รัสเซียเมื่อวันเสาร์ (24 ก.ย.) เพิ่มบทลงโทษสำหรับพวกทหารที่สมัครยอมจำนนหรือปฏิเสธสู้รบ โดยมีสิทธิติดคุกสูงสุดเป็นเวลา 10 ปี และสั่งปลดนายพลระดับสูงที่รับผิดชอบด้านโลจิสติกส์ หลังประสบความปราชัยในหลายสมรภูมิในสงครามยูเครนที่ยืดเยื้อมานาน 7 เดือน ในขณะที่ผู้คนในรัสเซียยังคงอพยพหลบหนีและเดินหน้าประท้วงต่อต้านคำสั่งระดมทหารกองหนุนของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ล่าสุดมีผู้ถูกจับกุมไปอีกหลายร้อยคน
สถานการณ์ต่างๆ เหล่านี้มีขึ้นไม่กี่วัน หลังจากรัสเซียเรียกระดมทหารกองหนุนบางส่วน ที่อาจจะสูงถึง 300,000 คน ในช่วงเวลาที่เคียฟทวงคืนดินแดนได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในปฏิบัติการโจมตีตอบโต้กลับอันน่าตื่นตะลึง
ในคำพูดที่ดูเหมือนเป็นการตอบโต้บทลงโทษใหม่ของรัสเซีย โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวปราศรัยโดยตรงถึงพลเรือนรัสเซียในวันเสาร์ (24 ก.ย.) บอกกับชาวรัสเซียว่า ประธานาธิบดีของพวกเขารู้ดีว่า "กำลังส่งพลเมืองของตนเองไปตาย"
เซเลนสกี กล่าวเป็นภาษารัสเซีย เรียกร้องกองกำลังมอสโกให้ยอมจำนน "คุณจะได้รับการปฏิบัติในแนวทางศิวิไลซ์ จะไม่มีใครรู้กรณีแวดล้อมที่คุณยอมมอบตัว"
คำปราศรัยครั้งนี้มีขึ้นในขณะที่แคว้นต่างๆ ที่อยู่ภายใต้การยึดครองของเครมลิน ทั้งทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน กำลังจัดลงประชามติเป็นวันที่ 2 สอบถามประชาชนว่าต้องการผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียหรือไม่ เพิ่มความเสี่ยงทำให้สถานการณ์ความขัดแย้งลุกลามบานปลาย
การผนวกทั้ง 4 แคว้นเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย นั่นหมายความว่ามอสโกจะสามารถพิจารณาได้ว่า ความเคลื่อนไหวทางทหารใดๆ ใน 4 แคว้นดังกล่าว เท่ากับเป็นการโจมตีดินแดนของพวกเขา
เซเลนสกี ประณามการลงประชามติดังกล่าว โดยเมื่อวันศุกร์ (23 ก.ย.) เรียกมันว่าเป็น "อาชญากรรมที่ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายยูเครน"
ปฏิบัติการรุกคืบของยูเครนเมื่อเร็วๆ นี้ สะท้อนความบกพร่องต่างๆ ในวิธีการของรัสเซีย นับตั้งแต่เปิดฉากรุกรานเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ โดยนักวิเคราะห์บางส่วนมองไปที่ปัญหาทางโลจิสติกส์ มีความสับสนวุ่นวายในการจัดส่งเสบียงในยูเครน จนทำให้กองทัพรัสเซียมีเสบียงไม่เพียงพอและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
กระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุว่า "พล อ.ดีมิทรี บูลกาคอฟ ถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และถูกแทนที่โดย พล.อ.อาวุโส มิคาอิล มิซินต์เซฟ อายุ 60 ปี"
คำสั่งระดมทหารกองหนุนที่แถลงเมื่อวันพุธ (21 ก.ย.) ดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในความท้าทายของโลจิสติกครั้งใหญ่แรกๆ ของมิซินต์เซฟ เนื่องจากทหารกองหนุนหลายแสนนายที่ถูกระดมพล จำเป็นต้องมีอาวุธยุทโธปกรณ์และได้รับการฝึกฝนก่อนถูกส่งเข้าประจำการ
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า บรรดาผู้ชายชาวรัสเซียที่อายุถึงเกณฑ์จำนวนมากพยายามหลบหนี เที่ยวบินขาออกเต็มเกือบทุกเที่ยวและบรรดาประเทศเพื่อนบ้านต้องรองรับชาวรัสเซียที่ไหลบ่าเข้ามา ในนั้นพบเห็นรถยนต์ส่วนตัวราว 2,300 คัน จอดต่อคิวอยู่ที่จุดผ่านแดนหนึ่งเพื่อรอเดินทางเข้าสู่จอร์เจีย
"เราพูดคุยกับเพื่อนของเราและหลายคนคิดถึงการหลบหนีออกมา" ดาเรีย วัย 22 ปีกล่าว หลังหลบหนีจากรัสเซียไปยังอิสตันบูล พร้อมกับเพื่อนร่วมชาติของเธอจำนวนมาก "ไม่มีใครต้องการเดินทางออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ แต่การตัดสินใจระดมทหารกองหนุนในวันที่ 21 กันยายน บีบให้หลายคนคิดทบทวนใหม่อีกรอบ"
กลุ่มสังเกตการณ์อิสระ OVD-Info ระบุว่ามีประชาชนถูกจับกุมมากกว่า 700 คน ระหว่างชุมนุมประท้วงต่อต้านการระดมทหารกองหนุนในวันเสาร์ (24 ก.ย.)
เกิดการประท้วงอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกคำสั่งเกณฑ์พลเมืองเข้าเป็นทหาร โดยก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ ได้มีการชุมนุมในหลายเมืองและมีผู้ถูกจับกุมไปมากกว่า 1,000 คน
ล่าสุด มีรายงานว่า ปูติน ลงนามในกฎหมายฉบับหนึ่ง เพิ่มโทษสำหรับกำลังพลที่หนีทหารหรือยอมแพ้โดยไม่ได้รับอนุญาต ปฏิเสธสู้รบหรือขัดขืนคำสั่ง เป็นมีสิทธิติดคุกสูงสุด 10 ปี ส่วนพวกที่ก่อเหตุปล้นสะดมมีโทษจำคุกสูงสุด 15 ปี
ปูติน ยังลงนามกฎหมายอีกฉบับเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ชาวต่างชาติที่สมัครเข้ารับใช้กองทัพรัสเซีย สามารถขอสัญชาติรัสเซียได้ง่ายขึ้นด้วย โดยลดเกณฑ์คุณสมบัติสำหรับการขอสัญชาติลง จากเดิมที่ต้องอยู่อาศัยในรัสเซียนาน 5 ปีขึ้นไป เหลือเพียง 1 ปีเท่านั้น
นักวิเคราะห์มองว่า กฎหมายดังกล่าวมีเป้าหมายไปที่ผู้อพยพเข้าเมืองชาวเอเชียกลางจากประเทศอดีตสหภาพโซเวียต ซึ่งมักจะถูกจ้างไปใช้แรงงานด้วยค่าแรงที่ต่ำมาก
(ที่มา : เอเอฟพี/บีบีซี)