ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย กำลังพิจารณาคืนสู่โต๊ะเจรจากับยูเครน จากการเปิดเผยของเมฟลุต คาวูโซกลู รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีในวันจันทร์ (26 ก.ย.) ความเคลื่อนไหวซึ่งเกิดขึ้นในขณะที่ศึกประชามติผนวก 4 แคว้นของยูเครนที่จัดทำโดยรัสเซีย ดำเนินการใกล้เสร็จสิ้นแล้ว และมันอาจนำมาซึ่งการรวมพื้นที่คิดเป็นสัดส่วน 15% ของยูเครน เข้าเป็นส่วนหนึ่งในดินแดนรัสเซีย
รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีเปิดเผยเรื่องดังกล่าว ระหว่างแถลงข่าวในกรุงโตเกียว เมืองที่เขาเดินทางไปร่วมพิธีศพของชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ซึ่งถูกลอบสังหารในเดือนกรกฎาคม
คาวูโซกลู เผยว่า ปูติน หยิบยกความคิดนี้ขึ้นมาระหว่างที่ผู้นำรัสเซียสนทนากับ ประธานาธิบดีเรเจป ตัยยิบ แอร์โดอัน แห่งตุรกี ณ ที่ประชุมซัมมิตขององค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Cooperation Organization : SCO) ในอุซเบกิสถาน
"ในการพูดคุยกับประธานาธิบดีของเรา ปูตินแจ้งถึงความเป็นไปได้ในการคืนสู่การเจรจากับเคียฟ แต่บนเงื่อนไขใหม่ที่ปรากฏขึ้น" คาวูโซกลู กล่าว อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้ให้รายละเอียดอย่างเจาะจงเกี่ยวกับเงื่อนไขเหล่านั้น
รัฐมนตรีต่างประเทศรายนี้เน้นย้ำถึงความปรารถนาของอังการา ในการจัดการเจรจาโดยตรงระหว่าง ปูติน กับ วลาดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน "ประธานาธิบดีของเราจะเดินหน้าติดต่อกับปูตินและเซเลนสกี เป้าหมายของเราคือดึงผู้นำทั้งสองประสานงานกัน เพื่อรับประกันว่าการตัดสินใจต่างๆ นั้นเป็นการตัดสินใจในระดับผู้นำ" คาวูโซกลู กล่าว
ก่อนหน้านี้บรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัสเซีย เน้นย้ำว่ามอสโกพร้อมเจรจากับเคียฟ และปักหมุดกล่าวโทษการเจรจาที่หยุดชะงักไปที่ฝ่ายยูเครน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกวังเครมลิน ระบุการเจรจาเป็นสิ่งจำเป็น พร้อมบอกว่า ปูติน ได้อธิบายถึงเรื่องดังกล่าวตั้งแต่ครั้งที่ยูเครนเดินหนีจากโต๊ะเจรจาไปเมื่อหลายเดือนก่อน
นอกเหนือจากการประกาศเป้าหมายเอาชนะมอสโกในสมรภูมิรบ เจ้าหน้าที่ยูเครนยังแสดงปฏิกิริยาโกรธกริ้วต่อการจัดประชามติเข้าร่วมรัสเซีย ที่จัดขึ้นในแคว้นลูฮันสก์และแคว้นโดเนตสก์ ในภูมิภาคดอนบาส ทางภาคตะวันออกของยูเครน และที่แคว้นซาปอริซเซียและแคว้นเคอร์ซอน ทางภาคใต้ของยูเครน
เมื่อวันอาทิตย์ (25 ก.ย.) เซเลนสกี เตือนว่าหากรัสเซียเดินหน้าจัดประชามติจนเสร็จสิ้น มันก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ "ไม่ว่ากรณีใดๆ" ในการเดินหน้าเจรจากับมอสโก
ศึกประชามติที่จัดทำมอสโก ที่อาจนำมาซึ่งการผนวกแคว้นต่างๆ คิดเป็นสัดส่วน 15% ของดินแดนยูเครน มีกำหนดแล้วเสร็จในวันอังคาร (27 ก.ย.) ขณะที่อีกด้านหนึ่งเครมลินเผยว่ายังไม่ตัดสินใจปิดชายแดนของประเทศ แม้มีรายงานพบเห็นประชาชนบางส่วนหลบหนี ตามหลัง ปูติน ออกคำสั่งระดมทหารกองหนุนเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2
การลงประชามติในแคว้นลูฮันสก์ โดเนสตก์ เคอร์ซอนและซาปอริซเซีย เริ่มต้นมาตั้งแต่วันศุกร์ (23 ก.ย.) เพิกเฉยเสียงโวยวายของบรรดาชาติตะวันตก ที่ประณามมันว่า "น่าละอาย" และประกาศกร้าวว่าจะไม่รับรองผลประชามติดังกล่าว
ในช่วงเย็นวันจันทร์ (26 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวอาร์ทีนิวส์ แห่งรัสเซีย รายงานว่า มีประชาชนในแคว้นโดเนตสก์และซาปอริซเซีย ออกมาใช้สิทธิใช้เสียงลงประชามติเกินกว่าหลักหมายสำคัญ 50% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
คำสั่งสะดมทหารกองหนุนบางส่วน 300,000 นาย นำมาซึ่งการประท้วงตามเมืองต่างๆ ในวงกว้าง และกลุ่มเฝ้าระวังหนึ่งประมาณการว่าจนถึงตอนนี้มีผู้ถูกจับกุมไปแล้วอย่างน้อย 2,000 นาย ท่ามกลางคำสั่งห้ามประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ "ปฏิบัติการพิเศษด้านการทหารของรัสเซีย" ตามรายงานของรอยเตอร์
รอยเตอร์ระบุว่า ตั๋วเที่ยวบินขาออกจำนวนมากขายหมดเกลี้ยง และพบเห็นรถยนต์แออัดอยู่ตามจุดผ่านแดนต่างๆ ท่ามกลางรายงานข่าวที่บอกว่ามีรถยนต์ต่อแถวยาวเหยียดรอคิวนานกว่า 48 ชั่งโมง บนถนนสายหลักเส้นเดียวที่สามารถข้ามชายแดนไปยังจอร์เจีย ประเทศเพื่อนบ้านที่ฝักใฝ่ตะวันตก ซึ่งยังคงอนุญาตให้พลเมืองรัสเซียผ่านเข้ามาได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับแนวโน้มของการปิดชายแดน โฆษกของวังเครมลินบอกกับพวกผู้สื่อข่าวในวันจันทร์ (26 ก.ย.) "ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลย ณ เวลานี้ ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆ ในเรื่องดังกล่าว"
(ที่มา : อาร์ทีนิวส์/รอยเตอร์)
