รัสเซียย้ำปกป้องดินแดนที่ผนวกเต็มกำลัง เดินหน้าทำประชามติในยูเครนตามแผน

รอยเตอร์ - ยูเครนกล่าวหารัสเซียยิงถล่มทางใต้เมื่อคืนวันเสาร์ (24 ก.ย.) ขณะที่มอสโกเดินหน้าทำประชามติผนวก 4 เขตทางตะวันออกและใต้ของยูเครน พร้อมยืนยันว่า ดินแดนเหล่านั้นจะอยู่ภายใต้ “การปกป้องอย่างสมบูรณ์” หากตกลงผนวกเข้ากับรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการปกป้องโดยใช้อาวุธนิวเคลียร์

เคียฟและตะวันตกโจมตีว่า การทำประชามติเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียในดินแดนที่มอสโกยึดได้เป็นการกระทำจอมปลอมเพื่อสร้างความชอบธรรมในการเข้าผนวกดินแดนเหล่านั้น และยกระดับสงครามด้วยกองกำลังที่เกณฑ์มาใหม่ หลังจากพ่ายแพ้ในสนามรบก่อนหน้านี้

ในการปราศรัยต่อสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ (ยูเอ็น) เมื่อวันเสาร์ เซอร์เก ลาฟราฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า การต่อต้านสงครามยูเครนขณะนี้จำกัดอยู่แค่อเมริกาและประเทศลิ่วล้อเท่านั้น เทียบกับที่ชาติสมาชิกเกือบ 3 ใน 4 เคยลงมติประณามรัสเซียและเรียกร้องให้ถอนทหารหลังจากที่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ไม่นาน

ขณะเดียวกัน ทั้งยูเครนและรัสเซียต่างโทษกันว่า ทำการยิงขีปนาวุธและปืนใหญ่ถล่มหลายพื้นที่ทางใต้และตะวันออกของยูเครน

กองทัพยูเครนเผยเมื่อเช้าวันอาทิตย์ (25 ก.ย.) ว่ากองกำลังรัสเซียยิงขีปนาวุธและโจมตีทางอากาศหลายสิบระลอกต่อเป้าหมายทางทหารและพลเรือนในช่วง 24 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น แต่รัสเซียปฏิเสธเรื่องการโจมตีพลเรือน

สำนักข่าวอาร์ไอเอของทางการรัสเซียยังรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่ระบุตัวตนว่า กองกำลังยูเครนถล่มยุ้งฉางและโกดังปุ๋ยหลายแห่ง

ขณะเดียวกัน การลงประชามติเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียถูกจัดขึ้นอย่างรีบเร่ง หลังจากยูเครนชิงเมืองต่างๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือคืนจากรัสเซียในปฏิบัติการตอบโต้ที่เริ่มต้นในเดือนนี้

เจ้าหน้าที่ยูเครนระบุว่า ประชาชนถูกห้ามเดินทางออกจากพื้นที่ซึ่งถูกรัสเซียยึดครองจนกว่าจะสิ้นสุดการลงประชามติที่จัดขึ้น 4 วัน และมีกลุ่มติดอาวุธเข้าไปข่มขู่ในบ้านเรือนประชาชน นอกจากนั้น พนักงานยังถูกขู่ไล่ออกถ้าไม่ไปลงประชามติ

ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ประกาศว่า การทำประชามติดังกล่าวจะถูกโลกประณามอย่างโจ่งแจ้ง เช่นเดียวกับการระดมพลครั้งใหม่ของรัสเซียที่เริ่มต้นเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เมื่อวันพุธ (21 ก.ย.) ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน สั่งระดมพลครั้งแรกนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่งผลให้ผู้ชายรัสเซียบางคนรีบเร่งเดินทางไปยังแนวชายแดน และค่าเดินทางข้ามแดนเข้าสู่ฟินแลนด์และจอร์เจียพุ่งขึ้น เช่นเดียวกับตั๋วเครื่องบินออกจากมอสโก

นอกจากนั้น ยังมีประชาชนกว่า 2,000 คนทั่วรัสเซียถูกควบคุมตัวจากการประท้วงร่างกฎหมายระดมพล รวมถึง 798 คนใน 33 เมืองเมื่อวันเสาร์

ในส่วนการทำประชามตินั้น รัสเซียยืนกรานว่า เป็นการหยิบยื่นโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่เหล่านั้นได้แสดงความคิดเห็น

ในการแถลงข่าวหลังปราศรัยในที่ประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็นที่นิวยอร์ก ลาฟรอฟกล่าวว่า ดินแดนที่จัดทำประชามติอยู่ในขณะนี้จะอยู่ภายใต้ “การปกป้องอย่างสมบูรณ์” จากมอสโก หากตกลงผนวกเข้ากับรัสเซีย

เมื่อถูกถามว่า รัสเซียมีเหตุผลในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ปกป้องดินแดนที่เข้าผนวกในยูเครนหรือไม่ ลาฟรอฟตอบว่า ดินแดนของรัสเซีย ซึ่งรวมถึงดินแดนที่จะถูกบรรจุในรัฐธรรมนูญของรัสเซียในอนาคตถือว่าอยู่ภายใต้การปกป้องอย่างสมบูรณ์จากรัสเซีย

รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียสำทับว่า กฎหมาย หลักการ แนวคิด และยุทธศาสตร์ทั้งหมดของรัสเซียจะบังคับใช้ในดินแดนทั้งหมดของประเทศ ซึ่งเป็นการพาดพิงโดยเฉพาะอย่างยิ่งถึงหลักการในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของรัสเซีย

ด้านกลุ่มประเทศผู้นำทางอุตสาหกรรม 7 ชาติ (G7) ประกาศว่า จะไม่ยอมรับผลการลงประชามติ ขณะที่ ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน กล่าวโจมตีว่า คำแถลงของรัสเซียเกี่ยวกับความเป็นได้ในการใช้อาวุธนิวเคลียร์เป็นสิ่งที่ “ยอมรับไม่ได้อย่างเด็ดขาด” พร้อมเรียกร้องให้มหาอำนาจนิวเคลียร์ทุกประเทศออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนว่า คำแถลงดังกล่าวของรัสเซียทำให้โลกตกอยู่ในความเสี่ยงและจะไม่ยอมให้เกิดขึ้น

นอกจากนั้น ยูเครนยังเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นจัดประชุมด่วนเรื่องการทำประชามติ โดยกล่าวหารัสเซียละเมิดกฎบัตรของยูเอ็นด้วยการพยายามเปลี่ยนแปลงพรมแดนของยูเครน