ขีปนาวุธรัสเซียพุ่งใส่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน ในแถบตอนกลางของยูเครนเมื่อวันจันทร์ (27 มิ.ย.) จากคำกล่าวอ้างของประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ในขณะที่มอสโกยังคงเดินหน้าสู้รบเพื่อควบคุมเมืองหลักทางตะวันออก และพวกผู้นำตะวันตกให้คำสัญญาว่าจะสนับสนุนเคียฟในสงคราม "ตราบนานเท่านาน"
เซเลนสกีเขียนบนเทเลแกรม ระบุว่ามีประชาชนมากกว่า 1,000 คนอยู่ภายในอาคาร ตอนที่ขีปนาวุธรัสเซีย 2 ลูกพุ่งใส่ห้างสรรพสินค้าในเมืองเครเมนชุก ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเคียฟ เจ้าหน้าทียูเครนระบุว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ราย และบาดเจ็บ 50 คน หน่วยกู้ภัยสอดส่องตามเหล็กที่บิดเบี้ยวและซากปรักหักพังเพื่อค้นหาผู้รอดชีวิต
"มันไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นการโจมตีที่คำนวณไว้แล้วอย่างชัดเจนใส่ศูนย์การค้าแห่งนี้" เซเลนสกี ระบุระหว่างกล่าวปราศรัยผ่านวิดีโอในเวลาต่อมาในช่วงเย็น พร้อมเชื่อว่าจำนวนผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มสูงขึ้น
รัสเซียไม่แสดงความคิดเห็นต่อการโจมตีดังกล่าว ซึ่งถูกสหประชาชาติและพันธมิตรตะวันตกของยูเครนรุมประณาม แต่ ดิมิทรี โปลยานสกี รองเอกอัครราชทูตมอสโกประจำสหประชาชาติ กล่าวหายูเครนใช้เหตุการณ์นี้เรียกความสงสาร ก่อนการประชุมซัมมิตพันธมิตรทหารนาโต้ระหว่างวันที่ 28 ถึง 30 มิถุนายน
"ทั้งที่ควรรอในสิ่งที่กระทรวงกลาโหมของเราจะแถลง แต่กลับมีการพูดจาคลาดเคลื่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว" โปลยานสกีเขียนบนทวิตเตอร์
ท่ามกลางความมืดที่ปกคลุมเมืองเครเมนชุก ทีมดับเพลิง และทหารใช้ไฟและเครื่องปั่นไฟเดินหน้าค้นหาแม้เข้าสู่ช่วงค่ำ ครอบครัวผู้สูญเสียบางรายพยายามกลั้นน้ำตาและเอามือปิดปาก ยืนเรียงแถวอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนน เฝ้ามองการทำงานของเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย
โฆษกสหประชาชาติระบุว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นเรื่องน่าสังเวช ส่วนพวกผู้นำจี 7 ที่รวมตัวกันเพื่อประชุมซัมมิตประจำปีในเยอรมนี ประณามในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "การโจมตีเลวทรามต่ำช้า"
"เรายืนหยัดเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่เคียงข้างยูเครน เศร้าเสียใจกับเหยื่อผู้บริสุทธิ์ของเหตุโจมตีโหดร้ายป่าเถื่อนนี้" จี 7 ระบุในถ้อยแถลงร่วมที่เผยแพร่ผ่านทวิตเตอร์โดยโฆษกรัฐบาลเยอรมนี "ประธานาธิบดีปูตินแห่งรัสเซียและพวกผู้อยู่เบื้องหลังจะต้องรับผิดชอบ"
ในที่อื่นๆ ในสมรภูมิรบ ยูเครนต้องเผชิญกับอีกวันที่ยากลาบาก หลังจากสูญเสียเมืองซีวีโรโดเนตสก์ ที่ตอนนี้เหลือแต่ซากปรักหักพัง จากการทิ้งระเบิดและสู้รบบนท้องถนนที่ยืดเยื้อนานหลายสัปดาห์
รัสเซียระดมยิงปืนใหญ่ถล่มลีซีชานสก์ เมืองคู่แฝดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำซิเวอร์สกี ทั้งนี้ ลีซีชานสก์ คือเมืองใหญ่สุดท้ายที่ยังคงอยู่ภายใต้การควบคุมของยูเครน ในแคว้นลูฮันสก์ ทางภาคตะวันออกของประเทศ ซึ่งกลายเป็นเป้าหมายหลักของเครมลิน หลังจากทหารรัสเซียล้มเหลวในการยึดกรุงเคียฟในช่วงต้นๆ ของสงคราม
ขีปนาวุธลูกหนึ่งของรัสเซียเข่นฆ่าชีวิตผู้คน 8 ราย และบาดเจ็บ 21 คนในวันจันทร์ (27 มิ.ย.) จากการเปิดเผยของ เซอร์ฮีย์ ไกได ผู้ว่าการแคว้นลูฮันสก์ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความคิดเห็นมาจากฝั่งมอสโก
ทหารยูเครนระบุว่า กองกำลังรัสเซียพยายามตัดขาดเมืองลีซีชานสก์ จากทางใต้ ในขณะที่รอยเตอร์ไม่ยืนยันรายงานข่าวจากฝั่งรัสเซียที่ระบุว่ากองกำลังของมอสโกสามารถลุยเข้าไปในเมืองได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ระหว่างการประชุมซัมมิตในเยอรมนี บรรดาผู้นำจี 7 ในนั้นรวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระบุว่าพวกเขาจะเดินหน้าคว่ำบาตรรัสเซียต่อไป ตราบใดที่มีความจำเป็น และยกระดับกดดันในระดับนานาชาติใส่รัฐบาลของประธานาธิบดีปูตินและพันธมิตรอย่างเบลารุส
สหรัฐฯ เผยว่าอยู่ระหว่างดำเนินการในขั้นท้ายสุดของแพกเกจช่วยเหลือทางอาวุธอีกชุดแก่ยูเครน ซึ่งจะรวมถึงระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกล อาวุธที่ทางเซเลนสกีร้องขออย่างเฉพาะเจาะจง ครั้งที่เขากล่าวปราศรัยกับพวกผู้นำผ่านวิดีโอลิงก์เมื่อวันจันทร์ (27 มิ.ย.)
ระหว่างการปราศรัยกับพวกผู้นำจี 7 เป็นอีกครั้งที่เซเลนสกีร้องขออาวุธเพิ่มเติม นอกจากนี้ เขายังขอให้ช่วยส่งออกธัญพืชจากยูเครนและยกระดับคว่ำบาตรรัสเซีย
กลุ่มจี 7 สัญญาว่าจะบีบรัดการเงินของรัสเซียหนักหน่วงยิ่งขึ้น ในนั้นรวมถึงข้อตกลงจำกัดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย ซึ่งเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ รายหนึ่งเผยว่า "ใกล้เห็นพ้องแล้ว" และสัญญามอบเงินช่วยเหลือแก่ยูเครนอีก 29,500 ล้านดอลลาร์ "เราจะเดินหน้ามอบแรงสนับสนุนทางการเงิน มนุษยธรรม ทางการทหารและการทูต และยืนหยัดเคียงข้างยูเครนตราบนานเท่านาน" ถ้อยแถลงของจี 7 ระบุ
สงครามก่อความยากลำบากแก่ประเทศต่างๆ ที่อยู่นอกเขตแดนยุโรป ในขณะที่ความยุ่งเหยิงด้านการส่งออกอาหารและพลังงานกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหนัก
(ที่มา : รอยเตอร์)