประกาศจับกุมผู้ต้องสงสัย 8 คน ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับแผนก่อวินาศกรรม “สะพานเคิร์ช” ที่เชื่อมคาบสมุทรไครเมียกับรัสเซียเมื่อไม่กี่วันก่อน
FSB ระบุว่า ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับเป็นพลเมืองรัสเซีย 5 คน และพลเมือง “ยูเครนกับอาร์เมเนีย” อีก 3 คน พร้อมทั้งให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า “วัตถุระเบิดถูกซุกซ่อนมาในม้วนฟิล์มพลาสติก จำนวน 22 ม้วน ซึ่งมีน้ำหนัก 22,700 กิโลกรัม”
ม้วนพลาสติกเหล่านั้นถูกขนลงเรือจากท่าเรือโอเดสซาในยูเครนมุ่งหน้าไปยังบัลแกเรียเมื่อเดือน ส.ค. จากนั้นจึงถูกส่งผ่านท่าเรือโปติ (Poti) ในจอร์เจีย และถูกลำเลียงผ่านเส้นทางบกไปยังอาร์เมเนีย ก่อนจะเดินทางเข้าไปถึงรัสเซียด้วยเส้นทางรถยนต์
FSB พบว่า วัตถุระเบิดเหล่านี้ถูกขนข้ามแดนเข้าไปยังรัสเซียในวันที่ 4 ต.ค. โดยรถบรรทุกที่ติดป้ายทะเบียนอาร์เมเนีย และเดินทางไปถึงเขตกราสโนดาร์ (Krasnodar) ในวันที่ 6 ต.ค. หรือเพียง 2 วันก่อนจะเกิดเหตุระเบิดบนสะพานไครเมีย
FSB ยืนยันว่า หน่วยสืบราชการลับยูเครนอยู่เบื้องหลัง “การโจมตีก่อการร้าย” ครั้งนี้ และมีคนของเคียฟคอยประสานกับฝ่ายต่างๆ เพื่อที่จะขนวัตถุระเบิดเข้ามายังดินแดนของรัสเซีย
เหตุระเบิดขึ้นที่เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ (8) ส่งผลให้สะพานรถยนต์และรถไฟที่ทอดข้ามช่องแคบเคิร์ชได้รับความเสียหายและเกิดเพลิงไหม้รุนแรง และยังมีผู้เสียชีวิต 3 รายจากเหตุการณ์นี้
สะพานแห่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในด้านโลจิสติกส์สำหรับมอสโก เพราะเป็นเส้นทางที่รัสเซียใช้ลำเลียงอาวุธยุทโธปกรณ์ไปส่งให้ทหารที่สู้รบอยู่ในยูเครน
การระเบิดทำลายสะพานแห่งนี้ยังนับว่าให้ผลในเชิงสัญลักษณ์มากพอสมควร เนื่องจากเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน เคยเดินทางไปทำพิธีเปิดด้วยตนเองเมื่อปี 2018
ข่าวการโจมตีสะพานเคิร์ชยังทำให้ฝ่ายยูเครนได้ทีเฉลิมฉลองด้วยความสะใจ ขณะที่รัสเซียออกมาชี้หน้ากล่าวโทษเคียฟในวันอาทิตย์ (9) และแก้แค้นด้วยการเปิดฉากโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงทั่วยูเครนในวันจันทร์ (10) จนทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 19 คน บาดเจ็บอีกกว่า 100 คน
ที่มา : เอเอฟพี